สถานการณ์ของยูเครนหลังจากทำสงครามกับรัสเซียเกือบครบ 1 ปีวันที่ 24 กุมภาพันธ์ยิ่งพิสูจน์คำพูดของนายเฮนรี คิสซินเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ขณะนี้ในวัย 99 ปีว่าเป็นความจริง ชัดเจนเพียงใด
นั่นคือ “การเป็นศัตรูของสหรัฐฯ นั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แต่การมิตรกับสหรัฐฯ นั้นถึงตาย” เห็นได้ชัดว่าการยกย่องสหรัฐฯ เป็นมหามิตรนั้น ยูเครนอยู่ในสภาพใกล้ล่มสลาย สิ้นความเป็นประเทศ เมื่อสงครามได้สร้างความพินาศย่อยยับเกือบทั้งแผ่นดิน
ทุกวันนี้ยูเครนไม่มีอาวุธเป็นของตัวเอง หลังจากโดนรัสเซียถล่มในช่วงการบุกเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองทัพอากาศไม่เหลือ รัสเซียคุมน่านฟ้ายูเครนเต็มที่
รถถังยุคสหภาพโซเวียต T72 ก็ไม่เหลือ สรรพกำลังทหารราบถูกทำลายไปเกือบ 2 แสนนาย ที่อยู่รอดได้เพราะการพร่ำขออาวุธจากสหรัฐฯ และพันธมิตรนาโต
ผู้นำยูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ได้แต่อ้อนขออาวุธไม่หยุด แบบได้คืบจะเอาศอก ได้อาวุธทันสมัยจากสหรัฐฯ และพันธมิตร เช่นจรวด Himars ก็โดนรัสเซียแทบไม่เหลือ ส่วนหนึ่งโดนยึดไป รัสเซียส่งไปให้อิหร่านศึกษาแบบย้อนรอยวิศวกรรม
เมื่อมีข้อบกพร่องก็ปรับปรุงและอิหร่านเริ่มผลิตเพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเอง ทั้งยังมีท่าทีไม่ดีต่อยูเครนซึ่งด่ากราดประเทศใดก็ตามที่อยู่ข้างรัสเซีย
การส่งรถถังประมาณ 100 คันจากสหรัฐฯ เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส ไม่สามารถเปลี่ยนเกมการรบให้ยูเครนเป็นต่อได้ อย่างมากก็ชะลอความหายนะให้ช้าลง
กองกำลังรถถังเพียงแค่นั้นไม่พอสำหรับแนวรบยาวกว่า 1 พันกิโลเมตร
จะรบด้วยรถถัง ต้องมีปืนใหญ่สนามถล่มนำร่อง ตามด้วยเครื่องบินขับไล่โจมตีทิ้งระเบิด และทหารราบเข้ายึดพื้นที่พร้อมกับรถถัง รวมความแล้ว ยูเครนมีรถถังน้อยเกินไป ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะไม่สามารถผลิตรถถังด้วยตัวเอง
โรงงานผลิตอาวุธต่างๆ โดนทำลายไม่เหลือ โรงงานไฟฟ้าเกือบทั่วประเทศโดนถล่มจนทำให้ระบบอื่นๆ ใช้การไม่ได้ เช่นน้ำประปา การสื่อสาร คมนาคม
ล่าสุด คำขอของเซเลนสกี้ให้สหรัฐฯ และพันธมิตรส่งเครื่องบินรบให้ก็ถูกปฏิเสธโดยสหรัฐฯ และเยอรมนี อ้างว่าไม่ต้องการขยายการรบ เพราะเครื่องบินอาจบุกเข้าไปโจมตีพื้นที่ชั้นในของรัสเซีย รวมทั้งกรุงมอสโก เมืองหลวงด้วย
แต่สหรัฐฯก็ยังคงความเป็นเจ้าเล่ห์ ที่ต้องการยืมมือยูเครนให้บั่นทอนสมรรถนะของรัสเซีย ด้วยการส่งอาวุธประเภทอื่นๆ ให้ต่อเนื่อง ยกระดับความร้ายแรง ทันสมัย
สหรัฐฯ โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศซ้ำว่า “จะช่วยเหลือยูเครนให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นได้” แต่ก็ขยักไว้ ไม่ยอมส่งอาวุธร้ายที่จะทำให้รัสเซียสิ้นความอดทน
จากจรวด Himars และ Patriots ซึ่งเป็นระบบป้องกันทางอากาศ ล่าสุด โจ ไบเดนจะทุ่มงบอีก 2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อส่งจรวดทันสมัย วิถีการยิงไกลถึง 150 กม.
นั่นคือ Ground Launched Small Diameter Bomb (GLSDB) เป็นระบบจรวดวิถีไกล โดยสำนักข่าวรอยเตอร์อ้างคำพูดของจ้าหน้าที่ระดับสูงจะมีทั้งจรวดต่อสู้รถถัง Javelin และรถรบที่ทนทานต่อกับระเบิด
โจ ไบเดนยังจะส่ง multiple-launch rocket systems (MLRS), เป็นจรวดหลายลำกล้องยิงให้ยูเครน และระบบสนับสนุนอาวุธช่วยรบของ Patriots
เห็นอย่างนี้แล้ว บอกให้ว่ายูเครนจะเป็นสมรภูมิอีกนาน และความย่อยยับของบ้านเมือง เพราะรัสเซียคงไม่ปล่อยไว้ให้เป็นภัย จะต้องเร่งลงมือก่อน
รัสเซียประกาศแล้วว่ารถถังจากตะวันตกอาจไม่ได้เข้าถึงสมรภูมิ เพราะจะโดนทำลายทันทีที่ถูกส่งข้ามพรมแดนเข้ายูเครน เช่นเดียวกับอาวุธอื่นๆ
ในการเตรียมพร้อมทำสงครามระยะยาว โรงงานผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียเปิดสายการผลิต 24 ชั่วโมงตลอดสัปดาห์ ไม่มีวันหยุด มีความพร้อมด้านวัตถุดิบมากกว่าสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งไม่ได้พัฒนาอาวุธใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 3
การได้อาวุธแบบกะปริบกะปรอยจากสหรัฐฯ และพันธมิตร ทำให้ยูเครนไม่สามารถสู้รบได้อย่างเต็มที่ ทหารขาดขวัญกำลังใจ อาวุธที่ถูกส่งมาจากโลกตะวันตกโดนส่งไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าโดยพ่อค้า นักการเมืองใกล้ชิดเซเลนสกี้
การทุจริต คอร์รัปชันทุกระบบยังเป็นปัญหาของยูเครน ทำให้เซเลนสกี้ต้องเปลี่ยนตัวทีมงาน คนใกล้ชิด เพื่อหาโอกาสเข้าเป็นสมาชิกประชาคมยุโรปโดยเร็ว
สหรัฐฯ เป็นประเทศค้าสงคราม รากฐานเศรษฐกิจอยู่ด้วยอุตสาหกรรมทหาร เป็นผู้ส่งออกอาวุธอันดับ 1 ของโลก การที่จะขายอาวุธได้ต้องเข้าไปสร้างความวุ่นวายให้เกิดความขัดแย้ง ความหวาดระแวง และการแข่งขันการสะสมอาวุธ
สหรัฐฯ จึงโกยเงินจากสงครามยูเครนเพราะการขายอาวุธ อุตสาหกรรมการทหารได้งบมหาศาลในการผลิตอาวุธ ประเทศยุโรปต้องซื้ออาวุธเข้าคลังทดแทนจำนวนที่ส่งไปช่วยเหลือยูเครน สหรัฐฯ ยังได้กำไรอย่างงามจากการขายก๊าซและน้ำมันให้ยุโรป
ขณะที่เพื่อนลำบาก สหรัฐฯ กลับกอบโกยเงินจากขายอาวุธและพลังงาน คนอเมริกันส่วนหนึ่งเริ่มมองว่ารัฐบาลใจกว้างเกินไปในการช่วยเหลือยูเครน ขณะที่คนอเมริกันลำบากจากปัญหาเศรษฐกิจ จำนวนคนไร้บ้านมีมากกว่า 6 แสนคน
แน่นอน สหรัฐฯ ไม่ต้องการให้ยูเครนแพ้สงคราม เพราะตัวเองจะเสียหน้า ต้องการให้ยูเครนรบจนไม่เหลือทหาร สิ้นความเป็นชาติที่คนอยู่อาศัยได้
คิสซินเจอร์น่าจะอยู่ถึงอายุ 100 ปี ทันเห็นความพินาศของยูเครน และเห็นว่าการเป็นมิตรกับสหรัฐฯ นั่นทำให้คนยูเครนบาดเจ็บล้มตายจมในกองทุกข์อีกนาน