ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ระบุในวันจันทร์ (30 ม.ค.) รัสเซียได้เริ่ม "การแก้แค้นครั้งใหญ่" แล้ว ตอบโต้เคียฟที่ขัดขืนการรุกรานของพวกเขา ในขณะที่กองกำลังมอสโกสามารถรุกคืบได้มากขึ้นเรื่อยๆ ทางภาคตะวันออกของประเทศ
เซเลนสกี ส่งเสียงเตือนมาหลายสัปดาห์แล้ว ว่ามอสโกมีเป้าหมายยกระดับปฏิบัติการโจมตีในยูเครน หลังจากสถานการณ์ในแนวหน้าที่ยืดยาวครอบคลุมภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศ อยู่ในภาวะทางตันมานานกว่า 2 เดือน
ในขณะที่ยังไม่พบเห็นสัญญาณของการจู่โจมรอบใหม่อย่างกว้างขวาง ทาง เดนิส ปูชิลิน ผู้บริหารแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งบางส่วนอยู่ภายใต้การควบคุมของรัสเซีย บอกว่าทหารรัสเซียเข้ายึดฐานที่มั่นแห่งหนึ่งในวูฮ์เลดา (Vuhledar) เมืองเหมืองถ่านหิน ที่ซากปรักหักพังของมันถูกยูเครนใช้เป็นป้อมปราการมาตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของสงคราม
ยาน ทกากิน ที่ปรึกษาของ ปูชิลิน ระบุว่าพวกนักรบจากกลุ่มวากเนอร์ กองกำลังอาสาสมัครรัสเซียเข้าควบคุมบางส่วนของถนนสายรองเส้นหนึ่งที่มุ่งหน้าสู่บัคมุต เมืองที่รัสเซียมุ่งเน้นให้ความสำคัญมานานหลายเดือน
หนึ่งวันก่อนหน้านี้ หัวหน้ากลุ่มวากเนอร์ เผยว่านักรบของพวกเขาสามารถเข้ายึดหมู่บ้านบลาโฮแดทเน (Blahodatne) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทางเหนือของบัคมุต
ฝ่ายเคียฟอ้างว่าสามารถสกัดการจู่โจมบลาโฮแดทเนและวูฮ์เลดา แต่ทางรอยเตอร์ไม่สามารถยืนยันสถานการณ์ในพื้นที่ทั้ง 2 ได้ และบอกว่าจากตำแหน่งต่างๆ ที่มีรายงานการสู้รบ บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า รัสเซีย ค่อยๆ รุกคืบตามลำดับ
เซเลนสกี ระบุว่ารัสเซียยังคงโจมตีภาคตะวันออกอย่างไม่หยุดหย่อน แม้ประสบความสูญเสียอย่างหนัก ตั้งข้อสงสัยว่าอาจความพยายามเอาคืนต่อความสำเร็จของยูเครนที่ผลักดันจนกองกำลังมอสโกต้องล่าถอยไปจากเมืองหลวง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ ก่อนหน้านี้
"ผมคิดจริงๆ ว่ารัสเซียต้องการแก้แค้นครั้งใหญ่ ผมคิดว่าพวกเขาได้เริ่มลงมือแล้ว" เซเลนสกี ระบุ "พวกเขาส่งทหารปกติเข้ามาเพิ่มเติมในทุกๆ วัน หรือไม่เราก็พบเห็นจำนวนนักรบวากเนอร์ที่เพิ่มมากขึ้น" เขาบอกกับผู้สื่อข่าวในเมืองโอเดซา ทางภาคใต้ของประเทศ
ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาประเทศตะวันตกรับปากมอบรถถังทันสมัยและยานเกราะหลายร้อยคันแก่กองกำลังยูเครน เพื่อปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ทวงคืนดินแดนที่ถูกยึดครอง ท่ามกลางความคาดหมายว่ายุทโธปกรณ์เหล่านี้จะถูกส่งถึงมือในช่วงปลายปี 2023
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะมีการส่งมอบ ส่งผลให้ยูเครนต้องสู้รบฝ่าฟันผ่านฤดูหนาวไปก่อน ในสิ่งที่ทั้ง 2 ฝ่ายให้คำจำกัดความว่าเป็นสงครามบั่นทอนกำลัง
ในส่วนของรัสเซีย ทางกองกำลังนักรบอาสาสมัครวากเนอร์ ได้ส่งนักโทษที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดจากเรือนจำรัสเซียจำนวนหลายพันคน เข้าสู่สมรภูมิรบแถวๆ บัคมุต เพื่อเป็นการซื้อเวลาให้แก่กองกำลังปกติของรัสเซีย ในการฟื้นฟูหน่วยรบต่างๆ ด้วยทหารกองหนุนหลายแสนนาย
เซเลนสกี เร่งเร้าตะวันตกให้รีบส่งมอบอาวุธตามคำสัญญา เพื่อที่ยูเครนจะได้เดินหน้าปฏิบัติการรุกคืบ
ส่วน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน บอกว่าการจัดหาอาวุธของทางตะวันตก อาจนำบรรดาประเทศนาโต้ทั้งหลายเข้าพัวพันโดยตรงในความขัดแย้งมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันไม่ก่อและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ใดๆ ได้
สถาบันศึกษาสงคราม ซึ่งเป็นสถาบันค้นคว้าวิจัยในสหรัฐฯ กล่าวในรายงานว่า "ความล้มเหลวของตะวันตกในการมอบยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นเมื่อปีที่แล้ว คือเหตุผลหลักที่ทำให้การรุกคืบของยูเครนหยุดชะงักมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน"
รายงานระบุด้วยว่า "ความล้มเหลวดังกล่าวยังเปิดทางให้รัสเซียเดินหน้ากดดันบัคมุตและเสริมสร้างปราการในแนวหน้าสำหรับต้านทานการโจมตีตอบโต้ใดๆ ของยูเครนในอนาคต" อย่างไรก็ตาม สถาบันวิจัยแห่งนี้เชื่อว่า ยูเครนจะยังคงทวงดินแดนกลับมาได้ ครั้งที่อาวุธที่ตะวันตกรับปากนั้นถูกส่งมาถึง
ในขณะที่เคียฟได้รับคำสัญญาจากตะวันตกในการจัดหาอาวุธให้ ทางมอสโกได้หันหน้าไปหาพันธมิตรทั้งหลายของพวกเขาเช่นกัน ในนั้นรวมถึงอิหร่าน ซึ่งทางเคียฟและตะวันตกอ้างว่าได้จัดหาโดรนพลีชีพพิสัยไกลหลายร้อยลำแก่รัสเซีย สำหรับใช้โจมตีเมืองต่างๆ ของยูเครน
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โรงงานทางทหารแห่งหนึ่งของอิหร่านถูกโดรนลำหนึ่งโจมตี ในสิ่งที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่าเป็นฝีมือของทางอิสราเอล อย่างไรก็ตาม อิสราเอลไม่แสดงความคิดเห็นต่อรายงานดังกล่าว
เคียฟพูดเป็นนัยว่าการโจมตีอิหร่าน เป็นการเอาคืนที่กองทัพเตหะรานให้การสนับสนุนรัสเซีย "ระเบิดยามค่ำคืนในอิหร่าน เคยเตือนคุณแล้ว" มีไคโล โพดอลยัค ผู้ช่วยระดับสูงของเซเลนสกีเขียนบนทวิตเตอร์
(ที่มา : รอยเตอร์)