ขัดขืนไม่ไหว! ลือเยอรมนีจะจัดรถถัง 'ลีโอพาร์ด' ให้ยูเครน อนุญาตชาติอื่นส่งไปช่วยเคียฟ

เยอรมนีจะส่งรถถังลีโอพาร์ด 2 แก่ยูเครนและอนุญาตให้ประเทศอื่นๆ อย่างเช่นโปแลนด์ ดำเนินการแบบเดียวกัน เพื่อช่วยเหลือเคียฟสู้รบสกัดการรุกรานของรัสเซีย

แม้จนถึงช่วงค่ำวันอังคาร (24 ม.ค.) ยังไม่มีคำยืนยันอย่างเป็นทางการจากเบอร์ลิน แต่เจ้าหน้าที่ในเคียฟรุดออกมายกย่องในทันที โดยบอกว่ามีความเป็นไปได้ที่ยุทโธปกรณ์ชนิดนี้จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมในสมรภูมิรบในสงครามที่ลากยาวมานาน 11 เดือน

เคียฟร้องขอรถถังจากตะวันตกมานานหลายเดือน โดยบอกว่ามันมีความจำเป็นที่ต้องมอบพลานุภาพการยิงและความเคลื่อนไหวด้วยความคล่องตัวแก่กองกำลังของพวกเขา เพื่อฝ่าแนวป้องกันของรัสเซีย และทวงคืนดินแดนที่โดนยึดครองทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของประเทศ

โฆษกรัฐบาลเยอรมนีรายหนึ่ง เช่นเดียวกับกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมในเบอร์ลิน ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว

นิตยสารแดร์ สปีเกล ซึ่งเป็นสื่อมวลชนแห่งแรกที่รายงานข่าวนี้ ระบุว่า การตัดสินใจของเยอรมนีเกี่ยวข้องกับกองร้อยรถถังลีโอพาร์ด 2 A6 อย่างน้อย 1 กองร้อย โดย 1 กองร้อยปกติแล้วประกอบด้วยรถถัง 14 คัน

"วันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ตัดสินใจที่ไม่ใช่การตัดสินใจง่ายๆ ข้อเท็จจริงคือการที่เยอรมนีจะสนับสนุนรถถังลีโอพาร์ดแก่ยูเครน เป็นสัญญาณที่เข้มแข็งของความเป็นหนึ่งเดียวกัน" นิตยสารแดร์ สปีเกล ฉบับออนไลน์ อ้างคำกล่าวของ คริสเตียน เดอร์ แกนนำรัฐสภาจากพรรคฟรี เดโมแครตส์ (เอฟดีพี)

สถานการณ์ในแนวหน้าของสงครามที่ยืดยาวเป็นระยะทางมากกว่า 1,000 กิโลเมตร ไล่ตั้งแต่ภาคตะวันออกจนถึงภาคใต้ของยูเครน ส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างนิ่ง หลังทั้งสองฝ่ายประสบความสูญเสียอย่างหนักในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทั้งรัสเซียและยูเครนต่างเชื่อว่าอีกฝ่ายกำลังมีแผนโจมตีระลอกใหม่

ประเด็นจะจัดหารถถังหนักทันสมัยจำนวนมากยูเครนหรือไม่ เป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันในหมู่พันธมิตรตะวันตกของยูเครนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา

เบอร์ลินเป็นหัวใจสำคัญของเรื่องนี้ เพราะว่ารถถังลีโอพาร์ดที่ผลิตโดยเยอรมนีและประจำการตามกองทัพต่างๆ ทั่วยุโรปถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นทางเลือกดีที่สุดเท่าที่มี ทั้งในแง่ของจำนวนและง่ายต่อการใช้งานและบำรุงรักษา

พรรคโซเชียล เดโมแครตส์ ของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ แสดงความกังวลว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจกระตุ้นให้รัสเซียยกระดับสงครามให้ลุกลามบานปลาย และมองว่ามันเสี่ยงลากพันธมิตรนาโต้เข้าสู่ความขัดแย้ง

ก่อนหน้านี้ ในวันอังคาร (24 ม.ค.) โปแลนด์ยกระดับกดดันโชลซ์ ให้ทำการตัดสินใจ ด้วยเผยว่าพวกเขาได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการไปยังรัฐบาลเยอรมนีแล้ว เพื่อขออนุญาตส่งรถถังลีโอพาร์ดบางส่วนของพวกเขาไปให้ยูเครน ทั้งนี้ กฎระเบียบด้านการจัดซื้อกลาโหม หมายความว่าพันธมิตรทั้งหลายต้องขอความเห็นชอบจากเบอร์ลินเสียก่อน ถึงจะสามารถส่งออกต่ออีกทอดได้

วันอังคารเช่นกัน (24 ม.ค.) ยูเครนได้ปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายสิบคน ในนั้นรวมถึงผู้ว่าการรัฐในหลายแคว้นที่เป็นสมรภูมิรบหลักๆ ส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวปราบปรามคอร์รัปชันของรัฐบาลประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ซึ่งมีความสำคัญยิ่งที่จะช่วยรักษาแรงสนับสนุนจากพันธมิตรตะวันตก

ในบรรดาเจ้าหน้าที่ยูเครนที่ลาออกหรือถูกปลดจากตำแหน่งในวันอังคาร (24 ม.ค.) ประกอบด้วยผู้ว่าการแคว้นเคียฟ ซูมี, ดนิโปรเปตรอฟสก์ เคียร์ซอน และซาโปริซเซีย โดยเวลานี้เคียร์ซอน ซอโปริซเซีย และดนิโปรเปตรอฟสก์ ที่อยู่ติดกัน เป็นแนวหน้าของสมรภูมิรบ ส่วนเคียฟและซูมี เคยเป็นสมรภูมิรบสำคัญในช่วงต้นๆ ของสงคราม

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมรายหนึ่ง รองอัยการ รองหัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบประธานาธิบดี และรัฐมนตรีช่วย 2 คนทีรับผิดชอบงานด้านพัฒนาท้องถิ่น เป็นหนึ่งในบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่พ้นจากตำแหน่งเช่นกัน

บางส่วนในนั้นเกี่ยวข้องกับคำกล่าวหาคอร์รัปชัน ในขณะที่ยูเครนมีประวัติเกี่ยวกับการฉ้อฉลและธรรมาภิบาลง่อนแงน และอยู่ภายใต้แรงกดดันจากนานาชาติ ต้องแสดงให้เห็นว่าสามารถบริหารจัดการด้วยความน่าเชื่อถือต่อเงินช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์ที่ตะวันตกมอบให้

การกวาดล้างครั้งนี้มีขึ้น 2 วัน หลังจากรัฐมนตรีช่วยด้านโครงสร้างพื้นฐานรายหนึ่งถูกจับกุม และโดนกล่าวหายักยอกเงิน 400,000 ดอลลาร์จากสัญญาจัดซื้อเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หนึ่งในเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ในกรณีแรกที่ถูกเปิดเผยแพร่สาธารณะ นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อ 11 เดือนก่อน

กระทรวงกลาโหมยูเครนเผยว่า ยาเชสลาฟ ชาโปวาลอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการ รับผิดชอบงานด้านจัดหากำลังพล ลาออกเพื่อคงไว้ซึ่งความเชื่อมั่น หลังถูกสื่อมวลชนกล่าวหาว่าคอร์รัปชัน แต่ทางกระทรวงระบุไม่เป็นความจริงใดๆ โดยสื่อมวลชนฉบับหนึ่งรายงานว่ากระทรวงกลาโหมจ่ายเงินค่าอาหารสำหรับทหารแพงกว่าความเป็นจริง

สหภาพยุโรป ซึ่งมอบสถานะผู้สมัครแก่ยูเครนเมื่อเดือนมิถุนายนปีก่อน แสดงความยินดีต่อพัฒนาการดังกล่าว "ในฐานะกฎเกณฑ์ทั่วๆ ไป เราไม่อาจแสดงความคิดเห็นต่อการสืบสวนทางอาญาที่กำลังดำเนินการอยู่ แต่เรายินดีกับข้อเท็จจริงที่ว่าเจ้าหน้าที่ยูเครนกำลังจริงจังกับประเด็นเหล่านี้" โฆษกอียูระบุ

(ที่มา : รอยเตอร์)