xs
xsm
sm
md
lg

จุดจบยูเครนคือไม่มียูเครน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทนง ขันทอง

บักห์มุตเมืองเล็กๆ ในแคว้นโดเนตสก์ทางตะวันออกของยูเครนที่ได้กลายเป็นสมรภูมิที่มีการสู้รบดุเดือดและรุนแรงที่สุดในศตวรรษที่ 21 ได้ปิดฉากลงแล้วในวันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยกองกำลังของ Wagner Group ของรัสเซียเป็นฝ่ายได้ชัยชนะอย่างเด็ดขาด

Yevgeny Prigozhin หัวหน้าของกลุ่มวากเนอร์เป็นผู้ออกมาประกาศชัยชนะ หลังจากสงครามดำเนินมาเป็นเวลา 224 วัน โดยที่โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ผู้นำของยูเครนส่งทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าไปในบักห์มุต เพื่อปกป้องเมืองเล็กๆ แห่งนี้ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ในพื้นที่ดอนบาส แม้จะแลกด้วยความสูญเสียอย่างมหาศาล

บักห์มุตมีความสำคัญด้านยุทธศาสตร์เนื่องจากเป็นจุดศูนย์กลางของการเชื่อมโยงระบบถนน และระบบรางในดอนบาส และภาคตะวันออกของยูเครน

ตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา ทหารยูเครนเสียชีวิต 300-500 คนต่อวัน ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดสูงถึง 60,000-80,000 คนในสมรภูมิแห่งนี้ เนื่องจากไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากทหารวากเนอร์ได้ ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพรัสเซีย ทั้งด้านข่าวกรอง ปืนใหญ่ เครื่องบินทิ้งระเบิด ขีปนาวุธ และระบบโลจิสติกส์

การพ่ายแพ้ในสมรภูมิบักห์มุตทำให้กองทัพยูเครน ที่ได้รับการสนับสนุนจากนาโตต้องเสียขวัญกำลังใจไปอย่างมาก เพราะว่ามันเป็นการชี้ชะตาสงครามยูเครนในระยะเวลาต่อไป

พันเอกดักลาส แมคเกรเกอร์ นายทหารที่เกษียณอายุแล้วแห่งกองทัพสหรัฐฯ บอกว่า รัสเซียตั้งเป้าหมายที่จะยึดโอเดสซา เมื่อท่าทางตอนใต้ และคาร์คอฟเมืองใหญ่ทางตะวันออกของยูเครนเป็นอันดับต่อไป ก่อนที่จะรุกคืบไปยึดกรุงเคียฟในสงครามที่ยืดเยื้อที่ยูเครนไม่มีทางประสบกับชัยชนะ

ทางที่ดี ยูเครนต้องรีบหาทางเจรจาสันติภาพ มิเช่นนั้นจะสูญเสียทั้งประเทศ
Seymour Hersh นักข่าวอาวุโสแนวสืบสวนเขียนรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ประเทศยุโรปนำโดยโปแลนด์ ฮังการี และกลุ่มประเทศบอลติกที่ประกอบด้วยเอสโตเนีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย กำลังเรียกร้องให้เซเลนสกี้หาทางเจรจากับรัสเซียเพื่อยุติความขัดแย้งทางสงคราม ถ้าหากทางยุติสงครามไม่ได้ก็ให้ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีของยูเครนไปเลย

แต่เซเลนสกี้ยังคงดื้อเพ่ง ไม่ยอมเจรจาหย่าศึก หรือไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เนื่องจากสปอนเซอร์ที่อยู่เบื้องหลังเซเลนสกี้คือโจ ไบเดน และริชี ซูนัค ยังไม่ยอมให้มีการเจรจา แต่ต้องการให้ยูเครนรบไปจนถึงทหารคนสุดท้าย

ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เฮิร์ซเป็นผู้เขียนรายงานว่า สหรัฐฯ และนอร์เวย์อยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซ Nord Stream 1, 2 เพื่อไม่ให้เยอรมนี และยุโรปต้องพึ่งพาก๊าซจากรัสเซียต่อไป


ที่ผ่านมาเซเลนสกี้ให้ข่าวเป็นระยะๆ ว่า ยูเครนเตรียมทำสงครามตอบโต้รัสเซียในฤดูใบไม้ผลิ (Spring Offensive) ซึ่งอยู่ระหว่างเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม เพื่อชิงคืนไครเมีย แต่จนแล้วจนรอดจะหมดฤดูใบไม่ผลิแล้ว แต่ไม่มีวี่แววว่ายูเครนจะสามารถระดมพล รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อทำการโต้กลับได้

ทางวอชิงตัน และพันธมิตรนาโตกำลังดูว่าจะให้การสนับสนุนยูเครนอีกต่อไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถทำสงครามตอบโต้รัสเซียได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับเซเลนสกี้ต้องเตรียมพร้อมเพื่อทุ่มกำลังสุดตัวในเวลานี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นว่ากองทัพยูเครนมีความคืบหน้าในการทำสงคราม

แม้จะมีรายงานว่ายูเครนเตรียมทหาร 50,000 นาย เพื่อทำการโจมตีตอบโต้ แต่ในจำนวนนี้อาจจะมีเพียง 25,000 นายที่อาจจะพออยู่ในฐานะที่จะทำการสู้รบได้ ที่เหลือไม่มีความพร้อม ทหารยูเครนบางส่วนได้รับการฝึกที่อังกฤษ สาธารณรัฐเช็ก เยอรมนี

เซเลนสกี้เดินสายในช่วงที่ผ่านมา เพื่อขอความเห็นใจ และขอความช่วยเหลือจากประเทศต่างๆ โดยระหว่างวันที่ 13-15 พฤษภาคม เขาเดินทางไปอิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศส และอังกฤษ ซึ่งต่างก็ให้คำมั่นว่าจะให้อาวุธช่วยเหลือยูเครนเพื่อยันทัพรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถหุ้มเกราะ รถถัง ขีปนาวุธ รวมทั้งช่วยให้ทหารยูเครนฝึกเครื่องบินรบ

สื่อของฝรั่งเศสเรียกคณะของนายเซเลนสกี้ว่าเปรียบเหมือนคณะละครสัตว์

วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมา เขาไปร่วมประชุมกับกลุ่มสันนิบาตอาหรับ เพื่อเรียกร้องความช่วยเหลือแต่ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือ ก่อนที่จะเดินทางไปเมืองฮิโรชิมาที่ญี่ปุ่นเพื่อร่วมประชุมกับกลุ่ม จี7 โจ ไบเดนบอกว่า จะเปิดทางให้ประเทศต่างๆ ให้ความช่วยเหลือเครื่องบินรบรุ่น F-16 ให้ยูเครน

นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงสหรัฐฯ บอกว่า นโยบายของโจ ไบเดนคือ จะให้ความช่วยเหลือยูเครนทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อให้ยูเครนสามารถปกป้องดินแดน และอำนาจอธิปไตยของตัวเองได้ โดยความช่วยเหลือนั้นจะไม่ไปไกลถึงขนาดที่จะก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3

สงครามยูเครนที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ปรากฏว่าทหารยูเครนเสียชีวิตไปแล้วประมาณ 250,000 นาย และได้รับบาดเจ็บไปประมาณ 300,000-400,000นาย ส่วนทหารรัสเซียชีวิตประมาณ 30,000-40,000 นาย โดยทหารที่เสียชีวิตส่วนมากเป็นพวกทหารรับจ้าง Wagner Group

รัสเซียยังไม่ได้ใช้อาวุธที่ทันสมัยในการรบกับยูเครนที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศนาโตกับพันธมิตรกว่า 40 ประเทศ แต่เอาอาวุธที่ค้างสต๊อกมาใช้ก่อน เนื่องจากรัสเซียทำสงครามที่ยืดเยื้อเพราะรู้ดีกว่ายุโรปและสหรัฐฯ กำลังประสบกับปัญหาเศรษฐกิจและการเงินอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันยุโรปกับสหรัฐฯ ไม่ได้มีอาวุธในสต๊อกมากพอที่จะทำสงครามยืดเยื้อกับรัสเซีย ที่ได้เตรียมทหารกองหนุน 300,000 นายแล้วเพื่อบุกกรุงเคียฟ

ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียบอกว่า ที่ผ่านมารัสเซียยังไม่ได้รบอย่างจริงๆ จังๆ เพราะว่าเตรียมอาวุธที่มีอานุภาพมากกว่าเพื่อการสงครามใหญ่ในยุโรป

เป้าหมายของปูตินในสงครามยูเครน

มันเลยจุดของการเจรจาเพื่อสันติภาพระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ+อังกฤษที่เป็นผู้นำชาติตะวันตกในสงครามยูเครนที่เป็นสงครามตัวแทน เพื่อวัดดวงวัดฝีมือว่าใครจะเป็นมหาอำนาจโลกในศตวรรษที่ 20

ตอนนี้รัสเซียไม่ไว้ใจสหรัฐฯ เนื่องจากว่าเจรจาไปแล้ว สหรัฐฯ จะบิดพลิ้วทีหลัง ไม่มีหลักประกันว่าสหรัฐฯ จะยึดมั่นใจคำสัญญา เพราะว่าที่ผ่านมารัสเซียยื่นข้อเสนอแผนความมั่นคงระหว่างรัสเซียกับยุโรป รัสเซียกับนาโต และรัสเซียกับสหรัฐฯ แล้ว แต่ถูกปฏิเสธ

นอกจากนี้ รัสเซียเสียท่าชาติตะวันตกมาตลอดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1, 2 ที่ต้องการครอบครองทรัพยากรธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ของรัสเซีย จนถึงตอนนี้ตะวันตกที่มีการขยายสมาชิกของนาโตมาประชิดชายแดนรัสเซีย

ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียจะเดินหน้าทำสงครามจนกว่าจะยึดยูเครนได้ทั้งประเทศ โดยหลังจากยึดโอเดสซาทางตอนใต้ และคาร์คอฟทางตะวันออกที่เป็นเมืองดั้งเดิมของรัสเซียได้แล้ว จะเดินหน้าถล่มกรุงเคียฟอย่างเดียว ขณะนี้ก็มีการยิงขีปนาวุธเข้าใส่กรุงเคียฟอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

ปูตินจะใช้ระเบิดและขีปนาวุธถล่มกรุงเคียฟ จนไม่เหลือซาก ประชาชนจะอยู่ไม่ได้ รัฐบาลของนายเซเลนสกี้ก็ไม่สามารถจะดำรงอยู่ต่อไปได้เหมือนกัน เพราะว่าอาคารสำนักงาน หรือทำเนียบประธานาธิบดีโดนทำลายย่อยยับ ความชอบธรรมในการเป็นประธานาธิบดีของเซเลนสกี้จะหมดไป

กองกำลังของรัสเซียที่ได้เตรียมความพร้อมแล้ว 300,000 นาย รวมทั้งกองกำลังของเบลารุสอีก 50,000 นายเตรียมที่จะบุกเข้าเคียฟ ทางตอนใต้และตอนบน โดยจะบีบเคียฟเหมือนกับแซนวิช

ต้องดูว่าเซเลนสกี้จะลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ หรือไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่ต่างประเทศหรือไม่

เมื่อยึดยูเครนแล้ว ปูตินมีสองทางเลือกคือ จะให้ผู้ที่มีเชื้อสายรัสเซียในยูเครนปกครองกันเอง ภายใต้การดูแลคุ้มครองของรัสเซียหรือจะผนวกดินแดนทั้งหมดของยูเครนเป็นของรัสเซีย หลังจากที่ได้ผนวกไครเมีย ลูฮันส์ โดเนตสก์ ซาโปริซเซีย และเคอร์สันไปแล้ว

ดูรูปการณ์แล้ว ยูเครนคงจะไม่มีแผนที่อยู่บนโลกอีกต่อไป

ระยะเวลาของการยึดยูเครนยังไม่มีความแน่นอน แต่คาดว่ารัสเซียอาจต้องการปิดเกมสงครามยูเครนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ในช่วงที่งบการเงินของสหรัฐฯ จะออกมาแบบเละตุ้มเป๊ะ เพราะว่ามีปัญหาแบงก์รัน ความน่าเชื่อถือในดอลลาร์ หรือเปโตรดอลลาร์ลดลง หนี้สินในระบบการเงิน เพื่อเตรียมทำสงครามใหญ่ต่อไป เพราะว่าอย่างไรเสียสหรัฐฯ ก็ต้องหาเรื่องก่อสงครามล้างหนี้

ประเทศที่อกสั่นขวัญแขวนมากที่สุดในเวลานี้คือโปแลนด์ เพราะว่าเสร็จศึกยูเครนแล้ว ปูตินจะเบนเข็มไปยังโปแลนด์

ที่ผ่านมา โปแลนด์ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างออกหน้าออกตาในการทำสงครามกับรัสเซีย แม้ว่าโปแลนด์จะเคยอยู่กับรัสเซียมาก่อนในประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ในเวลานี้โปแลนด์อยู่ฝั่งนาโต และสหภาพยุโรป

เซเลนสกี้ตกลงลับกับโปแลนด์ว่า จะยกดินแดนตะวันตกให้โปแลนด์ถ้าหากว่าช่วยยูเครนรบชนะรัสเซียได้

เซเลนสกี้มีข้อตกลงกับ BlackRock ที่จะให้เข้ามาควบคุมกิจการต่างๆ รวมทั้งทรัพยากรของยูเครน

ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า เซเลนสกี้เป็นนักการเมืองที่ขายชาติระดับโลกที่ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้

ถ้าหากสงครามโปแลนด์ระอุขึ้นมา ปูตินต้องการวัดใจว่านาโตจะยกทัพมาช่วยโปแลนด์หรือไม่ หรือเอาเข้าจริงต่างพยายามหนีเอาตัวรอด เพราะว่าแสนยานุภาพด้านนิวเคลียร์ของรัสเซียจะถูกนำออกมาใช้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฐานทัพรัสเซียในอาร์กติกที่มีการเตรียมความพร้อมแล้วในการถล่มกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย หรือยุโรปตอนเหนือถ้าหากยังทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อรัสเซีย

ท้ายที่สุดยุโรปอาจจะโดดเดี่ยวอังกฤษก็ได้ เพราะว่าประชาชนในประเทศต่างๆ ของยุโรปที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากของวิกฤตเศรษฐกิจจะลุกฮือขึ้นมาเพื่อต่อต้านสงคราม ที่เอื้อประโยชน์ให้กับสหรัฐฯ และอังกฤษ ที่ก่อสงครามความขัดแย้งกับรัสเซียและจีนเพื่อปกป้องระบบการเงิน และความเป็นมหาอำนาจโลกแต่ผู้เดียวของกลุ่มแองโกล-อเมริกัน

ต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เฮนรี คิสซินเจอร์เชื่อว่าสงครามยูเครนจะสามารถเจรจากันได้ก่อนสิ้นปี เพราะว่ามีจีนเข้ามาเกี่ยวข้อง ก่อนหน้านี้จีนเสนอแผนสันติภาพ 12 ข้อ โดยเรียกร้องให้หยุดยิง ให้รัสเซียครอบครองดินแดนที่ได้ผนวกไปแล้ว ให้ตะวันตกยกเลิกการแซงชั่นรัสเซีย

สาเหตุที่สหรัฐฯ ต้องทำลายรัสเซีย Zbigniew Brzezinski อดีตที่ปรึกษาทางความมั่นคงให้ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์ เขียนหนังสือ The Grand Chessboard ในปี 1997 เพื่อวางพิมพ์เขียวของนโยบายภูมิรัฐศาสตร์การเมืองให้สหรัฐฯ ในการครอบงำรัสเซียและรักษาความเป็นจ้าวโลกของตัวเองต่อไป

เขาเขียนว่ายูเครนเป็นประเทศที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในตารางหมากรุกของยูเรเซีย ถ้าไม่มียูเครน รัสเซียจะไม่สามารถเป็นใหญ่ในยูเรเซียได้ แต่ถ้ารัสเซียยึดยูเครนและทรัพยากรที่สำคัญได้ รัสเซียจะเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่เหนือทั้งยุโรปและเอเชีย

นอกจากยูเครนแล้ว อาเซอร์ไบจาน เกาหลีใต้ ตุรกี และอิหร่านจะเป็นประเทศที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในภูมิรัฐศาสตร์

Brzezinski แนะว่าในเมื่อยูเรเซียจะเป็นดินแดนที่มีความสำคัญในภูมิรัฐศาสตร์ของโลกต่อไปในอนาคต สหรัฐฯ จำต้องทำทุกอย่างไม่ให้มีมหาอำนาจใดของยูเรเซีย หรือรัสเซียนั่นเอง สามารถเติบโตขึ้นมาเพื่อท้าทายอำนาจของสหรัฐฯ ได้

จึงไม่น่าแปลกใจที่ในปี 2014 สหรัฐฯ ก่อวิกฤตยูเครนเพื่อดึงเอายูเครนออกจากอ้อมอกของรัสเซีย และสกัดแผนการใหญ่ของปูตินที่จะสร้างอาณาจักรยูเรเซียที่มีดินแดนกว้างใหญ่เชื่อมโยงยุโรปและเอเชียเข้าด้วยกัน สหรัฐฯ ไม่ลดละที่จะตีคอกให้รัสเซียอยู่ในวงจำกัด

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สร้างนาโตขึ้นในปี 1949 เพื่อเป็นตัวแทนของโลกเสรี เพื่อปิดล้อมรัสเซีย ทำให้รัสเซียต้องตั้งกลุ่ม Warsaw Pact ที่เป็นตัวแทนของค่ายคอมมิวนิสต์ขึ้นมาในปี 1954 ทั้งสองฝ่ายสู้กันผ่านสงครามเย็นและสงครามตัวแทนและการสะสมอาวุธนิวเคลียร์แข่งกัน จนในที่สุดรัสเซียแพ้ เพราะว่าระบบเศรษฐกิจของรัสเซียไม่มีความสามารถในการแข่งขันสู้ระบบของสหรัฐฯ ได้

อาณาจักรโซเวียตล่มสลายในปี 1991 แทนที่จะหยุดแค่นั้นสหรัฐฯ และนาโตแผ่ขยายอำนาจไปทางทิศตะวันออกเพื่อประชิดชายแดนรัสเซีย โดยดึงเอาประเทศสังคมนิยมยุโรปตะวันออก และประเทศที่เคยอยู่ใต้อาณัติของรัสเซียเข้าเป็นพวกแทน เพื่อทำลายความมั่นคงและยึดครองทรัพยากรธรรมชาติของรัสเซีย

Hillary Clinton ผู้ที่หวังจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ เคยกล่าวโจมตีปูตินและรัสเซียอย่างรุนแรง เธอบอกว่าปูตินเป็นภัยต่อประเทศในยุโรปและผลประโยชน์ของสหรัฐฯ เธอเรียกร้องให้มีมาตรการที่จะปิดกั้นไม่ให้ปูตินเดินได้ เธอกล่าวถึงปูตินว่า : “ฉันเห็นเขาเป็นคนที่เลือดเย็น เป็นสายลับเคจีบีที่มีแผนสูงที่จะทำให้ตัวเองและพวกพ้องร่ำรวย และพยายามที่จะรื้อฟื้นอำนาจของรัสเซียรอบๆ รั้วประเทศตัวเอง.”


เป้าหมายที่ใหญ่กว่าของปูติน 5 ประการ

1. ให้สหรัฐฯ ถอนฐานทัพออกจากยุโรป ฐานทัพของอเมริกันในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเยอรมนี อิตาลี ตุรกีเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของยุโรป นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังติดตั้งขีปนาวุธในยุโรป เพื่อคุกคามรัสเซีย รวมทั้งมีอาวุธนิวเคลียร์อีกด้วย ทำให้ยุโรปและรัสเซียไม่สามารถอยู่กันอย่างสันติได้

2. ปูตินต้องการล้มสหภาพยุโรป เมื่อไม่มีสหภาพยุโรป หรืออียู ประเทศยุโรปจะได้เลิกนโยบายหมาหมู่ในการแซงชั่น หรือเอาเปรียบประเทศอื่น ความจริง กลุ่มแองโกล-อเมริกัน ซึ่งมีสหรัฐฯ และอังกฤษเป็นแกนเป็นผู้ออกแบบ และสร้างสหภาพยุโรปขึ้นมา จะได้ต้อนประเทศยุโรปเข้าคอกและครอบงำได้สะดวก เวลาดีลกับยุโรป ก็สามารถใช้บรัสเซลส์จุดเดียว จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาพูดคุยกับหลายประเทศ ที่ผ่านมาสหภาพยุโรปถูกใช้เป็นเครื่องมือในการเอาเปรียบประเทศที่อ่อนแอ และใช้ในการก่อสงครามที่ขัดกับเจตจำนงในการสร้างสหภาพยุโรปแรกเริ่มแล้ว

3. องค์กรความร่วมมือทางทหารนาโตต้องถูกยุบไปด้วย การถอนฐานทัพของสหรัฐฯ จากยุโรป การล่มสลายของอียู และการยุบตัวของนาโตจะเกิดขึ้น พร้อมๆ กันถ้าหากปูตินสามารถชนะศึกยูเครน และโปแลนด์ ในขณะที่ยุโรปกำลังอ่อนแอเต็มกำลัง ยุโรปไม่ได้มีเวลามากในการรักษาสถานภาพของตัวเองเนื่องจากปัญหาเงินเฟ้อ หนี้ในระบบการเงิน วิกฤตเศรษฐกิจ การขาดแคลนพลังงานและอาหารที่กำลังเกิดขึ้น

4. รัสเซียจะฟื้นฟูสหภาพโซเวียตในรูปแบบใหม่ หลังจากโซเวียตล่มสลายในปี 1991 โดยจะกลับไปมีอิทธิพลเหนือเอเชียกลาง และยุโรปตะวันออกในรูปแบบของการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม โดยจะให้ยุโรปกลางเป็นรัฐกันชนกับยุโรปตะวันตก

5. ค่านิยมอนุรักษนิยมของรัสเซีย รวมทั้งศาสนาคริสต์ออร์โธด็อกซ์ของรัสเซียจะได้รับการฟื้นฟูในยุโรปและตะวันตกเมื่อรัสเซียสามารถทำลายอียู และนาโตได้แล้ว ในเวลานี้ ตะวันตกกำลังเข้าสู่ยุคของการทำลาย (Nihilism) ตะวันตกหันหลังให้กับค่านิยมที่ดีงามของความรักในครอบครัว และชุมชุน หันหลังให้กับพระเจ้า แต่หันไปบูชาลัทธิซาตานแทน มีการส่งเสริมลัทธิสุขนิยม ลัทธิบูชาเงิน ลัทธิวัตถุนิยม ลัทธิเสรีนิยมที่เกินขอบเขต การแต่งงานข้ามเพศ ลูกไม่เคารพพ่อแม่ผู้ใหญ่ หรือไม่ให้ความสำคัญกับชุมชน ความเห็นแก่ตัวกลายเป็นค่านิยมหลัก

ปูตินจะเร่งฟื้นฟูส่งเสริมศาสนาคริสต์ออร์โธด็อกซ์ ไม่เอาลัทธิซาตาน เน้นค่านิยมอนุรักษ์เดิม สอนให้ประชานภูมิใจในจารีตประเพณีของประเทศ ให้รู้จักชาตินิยม ให้รู้จักการเสียสละ ให้รักครอบครัวพี่น้อง และเผ่าพันธุ์ของตัวเอง

ทั้ง 5 เป้าหมายนี้ของปูติน จะเป็นจุดจบของประวัติศาสตร์หลังจากเสรีนิยมประชาธิปไตยจอมปลอมของตะวันตกประสบกับความปราชัย มันจะเป็นการเริ่มต้นมิติใหม่ ที่จะย้อนกลับไปหาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับยุโรป ย้อนกลับไปรับค่านิยมดั้งเดิม ศาสนาที่สอนให้เป็นคนดี และคนที่รักในพระเจ้า และมีความเกรงกลัวต่อบาป ให้กลับไปส่งเสริมหาจารีตประเพณีที่ดีงาม การไม่เอาเปรียบกัน การยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรมและระบบการเมืองเพื่อความสงบสุขของโลก

ถ้าเป็นอย่างนี้ ปูตินจะเป็นซีซาร์ของยุโรปยุคใหม่


กำลังโหลดความคิดเห็น