xs
xsm
sm
md
lg

ยูเครนได้รถถังหนัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



หลังจากเกี่ยงงอนกันไปมาว่าจะส่งรถถังขนาดหนักไปให้ยูเครนเพื่อรบกับรัสเซียหรือไม่ ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ตัดสินใจ เบิกทางด้วยคำประกาศของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ว่าจะส่งรถถัง A1 Abrams เข้าสู่สมรภูมิยูเครน

การตัดสินใจของสหรัฐฯ เพื่อนำร่องให้ประเทศพันธมิตรสำคัญเช่นเยอรมนีได้ตัดสินใจส่งรถถัง Leopards 2 ให้ยูเครนหลังจากที่โปแลนด์และฟินแลนด์บอกว่าจะส่งรถถังประเภทเดียวกันไปช่วยยูเครน

ก่อนหน้านั้นอังกฤษก็จะส่งรถถังหนัก Challenger 2 จำนวน 14 คันไปให้ยูเครนเพื่อเป็นการกดดันให้เยอรมนีทำตามส่วนฝรั่งเศสก็จะส่งรถถัง Leclerc ไปด้วย

แต่คงไม่ใช่จะเกิดขึ้นภายในช่วงสัปดาห์หรือเดือนเพราะสหรัฐฯ และเยอรมนีจะต้องใช้เวลาในการปรับปรุงเครื่องยนต์และระบบต่างๆ รวมทั้งจะต้องฝึกทหารยูเครนให้รู้จักใช้อีกด้วย

คาดกันว่าจะต้องฝึกอย่างน้อย 3 เดือนสำหรับพลประจำรถถังยูเครนให้เกิดความคุ้นเคยและไม่เสียของ เพราะรถถังเหล่านี้เป็นยานรบขนาดหนักและมีความแตกต่างกันด้านสมรรถภาพ

นั่นหมายความว่าจะต้องใช้ทหารยูเครน 4 ชุดเพื่อฝึกใช้รถถัง 4 ประเภท และต้องใช้เวลารวมถึงเรียนรู้ระบบการยิงจากอาวุธประจำรถซึ่งมีความต่างกันทั้งด้านขนาดของกระสุนและจรวด

ต้องมีอะไหล่และอุปกรณ์ 4 ชุดรวมถึงช่างซ่อมบำรุง 4 ชุดเช่นกันซึ่งไม่เหมาะสมด้านโลจิสติกส์อย่างยิ่ง

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีรถถังแล้วจะหวังรบชนะรัสเซีย A1 Abrams เป็นรถถังที่ใช้น้ำมันเครื่องบิน 3 แกลลอนต่อ 1 กิโลเมตรและมีน้ำหนัก 63 ตัน จะไม่เหมาะกับพื้นที่สมรภูมิยูเครน

นักวิเคราะห์มองว่ารถถังของเยอรมนี Leopards 2 ซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซลจะเหมาะกว่าการสู้รบ เพราะสิ้นเปลืองน้อยกว่าและเหมาะสำหรับภูมิประเทศของยุโรปและเป็นอาวุธหลักประจำองค์การนาโต

เยอรมนีคาดว่าจะส่งรถถังประเภทนี้ไป 130 คันแต่ต้องใช้เวลาในการปรับปรุงยกเครื่องและให้มีความพร้อมสำหรับการสู้รบ ประเทศอื่นๆ ก็จะต้องทำอย่างเดียวกัน

ประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ยังไม่รู้สึกพอใจ บอกว่าการที่ฝ่ายสหรัฐฯ และนาโตจะส่งรถถังเพียงไม่กี่สิบคันไปช่วยยูเครนนั้น เทียบกันไม่ได้กับกองทัพรัสเซียซึ่งส่งรถถังมากถึง 1 พันคันเข้าสู่สมรภูมิ

ทหารยูเครนคุ้นกับรถถัง T72 ซึ่งเป็นรถถังหนักรุ่นแรกของรัสเซียช่วงยังเป็นสหภาพโซเวียตและจะต้องซ่อมบำรุง ไม่มีรายงานว่ายูเครนยังเหลือรถถังรุ่นนี้เท่าไหร่หลังจากสงครามเกิดขึ้นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา

รัสเซียได้พัฒนายกระดับขีดความสามารถของรถถังถึงรุ่น T80 และ T90 และรุ่นทันสมัยกว่าทั้งยังเร่งการผลิต 12 ชั่วโมงต่อวัน โดยไม่ขาดแคลนวัตถุดิบซึ่งต่างจากสหรัฐฯ และยุโรปที่จำเป็นต้องได้วัตถุดิบ จากต่างประเทศโดยเฉพาะรัสเซียและจีน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารวิเคราะห์ว่าจำนวนรถถังรวมกันจาก 4 ประเทศไม่ถึง 100 คันคงจะไม่ได้สร้างความแตกต่างมากมายบนสมรภูมิ เพราะรัสเซียมีเฮลิคอปเตอร์ปราบรถถัง โดรนสังหาร และจรวดนำวิถีมีความแม่นยำสูงรวมทั้งปืนใหญ่วิถีไกล

โฆษกรัฐบาลรัสเซียนายดมิทรี เพสคอฟ ได้เตือนว่าตราบใดที่ฝ่ายสหรัฐฯ และพันธมิตรส่งอาวุธช่วยเหลือยูเครนก็จะทำให้สงครามยืดเยื้อและเกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองของยูเครน

อาวุธทันสมัยก่อนหน้านี้ที่สหรัฐฯ ส่งไปให้ยูเครนเช่นจรวด Himars ถูกรัสเซียทำลาย และรถถังที่จะส่งไปให้ยูเครนนั้นก็จะอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน

การส่งรถถังขนาดหนักจากนาโตไปให้ยูเครนเท่ากับเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าสงครามนี้เป็นการสู้รบกันระหว่างพันธมิตรตะวันตก นำโดยสหรัฐฯ ฝ่ายหนึ่งกับรัสเซีย แต่ทหารที่สู้รบเป็นกองทัพยูเครนซึ่งมีทหารจากพันธมิตรร่วมผสมอยู่ด้วยในรูปแบบต่างๆ โดยสวมเครื่องแบบทหารยูเครน

นี่เป็นการถลำลึกเข้าไปในสงคราม โดยพันธมิตรนาโตจะนำไปสู่การเสียชีวิตของทหารทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะทหารยูเครนซึ่งช่วงหลังพ่ายแพ้อย่างยับเยินในศึกชิงเมืองเกลือ Soledar และ Bakhmut โดยอัตราสูญเสียกำลังพลสูงถึง 40%

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าถึงอย่างไรยูเครนก็ไม่มีทางชนะศึกกับรัสเซีย แม้ฝ่ายสหรัฐฯ และยุโรปจะต้องทุ่มอาวุธและเงินงบประมาณสนับสนุนอย่างมากก็ตาม

สหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือยูเครนรวมเป็นเงิน 1.10 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ประเทศในยุโรปโดยเฉพาะเยอรมนีต้องใช้จ่ายเงินงบประมาณมากมายประมาณเกือบ 6 แสนล้านยูโร พยุงเศรษฐกิจ ตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 จนถึงปัจจุบันและต้องกู้เงิน

เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรปอยู่ในขั้นวิกฤตเพราะปัญหาเงินเฟ้อสูงกว่า 10% พลังงานราคาแพงและค่าครองชีพสูง ทำให้คนยุโรปอยู่ในสภาพลำบากและมีหลายประเทศเริ่มเดินขบวนเรียกร้องให้รัฐบาลของตัวเองเลิกยุ่งกับสงครามยูเครน

จากนี้ไปคาดว่ารัสเซียจะโหมบุกหวังพิชิตศึกใน 4 แคว้นที่ยึดมาได้จากยูเครนและผนวกเข้ากับรัสเซีย โดยมีความเสี่ยงว่าอาจจะขยายตัว มีคำเตือนจากนักการเมืองโปแลนด์ว่าถ้ายูเครนแพ้ก็อาจเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3

รัสเซียก็เตือนเช่นเดียวกันว่า ถ้าตัวเองพ่ายแพ้ก็จะต้องต่อสู้โดยใช้อาวุธทุกประเภทที่มีอยู่เพื่อความอยู่รอด ในกรณีที่เกิดสงครามกับนาโต นั่นหมายถึงอาวุธนิวเคลียร์

ต้องรอดูว่าสงครามรถถังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงผลของการสู้รบอย่างไรบ้าง และจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรงต่อประเทศอื่นๆ ด้วยหรือไม่เพียงใด

ที่แน่นอนคือ ความพินาศย่อยยับของยูเครนรวมถึงความทุกข์ยากของประชาชนหลายสิบล้านคน ที่ไม่รู้ว่าอนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร


กำลังโหลดความคิดเห็น