ยูเครนกล่าวอ้างเมื่อวันอังคาร (7 ก.พ.) ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ถือเป็นวันนองเลือดที่สุดของกองกำลังรัสเซียนับตั้งแต่เริ่มสงคราม ในระหว่างที่มอสโกเดินหน้า ยกระดับจู่โจมหนักหน่วงขึ้นทางภาคตะวันออกของยูเครน ท่ามกลางสภาพอากาศสุดขั้วในช่วงฤดูหนาว ระดมทหารชุดใหม่อีกหลายหมื่นนายเข้าสู่สมรภูมิรบ
สำนักข่าวรอยเตอร์ไม่ยืนยันคำกล่าวอ้างของยูเครน ที่คุยว่ามีทหารรัสเซียเสียชีวิตมากกว่า 1,000 นายในรอบ 24 ชั่วโมง ขณะที่มอสโกก็อวดอ้างเช่นกันว่าได้สังหารทหารยูเครนไปเป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
คำกล่าวอ้างนี้มีขึ้นในขณะที่ บอริส พิสโตริอุส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี เดินทางเยือนเคียฟในวันอังคาร (7 ก.พ.) โดยที่เบอร์ลิน เดนมาร์ก และเนเธอร์แลนด์ บอกว่าพวกเขาจะสนับสนุนเงินทุนร่วมกันในการดึงรถถังลีโอพาร์ด 1 จากคลังสำรองในภาคอุตสาหกรรม แล้วป้อนรถถังเหล่านั้นให้แก่เคียฟในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
พิสโตริอุส แถลงว่าจะมีการมอบรถถังลีโอพาร์ด 1 ราวๆ 80 คันในปีนี้ และประมาณ 100 คันในปี 2024 มากกว่าที่เคยแจ้งก่อนหน้านี้ ขณะที่ โรเบิร์ต ฮาลเบ็ค รองนายกรัฐมนตรีบอกระหว่างเดินทางเยือนวอชิงตัน คาดหมายว่ายูเครนจะได้รับรถถังลีโอพาร์ด 1 ในจำนวนเลข 2 หลัก ภายในเดือนมีนาคม แต่ไม่มั่นใจว่าจำนวนรถถังทั้งหมดที่ได้รับอนุมัติส่งมอบนั้นจะถึงระดับ 178 คันหรือไม่
นับตั้งแต่เข้าสู่ปีใหม่ บรรดาประเทศตะวันตกสัญญาจะจัดหารถถังและยานเกราะหลายร้อยคันแก่ยูเครน มอบศักยภาพด้านการโจมตีและความคล่องตัวแก่กองกำลังยูเครน ในการฝ่าแนวของรัสเซียและทวงคืนดินแดนในปีนี้
คาดหมายว่าแพกเกจอาวุธใหม่ของสหรัฐฯ จะรวมไปถึงจรวดพิสัยไกล ซึ่งจะเป็นการมอบแสนยานุภาพแก่ยูเครนในการโจมตีเส้นทางลำเลียงเสบียงของรัสเซีย ในทุกดินแดนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของมอสโกในยูเครน และบางพื้นที่ในแหลมไครเมีย
ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน เขียนบนทวิตเตอร์ เผยว่าเขาได้พูดคุยกับ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันอังคาร (7 ก.พ.) เกี่ยวกับความช่วยเหลือด้านการทหารรอบใหม่ มาตรการคว่ำบาตรกำหนดเล่นงานรัสเซียและการเตรียมการสำหรับเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ใกล้วาระครบรอบ 1 ปีแล้วในวันที่ 24 กุมภาพันธ์
อย่างไรก็ตาม ด้วยที่มันใช้เวลานานหลายเดือนก่อนอาวุธใหม่จะถูกส่งไปถึง จึงเป็นการเปิดโอกาสให้รัสเซียเติมเต็มกำลังพล ระดมทหารกองหนุน ขณะที่วังเครมลินเตือนว่าการจัดหาอาวุธแก่เคียฟของตะวันตกรังแต่จะทำให้ความขัดแย้งลุกลามบานปลายและลากยาวออกไป
"สหรัฐฯ และพันธมิตรกำลังพยายามลากยาวความขัดแย้งให้ยืดเยื้อมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" เซอร์เก ซอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียกล่าวในวันอังคาร (7 ก.พ.) ระหว่างประชุมทางไกลกับเจ้าหน้าที่ทหาร "ในการทำเช่นนี้ พวกเขาเริ่มจัดหาอาวุธหนักเชิงรุก เร่งเร้าอย่างเปิดเผยให้ยูเครนยึดดินแดนของเรา ในความข้อเท็จจริงคือก้าวย่างต่างๆ ดังกล่าวกำลังลากบรรดาชาตินาโต้เข้าสู่ความขัดแย้ง และอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในระดับที่ไม่อาจคาดเดาได้"
ซอยกู ใช้คำว่า "ดินแดนต่างๆ ของเรา" ดูเหมือนเป็นการกล่าวอ้างถึง 4 แคว้นของยูเครน ที่รัสเซียกล่าวอ้างผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปีที่แล้ว เช่นเดียวกับไครเมีย ที่พวกเขายึดจากยูเครนไปตั้งแต่ปี 2014
ในอีกด้านหนึ่ง รัสเซียเรียกร้องสถานทูตสหรัฐฯ ประจำมอสโก หยุดเผยแพร่ในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "ข่าวปลอม" เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารในยูเครน และขู่ขับไล่ผู้แทนทูตของอเมริกา ตามรายงานของสำนักข่าวทาสส์นิวส์ในวันอังคาร (7 ก.พ.)
ยูเครน อ้างว่ามีทหารรัสเซียเสียชีวิตในความขัดแย้ง 1,030 นายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดรวมเพิ่มเป็น 133,190 นาย พร้อมอ้างว่ามันเป็นตัวเลขเสียชีวิตวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น และหากนับเฉพาะช่วง 2 วัน มีทหารรัสเซียถูกสังหารกว่า 1,900 คน ในส่วนของรัสเซียกล่าวอ้างว่าพวกเขาสามารถก่อความสูญเสียแก่ทหารยูเครน 6,500 นายตลอดทั้งเดือนมกราคม
กระนั้นก็ตาม รอยเตอร์ตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขความสูญเสียของฝ่ายศัตรูจากคำกล่าวอ้างของอีกฝ่ายนั้น โดยทั่วไปแล้วมักถูกมองว่าเลยเถิดเกินกว่าความเป็นจริง
เคียฟและตะวันตก ระบุว่ารัสเซียส่งทหารและทหารรับจ้างไหลบ่าเข้าสู่ภาคตะวันออกของยูเครนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในความหวังที่จะกล่าวอ้างสามารถรุกคืบใหม่ๆ ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หรือวาระครบรอบ 1 ปีของสงคราม
สงครามเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในขณะที่ขวบปีที่ 2 ใกล้เข้ามา ด้วยมอสโกพยายามทวงคืนดินแดนที่เคยบุกยึดได้ในเบื้องต้น ส่วนเคียฟร้องขอรถถังจากตะวันตก เพื่อยกระดับโจมตีตอบโต้หลังจากนี้ในปี 2023
หลังจากรัสเซียล้มเหลวในการบุกยึดกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนเมื่อปีที่แล้ว และสูญเสียดินแดนที่เคยยึดครองในช่วงครึ่งปีหลังในปี 2022 เวลานี้มอสโกกำลังใช้งานทหารกองหนุนหลายแสนนายอย่างเต็มกำลัง หลังจากเรียกระดมพลทหารกองหนุนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัสเซียอวดอ้างว่าสามารถรุกคืบได้เป็นครั้งแรกในรอบกว่าครึ่งปี แต่การรุกคืบเป็นไปอย่างช้าๆ ด้วยที่มอสโกยังไม่สามารถยึดครองศูนย์กลางประชากรหลักๆ ได้แม้แต่แห่งเดียวในสงครามฤดูหนาว แม้ประสบความสูญเสียไปแล้วหลายพันนาย
นานหลายเดือนแล้วที่การสู้รบมุ่งเน้นอยู่แถวๆ เมืองบัคมุต ซึ่งก่อนสงครามมีประชากรราว 75,000 คน และอยู่ภายใต้การยึดครองของยูเครน ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของประเทศ ทั้งนี้ รัสเซียมีความคืบหน้าในการปิดล้อมเมืองแห่งนี้จากทั้งทางตะวันออกและทางใต้ แต่เคียฟอ้างว่าทหารของพวกเขาตั้งรับได้อย่างเหนียวแน่น
นอกจากนี้ มอสโกยังเปิดฉากโจมตีไกลออกไปในทางภาคใต้ พยายามเข้ายึดเมืองวูห์เลดาร์ ป้อมปราการที่อยู่ภายใต้การยึดครองของยูเครนและตั้งอยู่ในแคว้นโดเนตสก์เช่นกัน โดยเมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่สูง บริเวณชุมชนทางยุทธศาสตร์ระหว่างแนวหน้าทางตะวันออกและทางใต้
โอเลคซีย์ ดานิลอฟ หัวหน้าด้านความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน คาดหมายว่ารัสเซียจะนับรวมแคว้นคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือแคว้นซาโปริซเซีย ทางภาคใต้ของประเทศ ในฐานะเป้าหมายของปฏิบัติการจู่โจมขนานใหญ่เร็วๆ นี้
(ที่มา : รอยเตอร์)