เปิดฉากสัปดาห์นี้...ลองไปเงี่ยหูฟังเรื่องรถแท็งก์ รถถัง ที่คุณพ่ออเมริกาและประเทศไส้กรอกเยอรมันเขากำลังคิดขนไปให้ยูเครนเอาไว้สู้กะรัสเซีย ไว้พอเป็นกระสาย หรือพอให้เกิดข้อคิดสะกิดใจ แม้นิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี เพราะเรื่องราวดังกล่าวจะมองกันแค่ในแง่ “การทหาร” ล้วนๆ ไม่น่าจะได้ ด้วยเหตุเพราะมันยังมีแง่มุมทาง“การเมือง” ที่คงต้องนำมาใคร่ครวญ หวนคิด ควบคู่กันไปด้วยอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ...
คือถ้าว่ากันในแง่ “การทหาร” แล้ว...สำหรับผู้ที่ไม่เคยได้เป็นทหาร ไม่เคยได้ผ่านสมรภูมิใดๆ มาก่อนเลย คงหนีไม่พ้นต้องหันไปฟังพวก “กูรู-กูรู้” เขานั่นแหละเป็นหลัก ไม่ว่าประเภท “นายDavid T. Pyne” อดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ “นายLarry Johnson” อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง “CIA” หรืออดีตผู้บัญชาการกองพลทหารราบตุรกีและปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์แห่งศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัย “Istinye” อย่าง “นายพลFahri Erenel” ที่เขาได้ให้ทัศนะ มุมมองกับสำนักข่าว “Russia Today” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาไว้คล้ายๆ กัน คือมองว่าแค่รถถัง “M-1A1 Abrams” ของอเมริกันไม่กี่สิบคัน รถถัง “Leopard 2” ของเยอรมนีประมาณหนึ่งโหล หรือแถมรถถัง “Challenger 2” ของอังกฤษเข้าไปอีกด้วยก็ได้ แต่บรรดารถถังแค่ 40-50 คันเหล่านี้ มันคงไม่ครณามือ ครณาตีน กองทัพรัสเซียที่มีจรวด มีเฮลิคอปเตอร์ทำลายรถถัง มีขีปนาวุธร้ายๆ ไม่รู้จะกี่หมื่น กี่แสนลูก หรือไม่สามารถ “เปลี่ยนเกม” ไม่อาจเปลี่ยนฉากสถานการณ์ในแนวรบด้านนี้ได้เลย เผลอๆอาจยิ่งก่อให้เกิดความเปรี้ยวมือ เปรี้ยวตีน เกิดความกระเหี้ยนกระหือรือของกองทัพรัสเซีย ในอันที่จะหาทางทำลายรถถังเหล่านี้ ให้พลิกคว่ำคะมำหงาย ให้ม่อยกระรอกเอาง่ายๆ...
เพราะถ้านับแต่เฉพาะจำนวนรถถังล้วนๆ รถถังในกองทัพรัสเซียทุกวันนี้ ยังมีมากกว่ารถถังนาโตทั้งมวลถึง 5-1 เอาเลยถึงขั้นนั้น อีกทั้งกว่าจะฝึกอบรบบรรดาทหารยูเครนให้คุ้นเคยกับความสลับซับซ้อนของรถถังดังกล่าว ไม่ว่าของอเมริกันหรือเยอรมนี อาจต้องใช้เวลาร่วมๆ 4 เดือนเป็นอย่างน้อย ถึงจังหวะนั้น...ไม่รู้ว่าดินแดนยูเครนจะเหลือแต่ซาก เหลือแต่เถ้าถ่าน หรือไม่? อย่างไร? แต่ที่น่าคิดน่าสะกิดใจ ยิ่งไปกว่านั้น ก็คงหนีไม่พ้นไปจากเรื่อง “การเมือง” หรือแง่มุมการเมืองนั่นแหละทั่นที่บรรดากูรู-กูรู้ทั้งหลายเขาเห็นพ้องต้องกันว่า ถือเป็นการ “ตัดสินใจที่ผิดพลาด” หรือ“ไม่ฉลาด” เอาเลย เพราะไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับสถานการณ์แห่งการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างรัสเซียกับอเมริกาและนาโต แถมยังเป็นตัวก่อให้เกิด “เหตุผล-ข้ออ้างอันชอบธรรม” ของฝ่ายรัสเซียที่ถือเป็น “ชาตินิวเคลียร์” อันดับต้นๆ ในอันที่จะตอบโต้ต่อฝ่ายตะวันตกได้อย่างถึงพริก-ถึงขิง ยิ่งเมื่อผู้นำรัสเซียประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ท่านได้ป่าวประกาศไว้ล่วงหน้าชนิดเล่นเอาใครต่อใครขนหัวลุก-ขนคอตั้งกันไปมิใช่น้อย ว่า ความพยายาม “ลบรัสเซียออกจากแผนที่โลก” ของฝ่ายตะวันตกนั้น ย่อมทำให้รัสเซียจำต้องอาศัย “ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามี” เพื่อปกป้องอธิปไตยและปวงชนชาวรัสเซียอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงไปเป็นอื่น!!!
แต่บรรดาผู้นำฝ่ายตะวันตกนั้น อาจมีลักษณะอาการแบบที่ “นายDavid Pyne” เขาสรุปเอาไว้ก็เป็นได้ คือ “เป็นผู้ที่ล้มเหลวต่อการทำความเข้าใจว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ ที่จะทำให้ยูเครนได้รับชัยชนะและทำให้รัสเซียเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามครั้งนี้ ไม่ว่าในแง่การทหาร เศรษฐกิจ หรืออุตสาหกรรมก็ตาม” ไม่ก็อาจมีอาการแบบเดียวกับรัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี “นางAnnalena Baerbock” แห่งกลุ่มพันธมิตรพรรคกรีน ที่ไม่เพียงพยายามกดดันผู้นำประเทศตัวเอง “นายOlaf Scholz” ให้ส่งรถถัง“Leopard 2” ไปให้กองทัพยูเครนให้จงได้ จนรัฐมนตรีกลาโหม “นางChristine Lambrecht” ที่เคยถูกที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ออกมาสับเป็นท่อนๆ ว่าออกอาการอิดๆ เอื้อนๆ ต่อการส่งความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครน ถึงขั้นทนไม่ไหวต้องขอลาออกเอาดื้อ!!! แต่ยังออกอาการ “เบบี้” แบบสุดฤทธิ์ สุดเดช โดยเฉพาะขณะไปร่ายยาว ไปปลุกกระตุ้นปลุกระดม บรรดาสมาชิกรัฐสภา ณ ที่ประชุม “PACE” (The Council of Europe) เมื่อช่วงวันอังคาร (24 ม.ค.) ที่ผ่านมา ด้วยการเอ่ยปาก เอ่ยคำพูด คำจา แบบชัดถ้อย-ชัดคำ ประมาณว่า...“ประเทศอียูทั้งมวล...กำลังทำสงครามกับรัสเซีย!!!” ไปจนการโอ้โลม-ปฏิโลมว่า “สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ณ ขณะนี้ คือเราต้องไม่หันมาตำหนิกันเอง หรือเล่มเกมระหว่างกันและกัน เพราะเรากำลังทำสงครามกับรัสเซียไม่ใช่กับพวกเรากันเอง” นี่...ปากหนอปาก ทั้งที่มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศแท้ๆ
อันนี้...ต้องเรียกว่าเล่นเอาบรรดาประเทศอียูหรือนาโตทั้งหลาย ต่าง “สะดุ้งโหยง” ไปตามๆ กัน ถึงขั้นที่รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส “นางCatherine Colonna”ต้องสั่งให้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการในวันต่อมา หรือวันพฤหัสฯ ที่ 26 ม.ค. ด้วยการเน้นไว้ว่า “เรา(อียู)...ไม่ได้กำลังทำสงครามกับรัสเซียและไม่มีหุ้นส่วนรายใดของเราที่คิดทำเช่นนั้น” ไม่ต่างไปจากประธานาธิบดีโครเอเชีย “นายZoran Milanovic” ที่ออกมาตลกหน้าตายด้วยคำพูดประมาณว่า “ผมไม่รู้จริงๆ ว่าใครคิดทำสงครามกับรัสเซีย นี่เป็นข่าวใหม่...เพราะไม่เคยมีใครบอกผมเรื่องนี้ แต่บางทีเยอรมนีเขาอาจอยากทำสงครามกับรัสเซีย ซึ่งถ้าหากเป็นอย่างนั้น...ก็ขอให้โชคดีกว่าเมื่อ 70 ปีที่แล้ว (สงครามโลกครั้งที่ 2) ก็แล้วกัน!!!” นี่...เรียกว่า เล่นเอา “ไม่ไหวจะฮา” กันไปเป็นแถบๆ แถมยังหยอดมุกปิดท้ายไว้ด้วยว่า “ผมอยู่ในแวดวงการเมืองมานานและประเทศโครเอเชียก็ผ่านพ้นความยุ่งเหยิงทางการเมืองมาได้พอสมควร...แต่ก็ไม่เคยเห็นอะไรที่บ้าไปได้ถึงขั้นนี้..”
คือคุณ “Annalena Baerbock” รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีนั้น เธออาจเติบโตมากับความ “ดรามา” มาโดยตลอด เพราะโดยอายุ-อานามเธอแค่ประมาณ 40 กว่าๆ เท่านั้นเอง เกิดไม่ทันยุคสงครามโหดๆ ร้ายๆ อย่าง “สงครามเวียดนาม” ด้วยซ้ำ ถนัดเชี่ยวชาญในเรื่องประเภทสิ่งแวดล้อม เด็กและผู้หญิง อะไรประมาณนั้น แต่เก่งในการ “ปั่น” ตัวเอง จนถึงกับเคยได้รับเสนอชื่อให้ขึ้นมาแทนที่ “หญิงเหล็ก” อดีตผู้นำเยอรมนีอย่าง “นางAngela Merkel” เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่เผอิญไปถูกจับติดว่าออกอาการคุยโม้โอ้อวดถึงผลงานตัวเองแบบ “เกินจริง” ไปสักหน่อย แถมยังไปลอกผลงานของผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง เลยต้องถูกลดชั้นเป็นได้แค่รัฐมนตรีต่างประเทศ การออกมาป่าวประกาศว่าประเทศอียู ทั้งมวลกำลังทำสงครามกับรัสเซียเลยกลายเป็นอะไรที่เลยเถิด เลยธง และออกจะ “เบบี้” เอามากๆ...
เพราะการเผชิญหน้าทางทหารโดยตรงกับชาตินิวเคลียร์อย่างรัสเซียนั้น กระทั่งคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ผู้นำมหาอำนาจสูงสุดของโลกอย่างอเมริกา ยังต้องพยายามเบี่ยงไป-เบี่ยงมา บิดไป-บิดมา ไม่พร้อมที่จะป่าวประกาศแบบเสียงดัง-ฟังชัด แบบตึงตังโครมครามแต่อย่างใด ขนาดคิดจะส่งขีปนาวุธ “Patriot” ไปให้กับยูเครน ยังต้องอ้อมๆ แอ้มๆ ว่าเป็นอาวุธสำหรับ “ป้องกัน” ไม่ใช่สำหรับการ “โจมตี” แต่ทั้งนั้น-ทั้งนี้...ไม่ว่าจะ “Patriot” หรือรถถัง “M-1A1 Abrams” ก็แล้วแต่ ในแง่ของ “การเมือง”แล้ว มันก็คงเป็นไปอย่างที่บรรดา “กูรู-กูรู้” ท่านได้เห็นพ้องต้องกันไปแล้วนั่นแหละว่า มันมีแต่ก่อให้เกิดการยกระดับความตึงเครียด ยกระดับสถานการณ์ไปสู่การเผชิญหน้าทางทหารโดยตรงกับรัสเซียอย่างมิอาจปฏิเสธ และยิ่งการแสดงออกถึงท่าทีทำนองนี้เพิ่มความชัดเจนยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้รัสเซียเขายิ่งมี “เหตุผล-ข้ออ้าง” ในการตอบโต้ต่อฝ่ายตะวันตกได้อย่างมี “ความชอบธรรม” หรือมีน้ำหนักรองรับยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
ด้วยเหตุนี้...การส่งรถถังของอเมริกา-เยอรมนี หรืออาจรวมถึงประเทศนาโตอื่นๆ ไปให้กับกองทัพยูเครนจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ใดๆ ตามมาก็ตาม แต่สิ่งที่น่าจะก่อให้เกิด “สติ” และ “สัมปชัญญะ” ต่อบรรดาผู้นำประเทศทั้งหลายได้มั่ง ก็น่าจะเป็นคำพูด คำจา ของประธานาธิบดีแห่งประเทศเล็กๆ อย่างโครเอเชีย หรือ “นายZoran Milanovic” นั่นแหละ ที่สรุปเอาไว้ประมาณว่า... “รถถังเหล่านี้อาจถูกเผาผลาญทำลาย หรืออาจวิ่งไปถึงแหลมไครเมีย (ดินแดนที่ถูกรัสเซียผนวก) ก็แล้วแต่ แต่สำหรับโครเอเชียแล้ว...เราไม่คิดจะทำอะไรแบบนี้ เพราะขณะที่โลกกำลังเคลื่อนเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 แบบช้าๆ หรือบางคนอาจคิดว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับผมแล้ว...ผมขอสงวนสิทธิ์ที่จะแสดงความเห็นในเรื่องนี้ก็แล้วกัน...” คือคงต้องสุขุม รอบคอบเอาไว้ก่อน สำหรับบรรดาประเทศเล็กๆ หรือบรรดา “หญ้าแพรก” ทั้งหลาย...