อ้ำๆ อึ้งๆ กันว่าวัตถุปริศนา 3 ชิ้นที่ลอยบนน่านฟ้าสหรัฐฯ และแคนาดาถูกเครื่องบินรบของสหรัฐฯ สอยร่วงลงสู่พื้นโลกระหว่างวันที่ 11, 12, 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นอะไรกันแน่
ถ้าหากคำพูดของนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีของแคนาดามีน้ำหนักตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ เราก็ต้องเชื่อตามเขาว่า วัตถุปริศนานั้นเป็น UFO หรือยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว
แต่นายพลGlen VanHerck ผู้บังคับบัญชาหน่วยป้องกันอวกาศแห่งอเมริกาเหนือ (North American Aerospace Defence Command) ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าวัตถุปริศนาที่เขาสั่งให้ยิงตกตามคำบัญชาของประธานาธิบดีโจ ไบเดนอีกต่อหนึ่งเป็นยูเอฟโอหรือไม่ เขาเพียงแต่เรียกมันว่าวัตถุปริศนา (unidentified objects) ไม่ได้เรียกชื่อเต็มว่าวัตถุปริศนาที่บินได้ (unidentified flying objects) หรือชื่อย่อคือยูเอฟโอ
ข่าวการยิงวัตถุปริศนา 3 ชิ้นเหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ และแคนาดาทำให้ชาวโลกรู้สึกสับสนงุนงง เพราะว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่กองทัพอากาศสหรัฐฯ สอยบอลลูนยักษ์ของจีนที่หลุดลอยเข้ามาในน่านฟ้าสหรัฐฯ ร่วงนอกชายฝั่งรัฐเซาท์แคโรไลนา ด้านมหาสมุทรแอตแลนติกในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดความตึงเครียดทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนมากยิ่งขึ้น เพราะว่าสหรัฐฯ กล่าวหาว่าบอลลูนยักษ์ของจีนมีอุปกรณ์สำหรับสอดแนม ส่วนจีนตอบโต้ว่าบอลลูนยักษ์ใช้สำหรับตรวจสภาพภูมิอากาศ บังเอิญพลัดหลงเข้าไปเหนือน่านฟ้าแคนาดา และสหรัฐฯ และถือว่าเป็นทรัพย์สินของจีน สหรัฐฯ ไม่มีสิทธิ์ที่จะยิงทำลาย
ถ้าหากว่าวัตถุปริศนาเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวจริงตามที่นายทรูโดแย้มออกมา เรื่องจะยุ่งกันใหญ่ ไม่รู้เหมือนกันว่าหน่วยป้องกันอวกาศแห่งอเมริกาเหนือ ที่ตั้งขึ้นมาร่วมกันระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดารู้หรือไม่ว่าวัตถุปริศนาเป็นของเอเลี่ยนตอนที่สั่งยิง หรือเข้าใจผิดคิดว่าเป็นยานสอดแนมของจีนหรือรัสเซีย หรือของชาติอื่นที่เป็นศัตรูกับสหรัฐฯ ในเวลานี้
ถ้าเข้าใจผิดคิดว่าวัตถุปริศนาเป็นของจีนหรือรัสเซียก็แล้วกันไป แต่ถ้าหากว่ารู้ว่าวัตถุปริศนาเป็นของเอเลี่ยน มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยจริงๆ เพราะว่าสหรัฐฯ กำลังก่อศึกกับเอเลี่ยน ทำให้ชาวโลกที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เดือดร้อน พวกเขาอยู่ของพวกเขาดีๆ ไม่ยุ่งกับมนุษย์โลกก็ปล่อยพวกเขาไป ต่างฝ่ายต่างอยู่ก็ดีอยู่แล้ว แต่โจ ไบเดนกลับฮึกเฮิมต้องการแสดงอำนาจบาตรใหญ่ด้วยสั่งโจมตียานอวกาศของเอเลี่ยน
ถ้าเอเลี่ยนก่อสงครามล้างแค้น ใครจะรับผิดชอบ? แสนยานุภาพทางทหารของมนุษย์โลกจะเทียบได้แค่ขี้เล็บของอาวุธของเอเลี่ยนได้หรือไม่ การที่เอเลี่ยนเดินทางมาอยู่โลกมนุษย์ได้แสดงว่าพวกเขามีเทคโนโลยี หรืออารยธรรมที่สูงกว่าเรา สงครามยูเครนจะกลายเป็นเรื่องขี้ปะติ๋วเมื่อเทียบกับสงครามเอเลี่ยน
มีรายงานเชิงลับว่า ยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวบินกันว่อนเหนือทวีปอาร์กติก ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นฐานใหญ่ของมนุษย์ต่างดาว จริงเท็จประการใดไม่สามารถจะยืนยันได้ แต่ปรากฏตัวของยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวให้มนุษย์โลกโดยทั่วไปได้เห็นกลายเป็นเรื่องเกือบจะปกติไปแล้ว
ในเมืองไทยก็มีคนเคยเห็นยานอวกาศมามาก และสื่อได้นำออกมาเผยแพร่กันอย่างครึกโครม แม้ว่าคนส่วนมากจะไม่เชื่อในเรื่องยูเอฟโอหรือามนุษย์ต่างดาวก็ตาม เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องนิยายวิทยาศาสตร์
ถ้าหากเราเชื่อในทฤษฎีมนุษย์ต่างดาว ก็หวังแต่ว่าพวกเขาจะสามารถแยกแยะได้ว่าโจ ไบเดน ผู้นำของสหรัฐฯ และจัสติน ทรูโดผู้นำของแคนาดาเป็นผู้รับผิดชอบในการสั่งการยิงยานอวกาศ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่ามีเอเลี่ยนอยู่ในยานอวกาศที่ถูกสอยร่วงหรือไม่
ถ้าเอเลี่ยนคิดจะล้างแค้น ก็ขอให้จำกัดสงครามเอเลี่ยนที่ทวีปอเมริกาเหนือก็แล้วกัน เพราะว่าดินแดนส่วนอื่นๆ ของโลกไม่เกี่ยว
ตามปกติเวลาจะยิงคู่ต่อสู้หรือศัตรูในลักษณะนี้ จะต้องมีการส่งสัญญาณเตือนกันก่อน ไบเดน หรือทรูโดควรที่จะให้เพนตากอนพยายามติดต่อยานอวกาศ หรือส่งคำเตือนอะไรบางอย่าง ถ้าไม่ฟังแล้วค่อยจัดการ แต่การยิงยานยูเอฟโอครั้งนี้ถือว่าทำไปโดยพลการ หรือออฟไซด์ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าเขามาดีหรือมาร้าย แต่ที่ผ่านมาพวกเอเลี่ยนก็ไม่ได้มายุ่งอะไรกับโลกมนุษย์มาก
จีนโกรธสหรัฐฯ ที่ตัดสินใจยิงบอลลูนยักษ์ของจีน โดยไม่บอกกล่าวกันล่วงหน้า ด้วยเหตุนี้ เว่ย เฟิ่งเหอ รมว.กลาโหมของจีนจึงไม่ยอมรับโทรศัพท์สายด่วนของนายลอยด์ ออสติน รมว.กลาโหมของสหรัฐฯ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องบอลลูนยักษ์ หลังจากที่บอลลูนยักษ์ถูกยิงตกไปแล้ว
ความจริง มีทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวหลายทฤษฎีด้วยกัน มีบางคนเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวอยู่เบื้องหลังการควบคุมโลกใบนี้ผ่านเทคโนโลยีชั้นสูงของเอเลี่ยน โดยพวกรัฐบาลเงาของตะวันตกมีการติดต่อ และทำงานร่วมกันกับเอเลี่ยน รวมทั้งยอมให้เอเลี่ยนลักพามนุษย์เพื่อไปทำการทดลองอะไรบางอย่าง เป้าหมายคือการให้โลกมนุษย์ตกเป็นอาณานิคมของมนุษย์ต่างดาว
มีรายงานหลายหลากเหมือนกันว่า ยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวตกที่นิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐฯ เอาซากของยานอวกาศของเอเลี่ยนไปทำวิจัยย้อนศรทางวิศวกรรม (reverse engineering) ทำให้สหรัฐฯ สร้างแอเรีย 52 (Area 52) ที่รัฐเนวาดา เพื่อทำการวิจัยเรื่องเทคโนโลยีมนุษย์ต่างดาวโดยเฉพาะ ผลพวงของเทคโนโลยีมนุษย์ต่างดาวทำให้สหรัฐฯ สามารถพัฒนาเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ อาวุธที่ทันสมัย คอมพิวเตอร์ รวมทั้งเทคโนโลยีอวกาศได้นำหน้าชาติอื่นแต่แรกเริ่ม อย่างไรก็ดี รัสเซีย และจีนก็น่าที่จะได้เทคโนโลยีของเอเลี่ยนเหมือนกัน เพราะว่ายานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวตกบ่อยบนพื้นที่ต่างๆ ของโลก
อีกทฤษฎีสมคบคิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวคือโครงการลำแสงสีน้ำเงิน (Project Blue Beam) โดยทฤษฎีนี้เชื่อกันว่า มนุษย์ต่างดาวจะมีจริง หรือไม่มีจริงไม่รู้ แต่มันจะเป็นชนวนให้เกิดสงครามเอเลี่ยน เมื่อเอเลี่ยนปรากฏกายขึ้นมาอย่างเป็นทางการ พวกเขาจะกลายเป็นภัยต่อความอยู่รอดของมนุษยชาติ ประเทศต่างๆ ภายใต้การนำของสหรัฐฯ จะรวมตัวกันตั้งรัฐบาลโลก (World Government) ภายใต้การนำของผู้นำโลกในการต่อสู้กับเอเลี่ยน ซึ่งจะนำพาโลกมนุษย์เข้าสู่ศาสนายุคใหม่ (New Age Religion)
เรื่องยูเอฟโอคงจะไม่จบกันง่ายๆ เพราะถ้าหากว่าเอเลี่ยนมีจริงก็ต้องตอบโต้อะไรบางอย่าง ผู้ใดก่อกรรมก็ให้รับกรรมไปก่อน ในขณะเดียวกันผู้นำของประเทศต่างๆ ได้มีการเตือนประชาชนของตัวเองให้ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท เพราะว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้