เห็นภาพผู้นำรัสเซีย...ประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ยืนยิ้มเผล่อยู่แถวหน้า โดยมีบรรดาผู้นำชาติแอฟริกาอีก 40 ประเทศยืนเรียงรายเป็นแผงๆ อยู่ทางด้านหลัง ในระหว่างการประชุม “Russia-African Summit” ที่กรุงมอสโกเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (20 มี.ค.) ก็คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยว่า โอกาสที่จะ “โดดเดี่ยว-ตัดขาด” ประเทศมหาอำนาจคู่แข่งของคุณพ่ออเมริการายนี้ ให้ต้อง “ปอกกล้วยเปลี่ยวในบ้านร้างอยู่ตามลำพัง” โดยบรรดาโลกตะวันตกทั้งหลาย นับจากกรณี “วิกฤตยูเครน” เป็นต้นมา ย่อมเป็นอะไรที่ “ยากส์ส์ส์” เอามากๆ ไม่ต่างไปจากการเข็นภูเขาขึ้นครก หรือการจูงอูฐรอดรูเข็ม อะไรประมาณนั้น...
ยิ่งผู้นำรัสเซียรายนี้ท่านได้ป่าวประกาศ คาดคะเน ทำนายทายทักเอาไว้ล่วงหน้า ว่าโดยบทบาทไม่ว่าในทางการเมืองเศรษฐกิจของบรรดาชาติต่างๆ ในแอฟริกา ที่นับวันจะแสดงออกถึงความมั่นอก-มั่นใจอย่างต่อเนื่องยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งการยืนหยัดต่อต้าน “แนวคิดแห่งการล่าอาณานิคมแผนใหม่” เช่นเดียวกับรัสเซีย ย่อมทำให้ภูมิภาคแห่งนี้น่าจะเป็นหนึ่งในบรรดาประเทศผู้นำแห่งการอุบัติขึ้นมาของ “โลกแบบหลายขั้วอำนาจ” (Multipolar World) ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล ยิ่งต้องถือว่าเป็นอะไรที่น่าจะสร้างความ “หนาวว์ว์ว์ยะเยือกก์ก์ก์” ให้กับบรรดา “อดีตนักล่าอาณานิคม” ในโลกตะวันตกทั้งหลายที่มีคุณพ่ออเมริกาเป็นผู้นำ และผู้ที่เพียรพยายามดำรง รักษา ความเป็น “ประมุขโลก” (Hegemony) ให้คงอยู่ต่อไปให้จงได้!!!
คือคงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...นับวันบทบาทมหาอำนาจคู่แข่งของคุณพ่ออเมริกา ไม่ว่าคุณน้ารัสเซีย-คุณพี่จีนในเวทีโลก หรือในภูมิภาคต่างๆ ไล่มาตั้งแต่แอฟริกา เอเชีย ตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา ฯลฯ เป็นอะไรที่มาแรง-แซงโค้งยิ่งเข้าไปทุกที ขนาดถูกคุณพ่ออเมริกาและชาติตะวันตกรวมหัวกันต่อต้าน แซงชั่น คว่ำบาตร ชนิดบาตรแตกไปเป็นใบๆ แต่การที่ชาติแอฟริกาเป็นแผงๆ ยังคงยืนหยัดเคียงข้างกับหมีขาวตัวนี้ อย่างไม่รู้ร้อน-รู้หนาว ไม่ได้สั่นสะท้าน สั่นสะเทือน ไม่ได้แสดงอาการ “อุจจาระขึ้นสมอง” เหมือนอย่างในอดีตที่เคยต้องอยู่ใต้มือ-ใต้ตีนของโลกตะวันตกมาโดยตลอด อันนี้ต้องเรียกว่า...ถือเป็นการสะท้อนให้เห็นถึง “ความเสื่อม” ของบรรดาโลกตะวันตก หรือ “โลกแบบขั้วอำนาจเดียว” (Unipolar World) อย่างเห็นได้ชัดเจน ชนิดแทบไม่มีข้อสงสัยใดๆ อีกต่อไป...
ยิ่งในภูมิภาคตะวันออกกลางที่เริ่มปรากฏให้เห็นการเปลี่ยนแปลงแบบ “พลิกหลังตีนเป็นหน้ามือ” อย่างมิอาจปฏิเสธ ถึงขั้นผู้นำอิหร่าน ประธานาธิบดี “Ebrahim Raisi” ได้ประกาศตอบรับคำเชิญของสมเด็จพระราชาธิบดี “King Salman bin Abdulaziz Al Saud” แห่งราชอาณาจากซาอุดีอาระเบีย ที่จะเดินทางไปเยือนอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้ บรรยากาศความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลาง อันเนื่องมาจากการยุแยงตะแคงรั่ว โดยคุณพ่ออเมริกาและโลกตะวันตก ที่ก่อให้เกิดความเป็น “ศัตรู-คู่กัด” ระหว่าง 2 พี่เบิ้มในตะวันออกกลาง จึงแทบกลายเป็น “อดีต” ไปแล้วก็ว่าได้ ทั้งนั้น ทั้งนี้...ก็ด้วยการรับอาสาเป็น “ตัวกลาง” ของคุณพี่จีน ในการช่วยให้ชาติทั้ง 2 หวนกลับมาคืนดีได้ดังเดิม รวมทั้งบทบาทของคุณน้ารัสเซียพันธมิตรรายสำคัญของอิหร่านที่ได้ยกระดับสัมพันธภาพกับซาอุดีอาระเบีย จนใกล้ถึงขั้น “พันธมิตรทางยุทธศาสตร์” ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกลนับจากนี้...
ส่วนในละตินอเมริกานั้น...ใครที่มีโอกาสได้อ่านข้อเขียน บทความ ชิ้นล่าสุดของผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสิทธิมนุษยชนของอเมริกาเอง คือ “นายDaniel Kovalik” แห่งภาควิชา “International Human Rights” มหาวิทยาลัย “University of Pittsburg School of Law” ว่าด้วยเรื่อง “The US shouldn’t be surprised Latin America is turning to Russian new sources” หรืออเมริกาไม่ควรแปลกใจว่าเหตุใดชาวละตินอเมริกาทั้งภูมิภาคถึงได้หันไปจูบปากรัสเซีย อะไรประมาณนั้น ก็คง “นึกภาพออก” ว่าแม้จักรวรรดิเครื่องจักรสังหารอย่างอเมริกา จะยังมี “ฐานทัพ” ยั้วๆ เยี้ยๆ อยู่ใน “สวนหลังบ้าน” ของตัวเองมากมายสักเท่าไหร่ แต่โดยอารมณ์-ความรู้สึกของบรรดาชาวละตินอเมริกาทั่วทั้งทวีป ที่ถูกกระทำย่ำยี โดยคุณพ่ออเมริกาแบบชนิด “ลืมไม่ลง” มาโดยตลอด ย่อมหนีไม่พ้นต้องหันเหไปยังมหาอำนาจคู่แข่งอย่างรัสเซีย ยิ่งโดยเฉพาะพญามังกรจีนที่ได้ลอดเลื้อย โอบกระหวัดรัดพันชาติต่างๆ ในละตินอเมริกา ตามเป้าหมายอภิมหาโครงการ “BRI” มาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ย่อมทำให้ “โลกเหนือ” หรือ “โลกตะวันตก” หรือ “โลกขั้วอำนาจเดียว” ย่อมมีแต่ต้องแห้งเหี่ยว หัวโต หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
ไม่ต่างอะไรไปจากเอเชียอีกนั่นแหละ...แม้ว่ายังพอมีญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ที่ยังคงยืนหยัด เคียงข้าง กับประมุขโลกอย่างคุณพ่ออเมริกาและโลกตะวันตกก็ตาม แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว ไม่ว่าในเอเชียกลาง เอเชียใต้ แม้แต่คุณปู่อินตะระเดียที่อเมริกาถึงกับนำเอาชื่อไปตั้งให้กับแผนยุทธศาสตร์การปิดล้อมจีน หรือ “ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก” ก็ตาม แต่ดันกลับหันไปซื้อน้ำมัน ซื้อแก๊ส ซื้ออาวุธจากรัสเซียซะเฉยเลย เช่นเดียวกับในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ไม่อยาก “มีเรื่อง” กับใครต่อใครด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่ารัสเซียบุกยูเครน หรือจีนบุกไต้หวัน หรือไม่? อย่างไร? ต้องถือเป็น “เรื่องของมึง” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งพวง ดังนั้น...ภายใต้บรรยากาศทำนองนี้นี่เอง ที่ทำให้ไม่ว่าผู้นำจีน-ผู้นำรัสเซีย ต่างแสดงออกถึง “ความมั่นอก-มั่นใจ” ก่อนการพบปะ เจอตัวแบบตัวเป็นๆ ในการเดินทางเยือนรัสเซียของประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” คราวนี้ อันปรากฏอยู่ในข้อเขียน บทความของผู้นำทั้งสอง ที่ถูกนำมาเผยแพร่ไว้ในหนังสือพิมพ์ “Rossiyskaya Gazeta” ช่วงวันอาทิตย์ (19 มี.ค.) ที่ผ่านมา ชนิดที่ผู้นำจีนถึงกับระบุไว้ว่า... “การเคลื่อนย้ายไปสู่โลกแบบหลายขั้วอำนาจ เป็นสิ่งที่มิอาจเปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไปแล้ว” หรือ “โลกทุกวันนี้...กำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอันลึกซึ้งอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนนับเป็นศตวรรษ โดยไม่ควรมีประเทศใด-ประเทศหนึ่งที่จะเป็นผู้บงการกฎระเบียบระหว่างประเทศอีกต่อไป การปลดปล่อยตัวเองจากการครอบงำของโลกตะวันตกเป็นสิ่งที่มิอาจหยุดยั้งได้ แนวโน้มแห่งประวัติศาสตร์กำลังนำไปสู่สันติภาพ การพัฒนา และความร่วมมือแบบต้องชนะด้วยกันทุกฝ่าย และนั่นคือชัยชนะของโลกหลายขั้วอำนาจ ของเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์ และประชาธิปไตยอันยิ่งใหญ่”...
ส่วน “ชัยชนะ” ที่ว่านี้...จะถูกแสดงออกมาในรูปไหน? อย่างไร? ดูเหมือนว่าผู้เชี่ยวชาญ กูรู-กูรู้ อย่างศาสตราจารย์ด้านการวิจัยแห่ง “Higher School of Economic” และนักวิจัยชั้นนำแห่งสถาบัน “The Institute of World Economy and International Relations” อย่าง “นายDmitry Trenin” ท่านพยายามอธิบายไว้ในข้อเขียน บทความ ชิ้นล่าสุดนั่นแหละว่า เมื่อใดก็ตามที่ประเทศต่างๆ ทั้งหลาย สามารถ “ลดการพึ่งพา” บทบาท “เงินดอลลาร์” ในการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ สามารถหันมาใช้กลไกทางการเงินแบบใหม่ (A new international money transfer mechanism) รวมทั้งหันมาสร้างความร่วมมือทางเทคโนโลยี พลังงาน สภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงระหว่างประเทศ ตลอดไปจนนโยบายนิวเคลียร์ ฯลฯ ได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง เมื่อนั้นนั่นแหละ...การสิ้นสุดแห่งสิทธิพิเศษที่ล้นเกินด้วยการพิมพ์แบงก์โดยไม่มีอะไรค้ำยันเอาไว้เลย การสิ้นสุดแห่งความเป็นจ้าวโลก หรือการเริ่มต้นที่จะนำไปสู่ “อวสานอเมริกา” ก็จะอุบัติให้เห็นนับตั้งแต่บัดนั้น!!!
เพราะด้วยการร่วมมือ-ร่วมใจแบบชนิด “ไร้ข้อจำกัด” ของ 2 มหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซีย ที่นักวิเคราะห์ด้านการเงินและการเมือง อย่าง “นายAngelo Giuliano” สรุปเอาไว้ประมาณว่า ถือเป็น “องค์ประกอบ” ที่ลงตัวกันแบบพอดิบ พอดี คือในขณะที่รัสเซียนั้นถือเป็นชาติที่มีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมากมายมหาศาล โดยเฉพาะส่วนที่จีนขาดแคลน ขณะที่จีนก็คือชาติที่ถือเป็นศูนย์กลางแห่งอุตสาหกรรม ธุรกิจ การเงิน และเทคโนโลยี อันดับต้นๆ ของโลก เฉพาะแค่ความร่วมมือ ร่วมใจ ในด้านการค้า-การขาย ที่พุ่งระเบิดเถิดเทิงไปถึง 1.28 ล้านล้านหยวน หรือ 190,000 ล้านดอลลาร์ช่วงปีที่ผ่านมาใกล้จะถึงเป้าหมาย 200,000 ล้านดอลลาร์ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล เพียงเท่านี้ก็ยากแล้ว!!! สำหรับการ “โดดเดี่ยวรัสเซีย” หรือการ “ปิดล้อมจีน” ตามเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของคุณพ่ออเมริกาและโลกตะวันตก ยิ่งเมื่อทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องต้องกันที่จะ “เปลี่ยนโลก” หรือ “เปลี่ยนระเบียบโลก” ไม่ใช่แค่คิดค้าๆ-ขายๆ คิดแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่าง 2 ประเทศแต่เพียงเท่านั้น รวมทั้งเมื่อบรรดา “พลโลก” ไม่ว่าในเอเชีย แอฟริกา ตะวันออกกลางและละตินอเมริกา ชักหันมา “เอาด้วย” เริ่มเห็นควรด้วย อย่างเป็นระบบและกิจการยิ่งเข้าไปทุกที ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะยิ่ง “ไปแล้ว-ไปโลด” ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
แม้แต่ยูเครนก็เถอะ!!!...โอกาสปฏิเสธ “แผนสันติภาพ” ของจีน ก็ใช่ว่าจะเป็นไปแบบเต็มปาก-เต็มคำเสียเมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้าจะถูกรัสเซียบุก ยูเครนนั้นก็คือ “เป้าหมาย” สำคัญในการโอบกระหวัด รัดพัน โดยอภิมหาโครงการ “BRI” ของจีนเพื่อที่จะทอดไปสู่ยุโรปและแอฟริกา ไม่ว่าปริมาณเงินกู้ การสร้างท่าเรือ ถนน ทางรถไฟในยูเครนด้วยเงินทุนของจีน รวมทั้งในฐานะคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด ไม่ว่าการนำเข้าระดับ 14.4 เปอร์เซ็นต์ ส่งออกถึง 15.3 เปอร์เซ็นต์ บรรดาสิ่งเหล่านี้ย่อมทำให้ยูเครนมิอาจตัดเยื่อ-ตัดใย มิอาจปฏิเสธบทบาทความเป็น “ตัวกลาง” ของจีนได้แบบเต็มปาก-เต็มคำ แม้ว่าต้องแบมือขอเงินบริจาคจากอเมริกาและชาติยุโรปไปอีกถึงขั้นไหนต่อขั้นไหนก็ตาม...
อีกทั้งด้วยเหตุเพราะโลกตะวันตกทุกวันนี้...ต่าง “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” ไปด้วยกันทั้งสิ้นทั้งปวง ขนาด “เสาหลักทางการเงินแห่งยุโรป” อย่างสวิตเซอร์แลนด์ยังถูก “CEO” แห่งบริษัทที่ปรึกษาเงินทุนระดับโลก “นายOctavio Marenzi” แห่งบริษัท “Opimas” เปรียบเทียบว่าได้กลายสภาพเป็น “สาธารณรัฐกล้วยทางการเงิน” (Financial banana Republic) ไปแล้วถึงขั้นนั้น!!! อันเนื่องมาจากปัญหาธนาคาร “เครดิตสวิส” ส่วนอเมริกาก็แทบไม่ต่างไปจากกันมากมายสักเท่าไหร่นัก เพราะไม่ใช่แค่ 3 แบงก์ที่ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มีไปเรียบร้อยแล้ว แต่อีกไม่น้อยกว่า 186 แบงก์ ที่กำลังเจอปัญหาเดียวกัน นั่นก็คือปัญหาที่เกิดจากความผิดพลาดในการสู้กับภาวะเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ ภายใต้สภาพเช่นนี้...แทบไม่ต้องเสียเวลาไปสู้กับผู้อื่น แค่สู้กับตัวเองยังอ้วกแตก-อ้วกแตน แทบไม่เหลือเรี่ยว-เหลือแรง แทบเอาตัวรอดไม่ได้เลย ดังนั้น...ไม่ว่าผลสรุปแห่งการพบปะระหว่าง 2 ผู้นำมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซีย จะออกมาในหน้าไหน แนวไหน แต่สำหรับบรรดาผู้ที่ติดตามความเป็นไปของโลก ความเป็นไปของสถานการณ์ระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ น่าจะฟันธงและฟันเฟิร์มได้ไม่ยากว่า “ระเบียบโลกใหม่” ภายใต้ “โลกหลายขั้วอำนาจ” น่าจะอุบัติขึ้นมาได้แล้วนับแต่นี้...