xs
xsm
sm
md
lg

ใครกะพริบตาก่อนแพ้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



ประธานาธิบดี โจ ไบเดนเดินทางไปเยือนกรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครน ทั้งยังโชว์ศักยภาพว่ายังจะสนับสนุนยูเครนให้ทำสงครามกับรัสเซียต่อไป

ท่าทีอย่างนี้ จะตีความเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจาก การตอกย้ำให้เห็นว่าเป็นการเปิดหน้าทำสงครามกับรัสเซียโดยตรงเพียงแต่ทหารที่ใช้รบเป็นชาวยูเครน

ไบเดนเล็งผลเลิศในการเยือนกรุงเคียฟ โดยสื่อตะวันตกที่เป็นกระบอกเสียงต่างชื่นชมว่าเป็นความกล้าหาญสำหรับผู้นำประเทศที่กล้าเยือนสมรภูมิสงคราม

แท้ที่จริงแล้วก่อนเครื่องบินของโจ ไบเดนออกเดินทางรัฐบาล สหรัฐฯ ได้แจ้งผู้นำรัสเซียว่าประธานาธิบดีอเมริกันจะเดินทางไปโปแลนด์ จากนั้นก็แอบแว่บเข้าไปยืนกรุงเคียฟ

คงรู้ว่าผู้นำรัสเซียไม่ทำอะไรโจ ไบเดนกับผู้นำตัวตลกของยูเครนจึงเดินโชว์ฟอร์มความกล้าหาญกลางถนนในกรุงเคียฟ แวดล้อมโดยหน่วยอารักขาโดยประชาชนไม่สามารถเข้าใกล้

เป็นการเดินโชว์ให้สื่อทั่วโลกได้เห็นว่าสหรัฐฯ ยังยึดมั่นกับคำสัญญาว่าจะสนับสนุนยูเครนด้านอาวุธและงบประมาณให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าจุดจบของการช่วยเหลือคงอยู่ไม่ไกล

นั่นเป็นเพราะนักการเมืองพรรครีพับลิกันและประชาชนอเมริกันเริ่มไม่พอใจในการช่วยเหลือที่ไบเดนให้ยูเครนเหมือนตีเช็คเปล่าภายในหนึ่งปี

สหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือยูเครนมากถึง 1.15 แสนล้านดอลลาร์

การไปเยือนกรุงเคียฟของโจ ไบเดน เป็นผลพลอยได้อย่างแรงในความพยายามฟื้นฟูความนิยมที่ตกต่ำและความชราภาพที่แสดงออกให้เห็นถึงความพลาดพลั้ง ตามประสาผู้สูงอายุ ซึ่งกลายเป็นสิ่งน่าขบขันระดับโลก

การแสดงออกถึงภาวะผู้นำเต็มร้อย เป็นเพราะโจ ไบเดนอยากจะลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกหนึ่งสมัย ทั้งที่ตัวเองอยู่ในวัย 80 ปีแล้วและคนอเมริกันเองก็มองว่าแก่เกินไปที่จะเป็นผู้นำชาติมหาอำนาจ

เมื่อ โจ ไบเดนไปเยือนกรุงเคียฟ แต่ก็ไม่กล้าค้างคืนรีบเดินทางไปกรุงวอร์ซอ โปแลนด์ กล่าวสุนทรพจน์โชว์ความเป็นผู้นำที่นั่น และให้ความมั่นใจกลุ่มพันธมิตรนาโต ว่าจะต้องหนุนยูเครนสู้กับรัสเซียต่อไป

การเยือนยูเครนและโปแลนด์พร้อมกับสื่อตะวันตกช่วยกันปั่นข่าว เพราะหวังผลจะกลบความฉาวเรื่องสหรัฐฯ อยู่เบื้องหลังการระเบิดท่อก๊าซใต้ทะเลบอลติกเชื่อมระหว่างรัสเซียและเยอรมนีซึ่งหลักฐานชี้ชัดว่าผู้นำทำเนียบขาวคือผู้บงการ

สื่อตะวันตกประโคมข่าวการเยือนของโจ ไบเดนพร้อมกับผู้นำกลุ่มประเทศประชาคมยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ ก็แสดงท่าทีห้าวหาญ ทั้งที่กองทัพในยุโรปและอังกฤษไม่พร้อมที่จะสู้รบเพราะขาดแคลนอาวุธหลังจากส่งไปช่วยยูเครน

ขณะเดียวกันผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้แถลงต่อรัฐสภาถึงท่าทีของรัสเซียซึ่งไม่ยอมอ่อนข้อให้สหรัฐฯ และแสดงท่าทีว่าจะตอบโต้ทุกรูปแบบเพื่อความอยู่รอดของประเทศ

รัฐบาลจีนก็ได้ประกาศอย่างแข็งกร้าวว่าความสัมพันธ์แนบแน่นกับรัสเซียเป็นเรื่องของสองประเทศ ซึ่งมีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนไม่มีประเทศใดจะมาชี้นิ้วสั่งการกำหนดนโยบายอย่างใดทั้งนั้น

จีนบอกสหรัฐฯ ว่า ที่ผ่านมา ได้พยายามแสวงหาสันติภาพและความสงบสุขในการอยู่ร่วมกัน ไม่ได้รุกรานหรือก่อศัตรูกับประเทศใดมีแต่สหรัฐฯ ที่ยังคงนโยบายต้องการความเป็นเจ้าโลกเพียงผู้เดียว

เท่ากับว่าจีนได้ตอกย้ำให้สหรัฐฯ ได้รับรู้ว่าความสัมพันธ์กับรัสเซียนั้นไม่มีขอบเขตจำกัด แม้สหรัฐฯ จะได้ขู่ว่าจีนไม่ควรข้ามเส้นแดงด้วยการสนับสนุนรัสเซียด้านอาวุธในการทำศึกกับยูเครน

จีนไม่ปฏิเสธหรือตอบรับกับข้อกล่าวหาเรื่องการส่งอาวุธให้รัสเซียและไม่ได้แสดงความหวาดกลัวต่อคำขู่ของสหรัฐฯ เพราะเชื่อมั่นว่าฝ่ายโลกตะวันตกไม่พร้อมที่จะเผชิญกับรัสเซียและจีนพร้อมกัน ทั้งยังมีเกาหลีเหนือและอิหร่านเป็นตัวแปรสำคัญ

คงไม่เป็นการพูดเกินเลยถ้าจะบอกว่าโลกขยับตัวเข้าใกล้สภาวะที่อาจเกิดสงครามโลก ซึ่งลุกลามจากสมรภูมิยูเครนเพราะนี่เป็นการสู้รบกันระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯ และพันธมิตรในยุโรป

สภาวะครั้งนี้น่ากลัวกว่าการเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียในศึกปิดล้อมคิวบาในปี 1962 ซึ่งโลกได้ขยับเข้าใกล้สงครามนิวเคลียร์อย่างมากแต่ผู้นำของสองประเทศมีสติเพียงพอที่จะไม่เสี่ยงสู้รบกัน

ครั้งนี้โจ ไบเดนมีสติป้ำๆ เป๋อๆ อาจตัดสินใจโดยลูกยุของนักการทหาร และนักการเมืองสายเหยี่ยวและองค์กรที่เรียกว่าเป็นรัฐซ้อนรัฐ ทำให้เกิดหายนะจนเป็นสงครามโลกได้ถ้าหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ยอมถอย

โจ ไบเดนโดนแรงบีบคั้นว่าตัวเองจะต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อรักษาอำนาจเพราะถูกตรวจสอบในพฤติกรรมแต่หนหลัง รวมทั้งลูกชายนายฮันเตอร์ ก็มีคดีร้ายแรงเช่นกัน

จากนี้ไปต้องดูว่ายุโรปจะยอมเป็นเบี้ยล่างของสหรัฐฯ ต่อไปจนเสี่ยงกับหายนะทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และความอยู่รอดของประชาชนที่อยู่ในสภาพลำบากกับการครองชีพหลังจากมาตรการคว่ำบาตรที่สหรัฐฯ และพันธมิตรกระทำต่อรัสเซีย

ก็ได้แต่หวังว่าประชาคมโลกจะได้อยู่ต่อพร้อมกับลมหายใจต่อไป โดยผู้นำชาติมหาอำนาจจะไม่ถึงขั้นเสียสติสัมปชัญญะเพราะต้องการความเป็นเจ้าโลกอย่างที่สหรัฐฯ เป็นอยู่

นี่เป็นศึกศักดิ์ศรีอีกครั้งหนึ่งเหมือนกับสภาวะปิดล้อมคิวบา ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ และรัสเซียจ้องตากันโดยที่ฝ่ายใดกะพริบตาก่อนจะเป็นผู้แพ้เพราะถูกมองว่าใจไม่ถึง

ใครจะเป็นตัวกลางเข้าไปขวางก่อนที่ทั้งสองฝ่ายแสดงให้เห็นว่าถ้าถอยหลังมีแต่ล้ม


กำลังโหลดความคิดเห็น