ยูเครนรายงานถูกรัสเซียยิงห่าขีปนาวุธถล่มระลอกใหม่ในวันเสาร์ (14 ม.ค.) ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตหลายสิบราย ในขณะที่อังกฤษกลายเป็นประเทศตะวันตกชาติแรกที่เสนอมอบรถถังแก่เคียฟ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยูเครนร้องหามาช้านาน
ความเคลื่อนไหวของอังกฤษเรียกปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรวดเร็วจากมอสโก โดยเตือนว่ามันรังแต่จะทำให้ความขัดแย้งหนักหน่วงยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน มอลโดวา บอกว่าเศษซากจากขีปนาวุธระลอกล่าสุดของรัสเซียปลิวไปตกในดินแดนของพวกเขา และประณามการโจมตีดังกล่าวของทางมอสโก
อีกด้านหนึ่ง ยูเครน ยืนยันในวันเสาร์ (14 ม.ค.) ว่ายังคงมีการสู้รบกันในเมืองโซเลดาร์ หนึ่งวันหลังรัสเซียกล่าวอ้างว่าสามารถยึดเมืองทางตะวันออกแห่งนี้ได้แล้ว หลังจากต่อสู้แย่งชิงกันมานาน ทั้งนี้ หากเป็นจริงตามคำกล่าวอ้าง มันจะถือเป็นชัยชนะนานๆ ครั้งของมอสโก หลังจากก่อนหน้านี้ประสบความปราชัยในสมรภูมิแล้วสมรภูมิเล่า
เจ้าหน้าที่ยูเครนประณามเหตุรัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีทั่วประเทศระลอกล่าสุด ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่ยูเครนกำลังเฉลิมฉลองวันปีใหม่เดิม อันเป็นวันหยุดยอดนิยมในยูเครน
มีอย่างน้อย 9 คน ในนั้นรวมถึงเด็กหญิงวัย 15 ปีรายหนึ่ง เสียชีวิต และอีก 64 คนได้รับบาดเจ็บ หลังการโจมตีพุ่งไปโดนอาคารอพาร์ตเมนต์หลังหนึ่งในเมืองดนิโปร ทางภาคตะวันออกของยูเครน จากการเปิดเผยของวาเลนติน เรซนิเชนโก ผู้ว่าการแคว้นดนิโปรเปตรอฟสก์ พร้อมระบุว่า ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น มีอยู่ 7 รายเป็นเด็ก อายุน้อยสุด 3 ขวบ
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวในเวลาต่อมาว่า "ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ามีคนมากน้อยแค่ไหนที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง เคราะห์ร้าย ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในทุกชั่วโมง" ขณะที่ผู้ช่วยประธานาธิบดีรายหนึ่ง เรียกร้องให้ขับไล่รัสเซียออกจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
ก่อนหน้านั้นในวันเสาร์ (14 ม.ค.) ริชี ซูแน็ก นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ให้สัญญามอบรถถังชาลเลนเจอร์ 2 แก่ยูเครน ถือเป็นประเทศตะวันตกชาติแรกที่จัดหารถถังหนักแก่เคียฟ ตอบสนองในสิ่งที่ยูเครนร้องขอมาช้านาน
สถานทูตรัสเซียในอังกฤษออกถ้อยแถลงตอบโต้ทันควัน โดยบอกว่าการนำรถถังเข้าสู่โซนความขัดแย้ง ยิ่งทำให้ความเป็นปรปักษ์ห่างไกลจากจุดจบ และรังจะทำให้ปฏิบัติการการสู้รบหนักหน่วงขึ้น ก่อความสูญเสียมากยิ่งขึ้น ในนั้นรวมถึงในหมู่พลเรือน
ระหว่างปราศรัยช่วงเย็นวันเสาร์ (14 ม.ค.) เซเลนสกี ระบุว่า การหยุดยั้งก่อการร้ายรัสเซีย สามารถทำได้เพียงหนทางเดียว นั่นคือในสมรภูมิรบ "สามารถทำมันหรือต้องทำมัน ผ่านดินแดนของเรา บนน่านฟ้าของเราและในทะเลของเรา"
ยูเครเนอร์โก ผู้ดูแลโครงข่ายทางพลังงานของยูเครน เปิดเผยว่ากำลังเร่งดำเนินการเพื่อบรรเทาผลประทบจากการโจมตีระลอกล่าสุดของรัสเซีย
ในกรุงเคียฟ ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่าได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวหลายรอบ ส่วนเจ้าหน้าที่ยูเครนรายงานว่ามีเหตุโจมตีโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่ง "มีการโจมตีสถานที่ตั้งทางโครงสร้างพื้นฐานแห่งหนึ่ง แต่มันไม่ได้รับความเสียหายสำคัญๆ หรือเกิดไฟไหม้" ฝ่ายบริหารเมืองเคียฟเผย
ที่แคว้นคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โอเล็ก ซีเนกูบอฟ ผู้ว่าการแคว้นเปิดเผยว่า "ศัตรูยิงขีปนาวุธอีกรอบโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญและโรงงานอุตสาหกรรม"
เยอรมัน กาลัชเชนโก รัฐมนตรีพลังงานของยูเครน กล่าวว่าได้มีการใช้มาตรการดับไฟฉุกเฉินในแคว้นต่างๆ เกือบทั้งหมดของยูเครน สืบเนื่องจากการโจมตีระลอกใหม่ โดยนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น แคว้นซาโปริซเซีย ทางภาตใต้ของประเทศก็ตกเป็นเป้าของการโจมตีเช่นกัน
เซเลนสกี ระบุว่า ยูเครนจัดการสอยร่วงขีปนาวุธ 20 ลูก จากทั้งหมดมากกว่า 30 ลูกที่ทางรัสเซียยิงออกมา "เคาะห์ร้ายที่การโจมตีโดนที่ตั้งโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานบางส่วนเช่นกัน" เขากล่าว และบอกว่าแคว้นคาร์คิฟและแคว้นเคียฟ ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด
ในอีกด้านหนึ่ง ชะตากรรมของเมืองโซเลดาร์ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แม้รัสเซียอ้างว่ายึดครองดินแดนเหมืองเกลือซึ่งเป็นด่านหน้าแห่งนี้ได้สำเร็จแล้ว แต่ยูเครนปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว
ทั้งสองฝ่ายต่างยอมรับว่าประสบความสูญเสียอย่างหนักในการสู้รบแย่งชิงเมืองแห่งนี้
ผู้บัญชาการทหารยูเครนในสมรภูมิโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออก ยืนยันในวันเสาร์ (14 ม.ค.) ว่า "โซเลดาร์ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ยูเครน ทหารของเราควบคุมมัน ยังคงมีการต่อสู้ทั้งในและรอบนอกเมือง"
คำยืนยันของผู้บัญชาการรายนี้ เป็นการตอบโต้คำกล่าวอ้างของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ที่ระบุในวันศุกร์ (13 ม.ค.) ว่าพวกเขาสามารถปลดปล่อยเมืองโซเลดาร์ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้วหนึ่งวันก่อนหน้านี้
เมืองอุตสาหกรรมแห่งนี้มีเคยประชาชนพักอาศัยก่อนสงครามราวๆ 10,000 คน แต่ปัจจุบันมันเหลือแต่ซากปรักหักพัง สืบเนื่องจากการสู้รบอันหนักหน่วง
การเข้ายึดเมืองโซเลดาร์ จะช่วยเสริมสถานะแก่กองกำลังรัสเซีย ในขณะที่พวกเขาผลักดันเดินหน้าในเป้าหมายหลักมาตั้งแต่เดือนตุลาคม นั่นคือการยึดเมืองบัคมุต ชุมทางขนส่งที่อยู่ใกล้ๆ กัน
(ที่มา : เอเอฟพี)