ข่าวปนคน คนปนข่าว
** จบดรามาปาร์ตี้ลิสต์ “ค่ายสะตอ” วาง “สาวตั๊น-มาดามเดียร์” คู่กันเบอร์ 10-11 “เพื่อไทย” ปล่อย “เด็กเส้น” ยึดเซฟโซน ข้ามหัวผู้ใหญ่ “เมียบิ๊กกี่” ขาประจำ “บ้านเจ๊แจ๋น” เบอร์ 22 คง “ทักษิณสไตล์” วาง “ว่าที่ รมต.” รั้งท้ายบัญชี
ยื่นสมัครไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บัญชีผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง ที่แห่ไปยื่นในวันแรกถึง 49 พรรค พร้อมกับมีการจับสลากเบอร์ประจำพรรค ที่งานนี้ต้องเรียกว่าพึ่งดวงกันล้วนๆ ที่จับจ้องกันคงไม่พ้นบรรดาพรรคใหญ่-ตัวเต็ง ว่าจะได้เบอร์อะไร
โดยมีเพียง “ค่ายเซราะกราว” พรรคภูมิใจไทยที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคขึ้นไปจับลูกบอลด้วยตัวเอง และได้ “เลขตัวเดียว” มาคือ เบอร์ 7
ส่วนพรรคมีชื่ออื่นๆล้วนแล้วแต่ได้เลขสองหลัก ตั้งแต่พรรคชาติพัฒนากล้า เบอร์ 14, พรรคชาติไทยพัฒนา เบอร์ 18, พรรครวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 22, พรรคเสรีรวมไทย เบอร์ 25, พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26, พรรคเพื่อไทย เบอร์ 29, พรรคก้าวไกล เบอร์ 31, พรรคไทยสร้างไทย เบอร์ 32 และพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37
ทีนี้มาว่ากันในส่วนของบัญชีรายชื่อ ของแต่ละพรรค ซึ่งก็เป็นตามปกติที่ต้องมี “ดรามา” อย่าง “ค่ายลุงป้อม” ดรามาจบไปตั้งแต่ก่อนสมัคร กรณีนี้ของ “เจ๊แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ที่ขอสละสิทธิ์จากการสมัคร เพราะไม่พอใจลำดับที่ได้รับ เช่นเดียวกับรายชื่อท้ายๆ ที่ถอนตัวออกไปจนเหลือสมัครแค่ 92 คนเท่านั้น
หรือกรณี “เสี่ยยักษ์” วิรัช รัตนเศรษฐ ที่ระยะหลังมีบทบาทสูงในพรรค ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เพราะแม้จะเป็นรองหัวหน้าพรรค ที่ควรได้ลำดับสูงๆ อยู่ในเซฟโซน แต่ติดที่ถูกศาลสั่งเว้นวรรคการปฏิบัติหน้าที่ส.ส.จากคดีทุจริตสนามฟุตซอลอยู่ ก็เลยดัน “ลูกแบงก์” อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ขึ้นไปอยู่ในลำดับที่ 4 แทน ส่วนตัวเองแรกๆ ก็มีชื่อยู่ราวลำดับเกือบ 20 ก็อาศัยจังหวะชุลมุน กระเสือกกระสนขึ้นมาอยู่ลำดับ 9 หน้าตาเฉย
ทั้งที่ความจริงหากเลือกตั้งเสร็จ แล้วพรรคพลังประชารัฐ ได้ส.ส.ถึงตัว “วิรัช” จริง เจ้าตัวก็ยังไม่สามารถเข้าสภาฯได้ด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับ “เมีย-น้องเมีย” ที่ติดหล่มถูกเว้นวรรคในคดีสนามฟุตซอล ก็ยังได้ลงเขต ที่ จ.นครราชสีมา หากชนะมาได้ก็คงเข้าสภาฯไม่ได้เหมือนกัน
เอาว่าเลือกตั้งเสร็จหาก 3 คนนี้ได้เป็น ส.ส. ก็เท่ากับ “ค่ายลุงป้อม” จะหายไปทันที 3 เสียง
ถัดมาที่ “ค่ายลุงตู่” พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ว่ากันกว่า “เซฟโซน” บัญชีรายชื่ออยู่ราวๆ 15-20 ที่นั่ง ที่น่าสนใจตรงเป็นทีมเศรษฐกิจอย่าง “รองฯพงษ์” สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ และ “คุณปืน” ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ที่สอดแทรกขึ้นมาที่ 2 และที่ 4 ในช่วงโค้งสุดท้าย ทั้งที่เพิ่งมาเปิดตัวกับพรรคไม่นาน หรือรายของ “มาดามออย” พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ที่ได้ลำดับ 6 อยู่หัวแถวไม่ต่างจากสมัยอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ
ที่ “นอยด์” สุดๆ ไม่พ้น “ทีมองครักษ์พิทักษ์ลุงตู่” ทั้ง “เสี่ยแด๊ก” ธนกร วังบุญคงชนะ ที่ได้เบอร์ 10 รวมไปถึง “สาวอ้น” ทิพานัน ศิริชนะ ที่ได้เบอร์ 20 ที่ดูสุ่มเสี่ยงจะไม่ได้เข้าสภาฯ
ด้าน“ค่ายสะตอ”พรรคประชาธิปัตย์ ตัดจบปัญหา “สงครามนางฟ้า” เมื่อจัดลำดับให้ “สาวตั๊น” จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร กับ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค อยู่ติดกันที่ลำดับ 10-11 ก้ำกึ่ง “เซฟโซน” ที่คาดไว้ว่าประมาณ 10 ที่นั่ง ก็เลยได้เห็น “สาวตั้น” ที่เพิ่งโพสต์น้อยใจ ทำนองจะย้ายพรรคสวมแจ็คเก็ตสีฟ้า มาร่วมสมัครเมื่อวานนี้ด้วย
ที่น่าสนใจที่สุดไม่พ้น “ค่ายดูไบ” พรรคเพื่อไทย ที่ปิดลับรายชื่อมาโดยตลอด และว่ากันว่าเพิ่งไฟเขียวส่งมาจาก “แดนไกล” เมื่อช่วงเช้าตรู่วันสมัครนี่เอง ขนาด “แกนนำพรรค” ยังรู้แค่ว่าจะอยู่ในลำดับประมาณที่เท่าไร
หัวแถวเมื่อขาด “ตัวขาย” อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร และ “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน สองแคนดิเดนนายกฯของพรรค ก็เลยต้องให้ผู้อาวุโสของพรรค ทั้ง “พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์” และ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” อดีตหัวหน้าพรรค โดยมี “เฮียเสริฐ” ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคในลำดับที่ 3
ลำดับอื่นๆที่น่าสนใจ อาทิ ลำดับ 4 ชูศักดิ์ ศิรินิล, ลำดับ 5 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, ลำดับ 6 เกรียง กัลป์ตินันท์, ลำดับ 9 สุทิน คลังแสง และลำดับ 10 ชัยเกษม นิติสิริ ที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ คนที่ 3 ของพรรค ขณะที่เบอร์ใหญ่ อย่าง “จาตุรนต์ ฉายแสง”ได้เพียงลำดับที่ 13
ส่วนบิ๊กเนมที่เพิ่งกลับมาอยู่กับพรรค ก็ได้ลำดับดีถ้วนหน้า ลำดับ 7 “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ”, ลำดับ 8 “สุชาติ ตันเจริญ” และลำดับ 11 “สมศักดิ์ เทพสุทิน” เป็นอาทิ
มีการคะเนกันว่า พรรคเพื่อไทย น่าจะมีได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อมากกว่า 40 ที่นั่ง แต่ก็มีปัญหาไม่น้อย เพราะหลายชื่อที่เข้ามาอยู่ใน “เซฟโซน” มีเครื่องหมายคำถาม และโดนค่อนขอดว่าเป็น “เด็กเส้น” ไม่ว่าจะเป็น ลำดับ 20 ขัตติยา สวัสดิผล ที่ข่าวว่าถือ “ตั๋วนายน้อย” ข้ามหัวผู้หลักผู้ใหญ่มาหลายเบอร์
หรือ ลำดับ 22 ประวีณ์นุช อินทปัญญา เมียเลิฟของ “บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทปัญญา ส.ว. เพื่อนร่วมรุ่นของ “บิ๊กป้อม” ที่เดิมมองว่าเป็น “ซูเปอร์ดีล” ระดับ“นายๆ” ปรากฏเป็นแค่ “ขาประจำ” บ้านวิภาวดี ของ “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธาน กทม.ของพรรค เช่นเดียวกับ ลำดับ 25 ดนุพร ปุณณกันต์ และ ลำดับ 29 น.ส.ลิณธิธรณ์ วริณวัชรโรจน์ ก็อยู่ในข่ายเดียวกัน
ที่น่าตกใจคงเป็นรายของ ลำดับ 36 “ก่อแก้ว พิกุลทอง” แกนนำเสื้อแดง ที่กินโควตา “เสี่ยเต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ที่เป็นตัวเรียกแต้มประจำเวทีปราศรัย แต่ “ก่อแก้ว” ได้เพียงลำดับที่ 36 ถือว่าลูกผีลูกคน ไม่น้อย
ปาร์ตี้ลิสต์งวดนี้ของพรรคเพื่อไทย ก็ยังคงรูปแบบ “ทักษิณสไตล์” โดยวางตัว “ว่าที่รัฐมนตรี” ไว้ในลำดับท้ายๆ อาทิ ลำดับ 95 นลินี ทวีสิน, ลำดับ 96 พิชัย นริพทะพันธุ์, ลำดับ 97 พงศกร อรรณนพพร, ลำดับ 98 พวงเพ็ชร์ ชุนละเอียด, ลำดับ 99 สนธยา คุณปลื้ม และลำดับ 100 ภูมิธรรม เวชยชัย ที่เชื่อว่าหากได้เป็นรัฐบาล จะมีชื่อขึ้นเป็น “เสนาบดี” กันอย่างแน่นอน
**เลขนั้นสำคัญไฉน ปาร์ตี้ลิสต์พรรคใหญ่จับได้เลขสองหลักสื่อสารยาก คงจะมีแต่เลข 22 ของ รทสช.เท่านั้น ที่ถูกใจ “ลุงตู่” อย่างยิ่ง
ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการ กทม.2 เขตดินแดง คึกคักสองวันติด วันก่อนเป็นการเปิดรับสมัครส.ส.เขต วานนี้ (4เม.ย.) เปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ
บรรดาพรรคการเมืองและแฟนคลับต่างลุ้นว่าหัวหน้าพรรคของตนจะจับฉลากได้เบอร์อะไร สำหรับใช้ในการหาเสียงส.ส.บัญชีรายชื่อ ปรากฏว่า พรรคใหญ่ที่มีชื่อเสียง มีส.ส.ในสภา ส่วนใหญ่จับได้เลขสองหลัก มีเพียงพรรคภูมิใจไทยเท่านั้นที่ได้เลขหลักเดียวคือได้เบอร์ 7
เบอร์ที่เป็นเลขสองหลัก มักจะทำไม้ทำมือเป็นสัญลักษณ์ ระหว่างหาเสียงยาก แต่กระนั้นบรรดาหัวหน้าพรรคก็มักจะหาเหตุผล ต่างๆนานา ที่จะบอกว่า เลขของตนที่จับได้นี้ดี !!
เริ่มที่ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ล้วงเอาเลข 7 ออกมา ก็บอกอย่างปลื้มอกปลื้มใจว่า เป็นเลขที่ถูกโฉลกกับตนเอง ว่าแล้วก็โชว์การทำมือเป็นสัญลักษณ์เลข 7 แถมสั่งลูกทีมติดหมายเลข 7 ที่ป้ายหาเสียงทันที
"สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ก็ยิ้มรับที่พรรคได้หมายเลข 14 บอกว่าเลขนี้ตรงกับวันเลือกตั้ง วันที่ 14 พ.ค.พอดี ก็จะบอกประชาชนว่า วันที่ 14 พ.ค. ไปกาพรรคชาติพัฒนากล้า เบอร์ 14
“วราวุธ ศิลปอาชา” หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ได้เบอร์ 18 บอกว่าคงทำมือเป็นสัญลักษณ์ยาก อาจต้องใช้วิธีเขียนติดป้ายพร้อมชื่อพรรคให้ดู ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะไปร่วมดีเบตทุกเวที เพื่อสร้างคะแนนเสียงให้พรรค
“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ ได้หมายเลข 26 บอกว่าเป็นเลขที่ดี ซึ่งความจริงแล้วได้เลขไหนก็ดีหมด เพราะไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวเลขอย่างเดียว ขึ้นอยู่กับอุดมการณ์ ผลงาน จุดยืนทางการเมือง และสิ่งที่เราสั่งสมมา ดังนั้นพรรคก็มั่นใจว่าหมายเลขอะไรก็ไม่สำคัญ เบอร์อะไรชาวบ้านก็จำได้ หากตั้งใจจะเลือก
“นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ล้วงเอาหมายเลข 29 ออกมา แล้วบอกว่าเป็นหมายเลขที่ต้องการ เพราะจะอยู่แถวแรกด้านล่างของบัตรเลือกตั้ง ซึ่งจะทำให้หาง่าย กาง่าย แต่หากเป็นหมายเลขตัวเดียว ก็จะไปชนกับหมายเลขผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะทำให้สับสน ผิดหลงพอสมควร ดังนั้นการจับได้หมายเลข 29 ถือว่าเป็นข้อดี แม้จะทำมือไม่ได้ แต่เราจะเน้นที่ชื่อและโลโก้พรรคเป็นหลัก
ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง”แพทองธาร ชินวัตร และ “เศรษฐา ทวีสิน” คู่แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ตีความว่า ดี พรรคเพื่อไทยจะได้ทำให้หมดยุคนายกฯคนที่ 29 นี้เสียที และการเลือกตั้งครั้งนี้ คนของพรรคจะได้เป็นนายกฯคนที่ 30
“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยิ้มรับหมายเลข 37 ที่ตนเองจับได้ บอกเป็นเลขมงคล รวมกันได้ 10 จำง่าย ไม่กังวลว่าเป็นเลขที่อยู่ลึก ตนพอใจ ขอให้ประชาชนเลือกหมายเลข 37 เพราะ เลข 3 หมายถึง 3 นโยบายหลักของพรรคพลังประชารัฐ และ เลข 7 คือบัตรประชารัฐ 700
“หากประชาชนจะเลือก ก็ถือว่าจำง่าย ถ้าไม่เลือก ทำอย่างไรประชาชนก็จำไม่ได้” บิ๊กป้อม บอก
ส่วนที่แฮปปี้กว่าใครๆ ก็คงจะเป็น “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดนายกฯของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรคที่เป็นคนไปล้วงเอาเบอร์ 22 มาให้
เพราะเลข 22นั้นถือว่าเป็นเลขนำโชคของ “ลุงตู่” ที่ทำอะไรก็เป็นผลสำเร็จ อย่างการยึดอำนาจจาก “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อย่างสะดวก ราบรื่น ก็ทำในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ...วันแต่งงาน “ลุงตู่” กับ “อาจารย์น้อง” นราพร จันทร์โอชา ก็ 22 มิถุนายน 2527 ครองรักกันมาอย่างยาวนาน แถมมีลูกสาวฝาแฝดอีกต่างหาก
อย่างกำหนดวันยุบสภาฯตอนแรกก็จะเอาวันที่ 22 มี.ค.แต่ฝ่ายกฎหมายเห็นว่ากระชั้นชิดเกินไป เลยต้องขยับมายุบวันที่ 20 มี.ค.
ขนาดนักข่าวยังถามว่า เลข 22 เลขเบิ้ลนี้ จะพาให้เบิ้ลในตำแหน่งนายกฯด้วยหรือไม่ “ลุงตู่”บอกว่าคงไม่เกี่ยวกับการที่จะได้เป็นนายกฯเบิ้ล เรื่องของเลข ก็คือเลข เขาเอาไว้ให้คนเลือกตั้ง เดี๋ยวรอก่อน รอให้เลือกตั้งก่อน
เมื่อนักข่าวได้ขอให้ “ลุงตู่”ทำมือเป็นสัญลักษณ์ สื่อสาร เลข 22 ลุงตู่ก็ยกกำปั้นชูสองข้าง จากนั้นทำท่าชูสองนิ้วสองมือ และ ทำท่า Y2K และพูดทิ้งท้ายว่าเบอร์ 22 เลขที่ใกล้วันเกิดของตัวเอง
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า เลข 22 จะเป็นลักกี้นัมเบอร์ ที่พา “ลุงตู่” เบิ้ลตำแหน่งนายกฯหรือไม่