สหรัฐฯ แจ้งกับมอสโกล่วงหน้าว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีแผนเยือนเคียฟ จากรายงานของทั้งสำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ของรัสเซีย และเอเอฟพี อ้างอิงคำกล่าวของ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติอเมริกาในวันจันทร์ (20 ก.พ.) หลังจากก่อนหน้านี้ผู้นำอเมริกา เน้นว่าเขาจะเยือนแค่โปแลนด์ ไม่รวมถึงยูเครน ขณะที่สื่อมวลชนเผยแพร่รายละเอียดการเดินทางที่ดำเนินการอย่างลับๆ และเต็มไปด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัย
"เราได้แจ้งกับรัสเซียว่าประธานาธิบดีไบเดนจะเดินทางเยือนเคียฟ" สำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ของรัสเซียรายงานอ้างคำกล่าวของ ซัลลิแวน ที่เผยด้วยว่ามีการส่งสารออกไปหลายชั่วโมงก่อน ไบเดน ออกเดินทางจากวอชิงตันและแจ้งวัตถุประสงค์เพื่อลดความขัดแย้ง ทั้งนี้ ซัลลิแวน ไม่ได้บ่งชี้ถึงวิธีที่เจ้าหน้าที่รัสเซียได้รับการติดต่อหรือฝ่ายรัสเซียตอบกลับการแจ้งดังกล่าวไปอย่างไร
ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยืนยันผ่านช่องเทเลแกรมของตนเอง ว่า ไบเดน ได้รับคำรับประกันความปลอดภัยจากมอสโกสำหรับการเยือนยูเครน และในโพสต์เดียวกัน เมดเวเดฟ ได้ให้คำจำกัดความความเคลื่อนไหวของวอชิงตันในการมอบความช่วยเหลือแก่เคียฟ ว่าเป็นหนทางทำกำไรของอุตสาหกรรมทหารของบรรดาชาติสมาชิกนาโต้ และพาดพิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าเป็น "ชายแก่ที่มาจากฝั่งตรงข้ามมหาสมุทร"
รายงานของเอเอฟพีระบุว่า ไบเดน สร้างความประหลาดใจด้วยการเยือนกรุงเคียฟในวันจันทร์ (20 ก.พ.) ในการเดินทางเยือนยูเครนเป็นครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดี แต่อ้างคำกล่าวของ ซัลลิแวน เช่นกัน ว่า วอชิงตันได้แจ้งกับรัสเซียล่วงหน้าเป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนออกเดินทาง "เพื่อวัตถุประสงค์ลดความขัดแย้ง"
เอเอฟพีอ้างคำพูดของ ซัลลิแวน ระบุว่า "มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในยุคสมัยใหม่ ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเดินทางเยือนเมืองหลวงของประเทศหนึ่งที่อยู่ในภาวะสงคราม ซึ่งกองทัพอเมริกาไม่ได้ควบคุมโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ
รายงานของเอเอฟีระบุว่า ไบเดน ได้พบปะกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน และทั้งคู่ได้เดินทางเยือนวิหารมิคาอิลอฟสกี พร้อมระบุแม้มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าและได้รับคำรับประกันจากรัสเซีย แต่ได้ยินเสียงไซเรนแจ้งเตือนภัยทางอากาศดังกึกก้องไปทั่วเมือง ในช่วงหนึ่งตอนที่ทั้งสองคนเดินเคียงข้างกัน อย่างไรก็ตาม ไม่มีรายงานการโจมตีจากรัสเซียและเสียงไซเรนก็ไม่ได้ก่อความตื่นกลัวแก่ไบเดน หรือเซเลนสกีแต่อย่างใด
ระหว่างแถลงข่าวร่วมกับ ไบเดน สัญญามอบเงินช่วยเหลือด้านการทหารแก่ยูเครนอีก 500 ล้านดอลลาร์ พร้อมระบุยุทโธปกรณ์สำคัญๆ เพิ่มเติม ในนั้นรวมถึงจรวดและกระสุนปืนใหญ่ ระบบต่อต้านยานเกราะและเรดาร์ตรวจการณ์ทางอากาศอยู่ระหว่างการส่งมอบ และเน้นย้ำว่าสหรัฐฯ ยังคงให้การสนับสนุนยูเครนไม่เปลี่ยนแปลง ก่อนถึงวาระครบรอบ 1 ปีในปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
รัสเซียเน้นย้ำว่าการส่งมอบอาวุธเพิ่มเติมจะไม่เปลี่ยนเส้นทางของความขัดแย้ง และบอกว่ามันรังแต่จะทำให้ความทุกข์ทรมานของประชาชนลากยาวออกไป
"หนึ่งปีต่อมา เคียฟยืนหยัดและยูเครนยืนหยัด ประชาธิปไตยยังคงยืนหยัด" ไบเดนแถลงข่าวเคียงข้างเซเลนสกี ณ ทำเนียบประธานาธิบดียูเครน "ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน คงคิดว่ายูเครนอ่อนแอและตะวันตกแตกแยก เขาคิดว่าเขาทนกว่าเรา เขาคิดผิดแล้ว การพิชิตสงครามของปูตินกำลังล้มเหลว"
เอเอฟพีรายงานว่า การเดินเยือนครั้งนี้ถูกจัดการในสภาวการณ์ที่เป็นความลับ ไบเดนออกเดินทางจากอชิงตันในช่วงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ (19 ก.พ.) ด้วยเครื่องบินลำหนึ่งที่จอดอยู่อย่างระมัดระวัง ขนาบข้างด้วยผู้ติดสอยห้อยตามในความมืดมิดมีแสงสลัวๆ และลงจอดในโปแลนด์ในตอนเย็นวันเดียวกัน
จากนั้นเขานั่งรถยนต์ไปยังชานชาลาของสถานีรถไฟ และขึ้นรถไฟอย่างรวดเร็วเดินทางยามค่ำคืนเป็นเวลา 10 ชั่วโมงไปกรุงเคียฟ และถึงเมืองหลวงของยูเครน ตอนราวๆ 8.00 น.(ตามเวลาท้องถิ่น)
มีผู้สื่อข่าว และช่างภาพกลุ่มหนึ่งเดินทางไปพร้อมกับประธานาธิบดี แต่โทรศัพท์มือถือของพวกเขาถูกเจ้าหน้าที่ริบเอาไว้ และจะสามารถเผยแพร่รายละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางเยือนครั้งนี้ก็ต่อเมื่อหลังจาก ไบเดน เสร็จสิ้นการเยือนและขึ้นรถไฟกลับสู่โปแลนด์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขบวนรถไฟได้รับการคุ้มครองด้านความปลอดภัยอย่างหนาแน่น และมีการหยุดรถช่วงสั้นๆ หลายจุดในตอนกลางคืน ระหว่างที่เดินทางเข้าสู่ยูเครน
การเดินทางเยือนยูเครนของไบเดน ทำให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่เดินทางไปยูเครนนับตั้งแต่ปี 2008
เซเลนสกี เปิดเผยด้วยว่าเขากับไบเดน ยังได้หารือกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการจัดหาอาวุธพิสัยไกลมอบให้ยูเครน ตามคำร้องขอมานานของเคียฟ ซึ่งที่ผ่านมาต้องเจอกับท่าทีขัดขืนจากวอชิงตัน เนื่องจากมีความกัลวลว่าอาวุธเหล่านี้จะถูกนำไปใช้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย
ประธานาธิบดียูเครน ยกย่องการเดินทางเยือนครั้งนี้ว่าเป็นสัญญาณการสนับสนุนที่สำคัญ "การพูดคุยกันครั้งนี้ทำให้เราเข้าใกล้ชัยชนะ" เขากล่าว พร้อมระบุว่า การเดินทางครั้งนี้ และคำสัญญามอบอาวุธเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ "เป็นสัญญาณอย่างชัดเจนว่า รัสเซียจะไม่มีโอกาสแม้แต่น้อยในความพยายามคว้าชัยชนะ"
หลังจากพูดคุยกัน ไบเดน และเซเลนสกีเดินทางไปวิหารทองของโบสถ์เซนต์ไมเคิล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์การขัดขืนของยูเครน และมีเสียงไซเรนเตือนภัยโจมตีทางอากาศดังระงมทั่วเมือง ตอนที่ทั้งคู่เดินทางออกจากโบสถ์
จากนั้น ทั้งไบเดน และเซเลนสกี ได้เดินทางไปวางพวงมาลาที่กำแพงแห่งการระลึกถึง ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่วีรชนผู้ล่วงลับในสงครามรัสเซีย-ยูเครน ต่อมา ไบเดน ได้เดินทางต่อไปสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเคียฟ ก่อนเดินทางออกจากเมืองหลวงแห่งนี้
ในโปแลนด์ ไบเดน มีกำหนดกล่าวปราศรัยครั้งสำคัญในกรุงวอร์ซอ ในวันอังคาร (21 ก.พ.) ไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก ปูติน แถลงนโยบายประจำปี
ระหว่างการเดินทางเยือนกรุงเคียฟ ไบเดน ได้ให้สัญญาว่าสหรัฐฯ จะคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม แต่จากข้อมูลใหม่ที่เผยแพร่ในวันจันทร์ (20 ก.พ.) พบว่าเศรษฐกิจรัสเซียยืนหยัดรับมือกับมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตกได้ดีเกินคาดหมาย
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์/เอเอฟพี)