xs
xsm
sm
md
lg

นาโต-ยุโรปเน้นรบรัสเซีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์


ดมิทรี เพสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย
การกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง 3 องค์กรหลักของโลกตะวันตก จะทำให้สงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซียห่างไกลจากความเป็นไปได้ที่จะเกิดสันติภาพขึ้นเพราะสภาพที่เป็นอยู่มีแต่จะทำให้การสู้รบขยายตัว

การลงนามสนธิสัญญาระหว่างองค์การนาโต คณะมนตรียุโรป และประชาคมยุโรปโดยเน้นการยกระดับความร่วมมือและความสัมพันธ์อีกระดับหนึ่งคือการสนับสนุนยูเครนในการสู้รบกับรัสเซีย

มีการลงนามอย่างเป็นทางการโดยผู้นำของทั้ง 3 องค์กรคือเลขาธิการองค์การนาโต ประธานคณะมนตรียุโรป และประธานคณะกรรมาธิการยุโรปในกรุงบรัสเซลส์ ซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการของทั้ง 3 องค์กร

ดังนั้นสงครามระหว่างโลกตะวันตกกับรัสเซีย จึงมีทั้งการสนับสนุนด้วยเงินและอาวุธให้ยูเครนและใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดผลกระทบต่อรัสเซียโดยที่ผ่านมาไม่ได้เข้าเป้า

ตรงกันข้าม เกิดผลสะท้อนกลับด้านลบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของยุโรปทั้งทวีปและอังกฤษด้วยเหตุราคาพลังงานแพงนำไปสู่สภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงทำให้ประชาชนในยุโรปและอังกฤษลำบาก

รายได้ที่เคยมีของชาวยุโรปและอังกฤษไม่สามารถรับกับต้นทุนชีวิตที่แพงขึ้นไม่ว่าจะเป็นทั้งอาหาร พลังงาน และค่าครองชีพโดยรวม ความล้มเหลวในภาคธุรกิจนำไปสู่การเลิกจ้างและปิดสถานธุรกิจทุกระดับ แม้กระทั่งโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ก็ต้องลดการผลิตเพราะขาดพลังงาน

สัญญาความร่วมมือของ 3 องค์กรระบุว่าทั้งองค์กรนาโต และประชาคมยุโรปต่างมีบทบาทเสริมซึ่งกันและกันและจะรวบรวมทรัพยากรเพื่อเป็นเครื่องมือในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการทหารเพื่อให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันสำหรับประชากรรวม 1 พันล้านคน

ทั้งนาโตและประชาคมยุโรปอ้างว่าผลประโยชน์ค่านิยมและหลักการประชาธิปไตยกำลังถูกท้าทายโดยผู้ปฏิบัติซึ่งเน้นการใช้อำนาจ นั่นก็หมายถึงรัสเซียและจีนซึ่งถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อยุโรป

คำแถลงการณ์ร่วมบอกว่าวิกฤตสงครามในยูเครนได้เกิดภาวะที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของยุโรปและประชาคมโลกโดยรวม ดังนั้นมีความจำเป็นที่องค์การนาโตจะต้องมีส่วนร่วมในการจัดการเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวพันกับยุโรป

องค์การนาโตตั้งขึ้นในปี 1949 โดยสภาพเป็นพันธมิตรการทหารนำโดย สหรัฐฯ เพื่อต่อต้านสหภาพโซเวียต ส่วนประชาคมยุโรปถูกตั้งขึ้นมาเพื่อความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและได้กลายมาเป็นองค์กรความสัมพันธ์ด้านการเมือง

การขยายตัวของสมาชิกกลุ่มนาโตโดยตลอด ทำให้รัสเซียมองว่าเป็นภัยคุกคามซึ่งล่าสุดการที่จะให้ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกก็ถูกมองว่าเป็นภัยต่อความอยู่รอดของรัสเซียจึงเกิดการปฏิบัติการทหารวันที่ 24 กุมภาพันธ์ในปีที่ผ่านมา

สงครามที่เกิดขึ้นยาวนานถึง 11 เดือนยังไม่มีวี่แววว่าจะสิ้นสุดได้สร้างความหายนะต่อบ้านเมืองและโครงสร้างด้านสาธารณูปโภคของยูเครน รวมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนซึ่งได้อพยพไปนอกประเทศมากกว่า 7 ล้านคน

ฝ่ายรัสเซียมองว่าทั้งนาโตและสหรัฐฯ ได้มีส่วนร่วมในการทำสงครามโดยตรงและโดยทางอ้อมกับรัสเซีย โดยมียูเครนเป็นตัวแทนในด้านกำลังพลรบที่ได้รับการสนับสนุนด้านอาวุธจากสหรัฐฯ และยุโรป

โฆษกรัฐบาลรัสเซีย นายดมิทรี เพสคอฟ บอกว่าทั้งนาโตและพันธมิตร นำโดยสหรัฐฯ ได้ทุ่มเทการส่งอาวุธและด้านเทคโนโลยีรวมถึงข้อมูลข่าวกรองเป็นการช่วยเหลือยูเครนตลอดเวลา ซึ่งเท่ากับว่าได้เข้ามามีส่วนร่วมในสงครามโดยตรง

ที่ผ่านมายูเครนจะขอความช่วยเหลือด้านอาวุธและเงินงบประมาณอย่างต่อเนื่องเพราะรัฐบาลยูเครนไม่อยู่ในสภาพที่จะรอดได้ ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากโลกตะวันตก ยูเครนมีความต้องการเงินงบประมาณเดือนละ 5 พันล้านดอลลาร์เป็นอย่างน้อย เพื่อใช้จ่ายและเป็นเงินเดือนให้หน่วยรบ

การสู้รบล่าสุดติดพันที่เหมืองเกลือ Soledar โดยหน่วยรบทหารรับจ้าง Wagner Group อ้างว่าได้เข้ายึดเมืองไว้ทุกด้านและรอการยอมแพ้ของทหารยูเครน ประชาชนที่เคยมีอยู่ประมาณ 10,000 คนได้อพยพออกไปส่วนหนึ่งหลังจากที่เกิดการสู้รบรุนแรง

รัฐบาลยูเครนอ้างว่าหน่วยรบของยูเครนยังสามารถยันและต้านการบุกเข้ายึดของกลุ่มทหารรับจ้างรัสเซีย ซึ่งอ้างว่าเป็นกองกำลังที่ไม่ขึ้นตรงต่อกองทัพรัสเซีย โดย Wagner Group เป็นนักรบรับจ้างเอกชนซึ่งปฏิบัติการนอกประเทศด้วย

เมือง Soledar อยู่ในแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งอยู่ภายใต้การครอบครองของรัสเซียและถูกผนวกเป็นของรัสเซียพร้อมกับอีก 3 แคว้น แต่ฝ่ายยูเครนไม่ยอมรับแล้วยังจะประกาศว่าจะชิงคืนให้ได้รวมทั้งแหลมไครเมียด้วย

ดังนั้นความหวังว่าจะเกิดสันติภาพด้วยการเจรจาหรือวิธีอื่นใดยังจะไม่เกิดขึ้นเพราะเงื่อนไขของทั้งสองฝ่ายต่างกัน โดยที่ไม่มีประเทศไหนที่รับบทเป็นตัวกลางจะสามารถประสานได้ ที่สำคัญสหรัฐอเมริกาไม่ต้องการให้เกิดการเจรจาต่อรองเพราะต้องการใช้ยูเครนเป็นตัวแทนในการสร้างความเสียหายให้แก่รัสเซีย

รัสเซียเคยประกาศเตือนหลายรอบแล้วว่าตราบใดที่กลุ่มประเทศตะวันตกยังส่งอาวุธสนับสนุนยูเครน ก็จะทำให้เกิดความทุกข์ยากแก่ประชาชนยูเครน ทั้งยังเกิดความเสี่ยงที่จะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียและกลุ่มประเทศตะวันตกอีกด้วย

สงครามยูเครนกับรัสเซียใกล้จะถึงเวลาครบหนึ่งปีในเดือนกุมภาพันธ์ ดังนั้นสิ่งที่สามารถประเมินได้ก็คือความพินาศย่อยยับของเมืองต่างๆ ในยูเครนที่เป็นสมรภูมิ ระบบสาธารณูปโภคที่ถูกทำลายจะทำให้ประชาชนยูเครนลำบากอีกนาน

ยูเครนยังจะต้องการความช่วยเหลือจากโลกตะวันตกหรือแม้แต่สงครามสงบก็จะต้องใช้เงินมหาศาลและเวลาหลายปีในการบูรณะประเทศ ซึ่งยังไม่มีวี่แววว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่


กำลังโหลดความคิดเห็น