กองทหาร และกองกำลังความมั่นคงของรัสเซีย เข้ากวาดล้างปราบปรามสิ่งที่มอสโกกล่าวหาว่าเป็นการที่ยูเครนแอบยกกำลังข้ามพรมแดนเข้ามาโจมตี ได้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้วในวันอังคาร (23 พ.ค.) โดยอ้างว่าสามารถสังหารผู้ล่วงล้ำได้มากกว่า 70 คน ในการสู้รบที่กินเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ตามการแถลงของโฆษกกระทรวงกลาโหมแดนหมีขาว
สำนักข่าวเอพีบอกว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะหาการยืนยันรับรองอย่างเป็นอิสระต่อการกล่าวอ้างเรื่องมีกองกำลังอาวุธบุกรุกล้ำเข้าไปในดินแดนรัสเซียคราวนี้ที่เริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ (22) รวมทั้งเป็นไปไม่ได้ที่จะยืนยันด้วยความมั่นใจว่าใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีนี้ หรือมีจุดมุ่งหมายอะไร
แต่ฝ่ายมอสโกนั้นกล่าวประณามชัดเจนว่า การโจมตีเป็นฝีมือของพวกนักก่อวินาศกรรมที่เป็นทหารยูเครน ขณะที่เคียฟพูดถึงเหตุการณ์นี้ในภาพของการที่พวกฝ่ายต่อต้านชาวรัสเซียลุกฮือขึ้นมาคัดค้านเครมลิน
จากรายงานที่ปรากฏออกมา การสู้รบคราวนี้บังเกิดขึ้นที่แคว้นเบลโกร็อด ซึ่งอยู่ติดต่อกับพรมแดนยูเครน โดยที่เมืองเบลโกร็อดซึ่งเป็นเมืองเอกของแคว้นชื่อเดียวกัน อยู่ห่างราว 80 กิโลเมตรทางตอนเหนือของเมืองคาร์คิฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนซึ่งตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศ
โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซีย อีกอร์ โคนาเชนคอฟ แถลงอ้างว่า พวกผู้บุกรุกถูกไล่ต้อนโดยหน่วยทหารท้องถิ่น การโจมตีทางอากาศ และการถล่มด้วยปืนใหญ่
“พวกเศษเดนของกลุ่มนักชาตินิยม (ยูเครน) เหล่านี้ถูกผลักดันให้ถอยกลับไปยังดินแดนของยูเครน ที่ซึ่งพวกเขายังคงถูกถล่มโจมตีจวบกระทั่งพวกเขาถูกกำจัดไปอย่างสมบูรณ์แบบ” โคนาเชนคอฟ กล่าวโดยไม่ได้แสดงหลักฐานใดๆ และไม่ได้ระบุจำนวนการบาดเจ็บล้มตายของฝ่ายรัสเซียเอง
เขาบอกด้วยว่า ยานสู้รบหุ้มเกราะ จำนวน 4 คัน และรถกระบะ 5 คัน ที่กลุ่มผู้เข้าโจมตีใช้ก็ได้ถูกทำลาย ขณะพวกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของรัสเซียอ้างว่าพวกผู้รุกล้ำมีการใช้ทั้งโดรน และอาวุธอย่างปืนครกปืนใหญ่ในการโจมตีด้วย
ทางด้านผู้ว่าการแคว้นเบลโกร็อด วยาเชสลาฟ กลัดคอฟ แถลงว่า การโจมตีของผู้บุกรุกมีเป้าหมายอยู่ที่พื้นที่ชนบทรอบๆ เมืองเกรย์โวรอน เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ห่างแนวชายแดนราว 5 กิโลเมตร เขาระบุด้วยว่ามีพลเรือน 12 คนได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีคราวนี้ และมีหญิงชราผู้หนึ่งเสียชีวิตระหว่างมีการอพยพหลบภัย
ก่อนหน้านี้ในวันอังคารเช่นกัน กลัดคอฟ ได้รบเร้าชาวบ้านที่อพยพออกไปอย่าเพิ่งกลับบ้านจนกว่าจะได้รับคำแนะนำอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ โดยเขาระบุว่า ทางการกำลังดำเนิน “การปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย” เพื่อกำจัดผู้รุกล้ำ
กลัดคอฟ ออกประกาศครั้งแรกเมื่อบ่ายวันจันทร์ว่า ผู้ก่อวินาศกรรมจากกองทัพยูเครนได้เข้าสู่เกรย์โวรอน และเมืองนี้ยังถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่จากยูเครน
หลังจากนั้นเขาประกาศเริ่มปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย และสำทับว่า ทางการได้กำหนดมาตรการควบคุมพิเศษ ที่รวมถึงการตรวจสอบเอกสารประจำตัว และการแจ้งให้บริษัทต่างๆ งดใช้ระเบิด สารกัมมันตรังสี สารเคมี และสารชีวภาพที่เป็นอันตราย
ขณะที่ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัสเซียกล่าวหาว่ามีพวกนักก่อวินาศกรรมชาวยูเครนรุกล้ำเข้าไป แต่จัดเป็นครั้งแรกที่การปฏิบัติการเพื่อตอบโต้การโจมตีต้องดำเนินไปจนเข้าวันที่สอง
ในอีกด้านหนึ่ง คณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียแถลงวันอังคารว่า ได้เปิดการสอบสวนคดีอาญากรณีที่มีการโจมตีเขตที่อยู่อาศัยหลายแห่งในเบลโกร็อด ซึ่งรวมถึงการก่อการร้าย การพยายามสังหาร การทำลายหรือทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย การลักลอบขนถ่ายอาวุธและระเบิดผิดกฎหมาย
คำแถลงสำทับว่า ตัวแทนของกลุ่มติดอาวุธจากยูเครนโจมตีที่พักอาศัย อาคารราชการ และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือนในเมืองเกรโวรอน ด้วยปืนครกและปืนใหญ่
ขณะที่ยูเครนเองปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีคราวนี้ แต่อ้างว่าเป็นฝีมือหน่วยจรยุทธ์รัสเซียที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงในเครมลิน เวลาเดียวกัน สมาชิกกลุ่มซึ่งใช้ชื่อว่า “กองทหารเสรีภาพแห่งรัสเซีย” (ฟรีด้อม ออฟ รัสเซีย ลีเจียน) ซึ่งประกาศตัวต่อต้านเครมลิน ออกมาประกาศว่าได้บุกเข้าไปในเบลโกร็อด เช่นเดียวกับกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า เหล่าอาสาสมัครชาวรัสเซีย (รัสเชียน โวลันเทียร์ คอร์ป) ที่อ้างว่า ต่อสู้เพื่อสนับสนุนยูเครน และโพสต์บนเทเลแกรมว่า ข้ามชายแดนเข้าไปในรัสเซียอีกครั้งหลังจากครั้งที่แล้วข้ามไปเมื่อต้นเดือนมีนาคม
สำหรับกระทรวงกลาโหมอังกฤษทวีตว่า มีแนวโน้มสูงมากที่กองกำลังความมั่นคงของรัสเซียจะปะทะกับกลุ่มต่างๆ อย่างน้อย 3 จุดภายในเบลโกร็อด และอ้างว่า รัสเซียกำลังเผชิญภัยคุกคามด้านความมั่นคงหลายมิติในภูมิภาคต่างๆ ตามแนวชายแดน
ส่วน ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงในวันองคารว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้รับแจ้งสถานการณ์ในเบลโกร็อดแล้ว และเสริมว่า รัสเซียกำลังดำเนินการเพื่อจัดการกับกลุ่มผู้ก่อวินาศกรรม
คำแถลงของเครมลินสำทับว่า กลุ่มก่อวินาศกรรมและสอดแนมยูเครนที่บุกเข้าโจมตีเบลโกร็อดต้องการหันเหความสนใจให้ออกไปจากสถานการณ์ในเมืองบัคมุตที่กองทัพรัสเซียประกาศว่า สามารถเข้ายึดเบ็ดเสร็จหลังจากสู้รบดุเดือดนานกว่า 9 เดือน
(ที่มา : เอพี, รอยเตอร์, เอเอฟพี)
