รอยเตอร์ - นักวิเคราะห์ทางการทหารคาดว่า การที่เมืองชายแดนทางตะวันตกของรัสเซียถูกบุกโจมตีต่อเนื่อง 2 วัน ขณะที่เคียฟเตรียมปฏิบัติการโต้กลับ อาจบีบให้เครมลินต้องดึงทหารกลับจากสมรภูมิรบในยูเครน นอกจากนั้น ยังเป็นการทำสงครามจิตวิทยากับมอสโก
แม้เคียฟปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็น แต่การข้ามพรมแดนจากยูเครนเข้าไปโจมตีในรัสเซียเมื่อวันจันทร์และอังคาร (22-23) ซึ่งถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดนับจากที่ยูเครนถูกรุกรานเมื่อ 15 เดือนก่อน เกือบจะเป็นที่แน่นอนแล้วว่า มีการประสานงานกับกองทัพยูเครนที่อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อชิงดินแดนคืนจากรัสเซีย ขณะที่ทางมอสโกได้สร้างแนวป้องกันทางด้านตะวันออกและใต้ของยูเครนเพื่อเตรียมรับมือเช่นเดียวกัน
นีล เมลวิน นักวิเคราะห์ของรอยัล ยูไนเต็ด เซอร์วิส อินสติติวท์ (อาร์ยูเอสไอ) ชี้ว่า ยูเครนกำลังพยายามดึงรัสเซียจากทิศทางต่างๆ เพื่อให้เกิดช่องโหว่ และรัสเซียกำลังถูกบีบให้ส่งทหารไปเสริมกำลังเมืองชายแดน
การบุกภูมิภาคเบลโกร็อดของรัสเซียเกิดขึ้นห่างจากศูนย์กลางการสู้รบในภูมิภาคดอนบาสทางตะวันออกของยูเครน และราว 160 กิโลเมตรจากแนวรบในมณฑลคาร์คีฟ
กองทัพรัสเซียแถลงเมื่อวันอังคารว่า ได้ส่งยานยนต์หุ้มเกราะติดตามกลุ่มที่โจมตีเบลโกร็อดเมื่อวันจันทร์ และสังหารกลุ่มชาตินิยมยูเครน 70 คน รวมทั้งผลักดันพวกที่เหลือกลับไปยังยูเครน
เคียฟยืนกรานว่า การโจมตีดังกล่าวเป็นฝีมือพลเมืองรัสเซียที่ต่อต้านเครมลิน ขณะที่รัสเซียน วอลันเทียร์ คอร์ป (อาร์วีซี) และฟรีดอม ออฟ รัสเซีย รีเจียน ที่ดำเนินการอยู่ในยูเครน ออกมาประกาศความรับผิดชอบในการโจมตีเบลโกร็อด
ทั้ง 2 กลุ่มนี้ก่อตั้งขึ้นระหว่างที่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครน และดึงดูดนักรบอาสาสมัครชาวรัสเซียที่ต้องการต่อต้านประเทศของตัวเองเคียงข้างยูเครน และโค่นล้มประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน
มาร์ก เกลิออตติ ประธานบริษัทที่ปรึกษา มายัค อินเทลลิเจนซ์ ที่มีฐานอยู่ในลอนดอน และเป็นผู้แต่งหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับกองทัพรัสเซีย กล่าวว่า 2 กลุ่มดังกล่าวประกอบด้วยคนรัสเซียที่ต่อต้านเครมลิน ทั้งฝ่ายเสรีนิยม อนาธิปไตย จนถึงนีโอนาซี
กระนั้น เกลิออตติสำทับว่า แม้กลุ่มเหล่านี้ต้องการล้มระบอบปูติน แต่ก็ถูกควบคุมโดยหน่วยข่าวกรองของกองทัพยูเครน
มิกไคโล โปโดลยัค ผู้ช่วยประธานาธิบดียูเครน ย้ำจุดยืนของเคียฟว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการโจมตีเบลโกร็อด
ด้านอเมริกายืนยันว่า ไม่ได้ช่วยหรือส่งเสริมให้ยูเครนเข้าไปโจมตีในดินแดนรัสเซีย แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเคียฟเองว่าจะดำเนินการปฏิบัติการทางทหารอย่างไร
การบุกเข้าไปในรัสเซียในลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และแม้ล่าสุดจะเป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุด แต่ยังถือว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับการสู้รบในสนามรบ
อเล็กเซ บารานอฟสกี้ โฆษกของฟรีดอม ออฟ รัสเซีย ลีเจียน บอกว่า ไม่สามารถเปิดเผยจำนวนนักรบที่เกี่ยวข้องในปฏิบัติการล่าสุด แต่บอกว่า ลีเจียนมีกำลัง 4 กองพัน และสำทับว่า รีเจียนไม่ได้สูญเสียหนักอย่างที่รัสเซียรายงาน
เขายังบอกว่า รีเจียนเป็นส่วนหนึ่งของอินเตอร์เนชันแนล รีเจียนของยูเครน ดังนั้น จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพยูเครน แต่ปฏิเสธว่า การรุกล้ำพรมแดนรัสเซียไม่ได้เป็นปฏิบัติการร่วมกับทางการยูเครน
เกลิออตติ เสริมว่า การบุกเบลโกร็อดดูเหมือนเป็นการปรับปฏิบัติการในสนามรบของยูเครนก่อนการโจมตีโต้กลับ ด้วยการทำให้รัสเซียกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่พลเมืองของตนจะลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน และการบีบให้รัสเซียกระจายกำลังไปยังพื้นที่ต่างๆ ทางฝ่ายเมลวินตั้งข้อสังเกตว่า การบุกข้ามพรมแดนยังปลุกเร้ากำลังใจในยูเครน
เจ้าหน้าที่เคียฟล้อเลียนคำพูดของเครมลินเกี่ยวกับการเข้าผนวกไครเมียในปี 2014 ที่เบื้องต้นมอสโกปฏิเสธว่า กำลังทหารที่เข้าไปในไครเมียไม่ใช่ทหารรัสเซีย
โปลโดยัคโบ้ยว่า การบุกเบลโกร็อดเป็นฝีมือ “กลุ่มกองโจรใต้ดิน” ที่ประกอบด้วยพลเมืองรัสเซีย และสำทับว่า “อย่างที่รู้กัน รถถังมีขายอยู่ทั่วไปในห้างขายอาวุธในรัสเซีย” ซึ่งเป็นการล้อเลียนคำพูดของปูตินในปี 2014 เมื่อถูกซักถามเกี่ยวกับการปรากฏตัวของกลุ่มชายฉกรรจ์สวมเครื่องแบบทหารรัสเซียแต่ไม่มีเครื่องหมายยศว่า “คุณสามารถซื้อเครื่องแบบทุกอย่างได้จากในห้าง”
ขณะเดียวกัน คนยูเครนพากันโพสต์ข้อความ “สาธารณรัฐประชาชนเบลโกร็อด” บนโซเชียล ล้อเลียนเหตุการณ์ในปี 2014 ที่กลุ่มติดอาวุธที่สนับสนุนรัสเซียประกาศตั้ง “สาธารณรัฐประชาชน” ในภูมิภาคโดเนตสก์และลูฮันสก์ทางตะวันออกของยูเครน