xs
xsm
sm
md
lg

ว่าด้วยความล้มเหลวของประชาธิปไตย!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



ผู้นำฝรั่งเศส...ประธานาธิบดี “มาครง คนหนุ่ม” (Emmanuel Macron) ท่านค่อนข้างรับงานใหญ่ งานช้าง จนน่าจะเกินขีดความสามารถแห่งการ “อุ้มช้างไปอาบน้ำ” ได้ง่ายๆ!!! นั่นคือการหอบหิ้ว “คุณป้ามหาภัย” “นางUrsula von der Leyen” ประธานบริหารสหภาพยุโรป เดินทางไปเกลี้ยกล่อม โน้มน้าว ผู้นำจีน ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ถึงหัวกระไดบ้าน เพื่อให้เปลี่ยนท่าที เปลี่ยนจุดยืน ที่มีต่อหมีขาวรัสเซีย ในกรณี “วิกฤตยูเครน” เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว...

โดยถ้าว่าตามรายงานข่าวของสำนักข่าวอย่าง “The Politico” ต้องถือเป็น “ความล้มเหลว” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน ไม่ว่าจะ “วิงวอน” หรือ “ข่มขู่” กันในลักษณะไหนก็แล้วแต่ อาจด้วยเหตุเพราะความเป็นพันธมิตรระหว่างจีน-รัสเซีย ย่อมไม่ใช่เพียงแค่ “หุ้นส่วน” ระดับธรรมดาๆ แต่ถือเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ที่ไม่ได้มุ่งแต่จะตอบสนอง “ผลประโยชน์” ระหว่างประเทศทั้งสองเท่านั้น แต่ยังมุ่งที่จะเปลี่ยนโลกทั้งโลก หรือ “เปลี่ยนระเบียบโลก” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!! ดังนั้น...แม้ว่าจีนพร้อมเสมอที่จะญาติดีกับยุโรปทั้งยุโรป แต่บางสิ่ง บางอย่าง มันอาจต้องมี “ข้อจำกัด” อยู่มั่ง ต่างไปจากรัสเซียที่ถึงขั้น “ไร้ขีดจำกัด” ไปนานแล้ว หลังจากที่ทั้งสองประเทศได้ถักทอ บูรณาการ สัมพันธภาพและจุดมุ่งหมายทางยุทธศาสตร์ในลักษณะดังกล่าว นานนับร่วมทศวรรษๆ มาแล้วเห็นจะได้ โดยเฉพาะหลังจากที่คุณพ่ออเมริกาท่านเพียรพยายามดำรงตนเป็น “ประมุขโลก” พยายามเปลี่ยนโลกทั้งโลกให้ตกอยู่ภายใต้การควบคุม บังคับของ “โลกขั้วอำนาจเดียว” แบบเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด...

อย่างไรก็ตาม...“ความล้มเหลว” ของผู้นำฝรั่งเศสรายนี้ คงไม่ใช่แต่เฉพาะกิจการต่างประเทศหรือนอกประเทศตัวเองเท่านั้นกระทั่งภายในประเทศ ก็ดูจะออกอาการเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก เละเป็นเต้าหู้ตกโต๊ะ ไม่แพ้กัน อันเนื่องมาจากความโกรธ เกลียด เคียดแค้น พยาบาทของบรรดาชาวฝรั่งเศสนับล้านๆ ที่ไม่พอใจ ไม่ถูกใจ กับการผ่านกฎหมายปฏิรูปบำนาญโดยไม่ผ่านสภาฯ ของประธานาธิบดีรายนี้ จนเกิดการประท้วงลงถนนต่อเนื่องนับเป็นสิบๆ วัน ถึงขั้น...ล่าสุด กระทั่งร้านอาหารภัตตาคารที่ผู้นำรายนี้ชอบไปนั่ง ชอบไปกิน พาแขกบ้าน-แขกเมือง ไปเลี้ยงดูปูเสื่อ จนถือเป็น “ร้านเจ้าประจำ” มาตั้งแต่ครั้งเป็นนักศึกษาเอาเลยก็ว่าได้ อย่างภัตตาคาร “La Rotonde” ย่าน “Boulevard du Montparnasse” ก็เลยต้องพลอย “ซวย” ไปด้วย ถูกบรรดาผู้ประท้วงแห่ไปเผาร้านเพื่อระบายความแค้นตาแม้น ระบายความโกรธ เกลียด ต่อผู้ที่ถูกเรียกขานในนาม “ประธานาธิบดี...ของคนรวย” เล่นเอา “มาครง” ถึงกับต้องแอบถอดนาฬิการาคาแพงใต้โต๊ะ ระหว่างให้สัมภาษณ์นักข่าวเอาเลยถึงขั้นนั้น...

หรือถ้าว่ากันตาม “โพล” ที่ได้รับการสุ่ม สำรวจ ความคิดเห็นของชาวฝรั่งเศสครั้งล่าสุด (5 เม.ย.) โดย “The BFMTV poll” ว่ากันว่า...ถ้าให้เลือกประธานาธิบดีกันในวันนี้ โอกาสที่คู่แข่ง คู่ชิง ตำแหน่งประธานาธิบดีคราวที่แล้ว คือ “นางMarine Le Pen” ที่เคยแพ้ให้กับ “มาครง คนหนุ่ม” แบบหวีดหวิว ฉิวเฉียด น่าจะนอนมาโดยไม่ต้องมีบาทหลวง หรือพระเดินนำหน้าอยู่แล้วแน่ๆ เพราะมีคะแนนนิยมทิ้งห่างประธานาธิบดีคนปัจจุบันถึง 31 ต่อ 23 เปอร์เซ็นต์ หรือทิ้งห่างกันถึง 8 เปอร์เซ็นต์ อันถือเป็นภาพสะท้อนให้เห็นโดยชัดเจน ว่าบรรดาชาวปารีเซียงทั้งหลายออกอาการคล้ายๆ กับผู้ที่ “เลือกชัชชาติ” เป็นผู้ว่าฯ กทม.นั่นแหละ คือ “เข็ดแล้ว-ไม่เอาแล้ว” ต่อผู้ที่ตัวเองเพิ่งเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสไปหมาดๆ...

แต่ถ้าจะว่าไปแล้ว...ไม่ใช่แค่เฉพาะผู้นำฝรั่งเศสรายเดียวเท่านั้น ที่ต้องเจอกับความโกรธ เกลียด เคียดแค้นพยาบาทของผู้คนภายในสังคมตัวเอง ประเทศตัวเอง อย่างเห็นได้ชัดเจนเช่นนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยฝรั่งเศส ประชาธิปไตยอังกฤษ ประชาธิปไตยเยอรมนี ฯลฯ บรรดา “ปวงชน” ของแต่ละประเทศ ต่างมีอันต้องเจอกับผู้นำที่นับวันจะแสดงอาการ “สวนทาง” กับความรู้สึก ความต้องการ ของผู้ที่กำอำนาจ “อธิปไตย” เอาไว้ในมือ หรือของปวงชนทั้งหลาย อย่างน่าแปลก น่าประหลาดใจเอามากๆ!!! ไม่ว่าจะเป็นท่านนายกรัฐมนตรี “ฤาษี ซูนัค” (Rishi Sunak) แห่งอังกฤษ ที่ถูกเลือก ถูกสรร มาจากบรรดาสมาชิกพรรคอนุรักษนิยมแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรเท่านั้นเอง ที่ต้องเลิกแสดงอาการกลางๆ หันมา “สวิง” ด่าจีน ด่ารัสเซีย เพื่อให้เข้าตากรรมการ หรือเพื่อให้สามารถขึ้นชั้นเป็นผู้นำประเทศกันจนได้...

กระทั่งผู้นำเยอรมนี อย่าง “นายโอลาฟ นริพทะพันธุ์” (ไม่มีผม-หัวล้าน) หรือ “นายโอลาฟ โชลซ์” (Olaf Scholz) ที่แม้สินทรัพย์ของนักธุรกิจชาวเยอรมัน อันเกิดจากการร่วมทุนกับรัสเซีย อย่างท่อแก๊ส “Nord Stream” ถูกล้างผลาญ ทำลาย ถูกวางระเบิด จนไม่มีสิทธิส่งแก๊สราคาถูก มาป้อนให้กับชาวยุโรปเหมือนเคย ส่งผลให้วิกฤตพลังงาน ภาวะเงินเฟ้อกลายเป็นปัญหาต่อระบบอุตสาหกรรมและโรงงานต่างๆ ในเยอรมนี ชนิดมีแต่ “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” ไปเป็นแถบๆ แต่ผู้นำรายนี้ไม่เพียงแต่ต้อง “อมเชาวริน” (สากกะเบือ) ต่อไปเรื่อยๆ ยังต้องหันมาเล่นงานรัสเซีย ต้องส่งรถถัง ส่งอาวุธไปช่วยยูเครน จนขีดความสามารถในการปกป้องประเทศตัวเองแทบไม่เหลือ ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากการโจมตีใดๆ ได้ แถมยังถูกผู้คนพลเมืองชาวไส้กรอกทั้งหลาย แห่ออกมาประท้วงลงถนน คราวแล้ว-คราวเล่า...

ไม่ต่างไปจากผู้นำอเมริกา อย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ที่ไม่ว่าจะสำรวจความคิดเห็นกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง คะแนนนิยมมีแต่ร่วงผลอยๆ เหลือแค่หะมอยหรอมแหรมติดปลายนวมไม่กี่เปอร์เซ็นต์ หรือต่ำกว่าบรรดาประธานาธิบดีทั้งหลายเท่าที่เคยมีมา แถมยังเอ๋อแล้ว-เอ๋อเล่า พืดผิด-พืดถืก หันไปจับมือกับใครก็ไม่รู้กลางอากาศ ฯลฯ ออกอาการแบบที่อาจต้องนำข้อเสนอของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ ที่เสนอให้ตรวจสอบ “วุฒิภาวะผู้นำ” มาบังคับใช้ให้เป็นจริง-เป็นจังกันซะที ด้วยลักษณะอาการทำนองนี้นี่เองที่ทำให้บรรดา “ประชาธิปไตยแม่แบบ” ทั้งหลาย ไม่ว่าประชาธิปไตยอเมริกา ประชาธิปไตยอังกฤษ ประชาธิปไตยฝรั่งเศส ประชาธิปไตยเยอรมนี หรือ “ประชาธิปไตยตามมาตรฐานตะวันตก” ทั้งหลาย เลยกลายเป็นอะไรที่แทบไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่เหลือมาตรฐานใดๆ ให้กับผู้ที่คิดจะลอกแบบ เลียนแบบ เอาเลยแม้แต่น้อย...

หรือมันได้กลายเป็นมาตรฐานแบบที่นักเขียนเรื่องตลก นักเสียดสีชาวอังกฤษ อย่าง “Alan Coren” เคยเอ่ยเป็นวาทะเอาไว้นั่นแหละว่า...“ประชาธิปไตยก็คือ...การเลือกเผด็จการ!!! หลังจากพวกเขาได้บอกคุณในสิ่งที่คุณอยากได้ยินเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว” (Democracy consists of choosing your dictators, after they’ve told you think it is you want to hear.) หรือเป็นประชาธิปไตยแบบที่ “นายArt Spander” นักเขียน คอลัมนิสต์ชาวอเมริกัน แห่ง “San Francisco Examiner” เคยสรุปเอาไว้ว่า... “สิ่งที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับประชาธิปไตยก็คือ มันให้โอกาสผู้ลงคะแนนทุกคนได้ทำสิ่งที่โง่ๆ” (The great thing about democracy is that it gives every voter a chance to do something stupid.) อะไรประมาณนั้น ความเป็นประชาธิปไตยในอเมริกาและยุโรป เลยออกจะเป็นอะไรที่เข้ารก-เข้าพง ออกอ่าว-ออกทะเล หนักยิ่งเข้าไปทุกที...

ส่วนบ้านเรา...ที่ใครต่อใครกำลังขมักเขม้นอยู่กับความเป็นประชาธิปไตยกันชนิดอุตลุด ชุลมุน-ชุลเก อยู่ในทุกวันนี้ สุดท้ายแล้ว...มันจะเป็นไปตามมาตรฐานแบบไหนต่อแบบไหน ก็ยังมิอาจคาดคะเนได้ จะออกไปทาง “บิ๊กตู่” ทำต่อและอยู่ต่อตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีไปอีก 2 ปีหรืออีกกี่ปี ก็ยังมิอาจรู้ได้ หรือจะแลนด์ไถล ไปเข้าทางเท้า เข้าทางตีน คุณหลาน “อุ๊งอิ๊ง” หรือคุณพี่ “เศรษฐา” หรือจะก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยต้องมีผู้ที่คอยพยุงไม่ให้หกล้ม หรือเป๋ๆ ไป๋ๆ เอาง่ายๆ ดังที่ “บิ๊กป้อม” ท่านได้นำเสนอเอาไว้ ฯลฯ อันนี้...ก็คงต้องแล้วแต่ประชาชนคนไทย ปวงชนชาวไทย จะโง่-ไม่โง่ ขนาดไหน หรือไม่ อย่างไรแต่โดยสรุปแล้ว...สิ่งที่น่าจะสำคัญยิ่งไปกว่าความเป็นประชาธิปไตยใดๆ ก็แล้วแต่ ก็คงหนีไม่พ้นไปจากความถูกต้อง-เป็นธรรม หรือความเป็นไปตามครรลอง-คลองธรรม นั่นแหละ...สหาย!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น