xs
xsm
sm
md
lg

คนยุโรปอยากให้ศึกยูเครนจบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



สงครามยูเครนกับรัสเซียใกล้จะครบหนึ่งปีวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีหนทางสงบลง ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาแสวงหาสันติภาพหรือชัยชนะด้านการสู้รบในสมรภูมิ

ท่าทีของฝ่ายสหรัฐฯ และสมาชิกนาโตในยุโรปก็ยังไม่ต้องการเจรจา กลับเน้นการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ตามที่ผู้นำยูเครนต้องการ ทั้งที่มองไม่เห็นหนทางว่าจะเอาชนะรัสเซียได้อย่างไร

ความเห็นของทั้งฝ่ายนักการเมืองโลกตะวันตกและฝ่ายรัสเซียก็มองว่ายูเครนไม่มีทางชนะสงครามได้ ทุกวันนี้ต้องพึ่งความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ทั้งอาวุธและเงินงบประมาณขณะที่ประชาชนในยุโรปเดือดร้อนด้วยปัญหาค่าครองชีพสูงอัตราเงินเฟ้อสูงเกินกว่า 10%

การเดินขบวนของประชาชนในหลายเมืองหลวงของยุโรปเรียกร้องให้รัฐบาลหาทางยุติสงครามเกิดขึ้นหลายครั้งแต่ไม่สามารถทำให้ผู้นำรัฐบาลยอมทำตามเพราะยังเกรงอิทธิพลครอบงำโดยสหรัฐฯ

ผู้นำสหรัฐฯ นายโจ ไบเดน ต้องการให้รัสเซียสิ้นสภาพความเป็นชาติ มหาอำนาจทางการทหารด้วยการทำให้เศรษฐกิจมีภาวะวิกฤตกดดันให้ผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน หลุดจากอำนาจ

ชาวยุโรปเริ่มทนไม่ได้ จากการสำรวจความเห็นของประชาชนล่าสุดใน 9 ประเทศซึ่งเป็นสมาชิกประชาคมยุโรปซึ่งแสดงให้เห็นว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งของประชาชนต้องการให้สงครามยูเครนสิ้นสุดลง

ผลของการสำรวจประชาชนมีความเห็นว่ายูเครนจำเป็นต้องยอมเสียพื้นที่ซึ่งถูกรัสเซียยึดไปได้รวม 4 แคว้น นอกเหนือจากแหลมไครเมียยึดไปในปี 2014

การสำรวจเกิดขึ้นในออสเตรีย ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ อิตาลี เนเธอร์แลนด์โปแลนด์ โปรตุเกส และสเปน องค์กรที่ทำการสำรวจคือ Euroskopia ซึ่งเป็นการรวมตัวของบริษัททำโพลหลายแห่ง

ในผลสำรวจครั้งนี้ 48% ของผู้ตอบระบุว่าต้องการให้สงครามสิ้นสุดอย่างรวดเร็วแม้ว่ายูเครนจะต้องเสียพื้นที่ ขณะที่ 32% คัดค้านกับความคิดที่ว่ายูเครนต้องสละพื้นที่เพื่อสันติภาพ

ที่ผ่านมาฝ่ายยูเครนยืนหยัดที่จะต่อสู้จนกระทั่งกองกำลังของตัวเองสามารถยึดพื้นที่และควบคุมบริเวณของตัวเองคืน กลุ่มผู้นำประเทศในประชาคมยุโรปก็ประกาศว่าจะช่วยเหลือยูเครนให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตามนโยบายของโจ ไบเดน

มีประเด็นของความสงสัยกับสภาวะสงครามจากผลสำรวจของประชาชนในออสเตรียและเยอรมนีโดย 64% และ 60% ตามลำดับ ต้องการให้มีทางลัดสู่สันติภาพ

Euroskopia ชี้ว่าความเห็นของประชาชนค้านกับจุดยืนเป็นทางการของรัฐบาลเยอรมนีซึ่งได้แสดงออกให้เห็นถึงความใจกว้างเต็มที่ในการสนับสนุนประชาคมยุโรปในเรื่องของความช่วยเหลือด้านการทหารแก่ยูเครน

ผู้ตอบผลสำรวจในเนเธอร์แลนด์ 27% และโปแลนด์ 27% เป็นกลุ่มที่สนับสนุนน้อยที่สุด ถ้าจะมีการปรองดองเพื่อสันติภาพ

ขณะที่เสียงส่วนใหญ่ประมาณ 56% ของประชาชนใน 9 ประเทศประชาคมยุโรปต้องการให้สนับสนุนอาวุธให้ยูเครนแต่ก็มีเสียงข้างน้อยไม่เห็นด้วย

ประชาชนในกรีซและอิตาลีซึ่งมี 60% และ 50% ตามลำดับ ได้คัดค้านการช่วยเหลือด้านการทหารขณะที่ 38% ต้องการให้สนับสนุนยูเครน

ประชาชนชาวกรีกและอิตาเลียนเป็นกลุ่มที่เห็นด้วยกับการสนับสนุนน้อยที่สุดในการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยกลุ่มประชาคมยุโรป ขณะที่ 51% หนุนการคว่ำบาตร

สัดส่วนของประชาชนชาวกรีกและอิตาเลียนสนับสนุนนโยบายดังกล่าวนั้น มีเพียง 29 และ 38 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับที่เห็นด้วยกับมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย

ความต้องการของคนยุโรปที่อยากให้ยุติสงครามคงเป็นเพราะไม่อยากทนกับความลำบากในด้านค่าครองชีพ และปัญหาการขาดแคลนพลังงานที่ทำให้ภาคอุตสาหกรรมเจอวิกฤตจนต้องลดกำลังการผลิตหรือหยุดกิจการ

ยูเครนยังต้องการอาวุธทันสมัยจากสหรัฐฯ ล่าสุดก็อาจจะได้รับจรวด Patriot ซึ่งเป็นระบบต่อต้านจากเนเธอร์แลนด์ และประเทศอื่นๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีคำมั่นจากสหรัฐฯ เยอรมนี อังกฤษ และฝรั่งเศสว่าจะส่งรถถังให้เพื่อสนับสนุนการสู้รบภาคพื้นดิน

ความต้องการให้ยุติสันติภาพคงจะเป็นเรื่องยากเพราะเงื่อนไขของฝ่ายยูเครนและรัสเซียห่างจากจุดที่จะพูดคุยกันได้ ฝ่ายยูเครนต้องการได้พื้นที่คืนทั้งหมด แต่รัสเซียได้ผนวกพื้นที่เหล่านั้นเป็นส่วนเดียวกับรัสเซียไปแล้ว

ในฟินแลนด์มีความเคลื่อนไหวทางด้านการทหารซึ่งเตรียมพร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือ รวมทั้งชุดป้องกันกัมมันตภาพรังสีในกรณีที่จะมีการโจมตีด้วยนิวเคลียร์

ก่อนหน้านั้นมีคำเตือนจากนายกรัฐมนตรีของโปแลนด์ว่า ถ้ายูเครนแพ้สงครามจะเป็นจุดที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ เพราะฝ่ายสหรัฐฯ และนาโตไม่ยอมเสียหน้าทั้งยังเกรงว่ารัสเซียจะบุกประเทศอื่นในยุโรปอีก

ดังนั้นสงครามคงต้องมีต่อไปและที่คาดหมายได้ก็คือความพินาศของเมืองต่างๆ ในยูเครนพร้อมกับระบบสาธารณูปโภคสำคัญเช่น ไฟฟ้า น้ำประปา ระบบโทรคมนาคมและการขนส่ง ซึ่งจะต้องใช้งบประมาณมหาศาลเพื่อฟื้นฟู


กำลังโหลดความคิดเห็น