ประชาชนยูเครน 44 ล้านคน คงไม่คาดคิดว่า ชีวิตจะต้องประสบกับความยากลำบากเพราะสงครามซึ่งยังไม่รู้ว่าจบสิ้นเมื่อไหร่ และจะต้องทนทุกข์เลวร้ายอีกแค่ไหน
จากที่เคยอยู่สุขสบายตามอัตภาพแม้จะไม่มั่งคั่งเหมือนกับชาติยุโรปตะวันตก แต่อย่างน้อยความเป็นอยู่ก็ยังพอทน สงครามด้านชายแดนติดกับรัสเซียไม่มีผลกระทบมากนัก
นับตั้งแต่กองทัพรัสเซียบุกเข้ายูเครนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ชาวยูเครนเริ่มอพยพหนีภัยรวมกันทุกวันนี้กว่า 7 ล้านคน กระจายไปทั่วยุโรปและไปไกลถึงแคนาดาและสหรัฐอเมริกา
อนาคตขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและขีดความสามารถในสังคมใหม่ ซึ่งคงไม่อบอุ่นเท่ากับบ้านเกิดเมืองนอนแต่จำเป็นต้องทนเพราะตัวเองทิ้งแผ่นดินที่เคยอยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัย
ชาวยูเครนที่ต้องทนอยู่ในประเทศเพราะไม่มีทรัพยากรหรือช่องทางที่จะอพยพไปอยู่นอกประเทศก็ต้องเสี่ยงชีวิตกับสงครามและความทุกข์ยากลำบากขาดแคลน ทั้งอาหารและสิ่งของจำเป็น
มาบัดนี้แม้แต่คนในเมืองหลวงกรุงเคียฟก็ยังไม่แน่ใจว่าจะต้องอพยพไปอยู่นอกเมืองหรือไม่เพราะทั่วทั้งประเทศขาดไฟฟ้าถึง 40% เพราะการโจมตีโดยรัสเซียซึ่งมุ่งเน้นระบบสาธารณูปโภคและคมมนาคม
อยู่ไปแต่ละวันโดยไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร จะรอดได้อีกนานแค่ไหน
สังคมเมืองของชาวยูเครนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ถ้าขาดไฟฟ้าหมายถึงน้ำประปาไม่ไหลและระบบอย่างอื่นก็ล้มเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำจัดน้ำเสียและระบบท่อระบายน้ำ ทำให้สถานที่อยู่อาศัยไม่เป็นแหล่งพึ่งพาได้อีกต่อไป
ทุกวันนี้กรุงเคียฟต้องหมุนเวียนรับกระแสไฟฟ้าเป็นบางช่วงเพื่อให้ประชาชนมีชีวิตอยู่ได้ถ้าน้ำประปายังไหลแต่การเก็บอาหารในตู้เย็นจะมีปัญหาเว้นเสียแต่ว่าอากาศหนาวเย็นจัดจะช่วยถนอมอาหารได้บ้าง
มีคำเตือนจากรัฐบาลแล้วว่าอาจจะต้องอพยพประชาชน 3 ล้านคนกระจายออกไปชานเมืองให้อยู่กับญาติหรือเพื่อนฝูงที่ยังมีกระแสไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคแต่ประชาชนมากมายขนาดนั้นจะมีแหล่งพักพิงได้อย่างไร
โอกาสที่จะซ่อมแซมระบบสาธารณูปโภคในเมืองหลวงและเมืองอื่นๆ ไม่ง่ายเพราะต้องหาอุปกรณ์และอะไหล่รวมทั้งงบประมาณซึ่งขาดแคลนและยังต้องเสี่ยงกับการถูกโจมตีซ้ำซาก
รัฐบาลยูเครนต้องใช้เงินอย่างน้อย 5 ล้านยูโรเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารประเทศเงินเดือนสำหรับทหารและข้าราชการ รวมทั้งกลุ่มผู้รับเงินบำนาญแต่เงินจะมาจากนอกประเทศเช่นประชาคมยุโรปหรือสหรัฐฯ
เงินอย่างนี้ไม่ใช่ของฟรีเพราะจะต้องใช้คืนหลังจากสงครามซึ่งยังไม่รู้ว่าจะจบสิ้นเมื่อไหร่และจะหาเงินมาจากไหนเพราะโครงสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ต้องใช้งบประมาณมหาศาลในการฟื้นฟู
การขายธัญพืชหรือสินค้าอย่างอื่นคงจะช่วยได้บ้างแต่ประชาชนที่ไม่มีงานทำเพราะระบบต่างๆ ล้มเหลวนั้นคงทำให้รัฐบาลยูเครนจะต้องลำบากหนัก
ยูเครนเป็นประเทศที่มีการทุจริตคอร์รัปชันอันดับต้นๆ และยากจนในกลุ่มประเทศยุโรปซึ่งทำให้ยากต่อการฟื้นฟูประเทศ ยิ่งเศรษฐกิจอยู่ในสภาพล่มสลายอย่างนี้ก็จะทำให้ขาดเสถียรภาพทางการเมืองเศรษฐกิจและสังคม
สงครามที่ผ่านมา 9 เดือนทำให้ยูเครนต้องเสียพื้นที่ประมาณ 15% ที่ถูกผนวกโดยรัสเซียและเป็นพื้นที่สมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติและแหล่งเพาะปลูกธัญพืช
ไม่มีทางที่ยูเครนจะได้พื้นที่นี้กลับคืนมาเว้นเสียแต่ว่ารัสเซียจะยอมคืนให้แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพื้นที่เหล่านี้เป็นคนเชื้อสายรัสเซียที่อยู่อาศัย
สงครามทำให้คนยูเครนมองย้อนกลับไปว่าถ้าเลือกได้แล้วก็คงจะไม่เลือกผู้นำปัจจุบันที่เป็นอดีตดาวตลกบนจอทีวีมาเป็นประธานาธิบดีเพราะ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ เป็นคนหิวแสงและนักแสดงขาดประสบการณ์ทางการเมือง
ซ้ำร้ายเป็นต้นตอของความหายนะของยูเครนที่ยังไม่รู้จักจบสิ้นเมื่อไหร่ ทุกวันนี้ผู้นำประเทศทำตัวไม่ต่างจากขอทานต้องร้องขอความช่วยเหลือจากต่างประเทศทุกวัน
สงครามยูเครนจึงไร้ทางออกเพราะไม่มีใครต้องการเจรจาซึ่งจะนำไปสู่เงื่อนไขที่ตกลงกันไม่ได้โดยเฉพาะการคืนพื้นที่ซึ่งถูกยึดโดยรัสเซีย
ที่สำคัญสหรัฐฯ จะต้องไม่ยอมให้ยูเครนหยุดสงครามเพราะเท่ากับเป็นการเสียหน้าอย่างแรงของชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกและกลุ่มประเทศนาโต รวมถึงพันธมิตรอื่นๆ ประมาณ 50 ประเทศที่รุมกินโต๊ะรัสเซียอยู่ทุกวันนี้
สหรัฐฯ พร้อมที่จะให้ยูเครนล่มสลายและการสู้รบจนถึงคนสุดท้ายของชาวยูเครน นี่คือวิบากกรรมของประชาชนยูเครนที่ตัดสินใจผิดพลาดในการเลือกผู้นำประเทศ
สิ่งที่อาจประโลมใจชาวยูเครนก็คือ คนยุโรปทั้งทวีป เว้นแต่คนฐานะดี ก็มีชีวิตอยู่อย่างลำบากเช่นกันด้วยปัญหาพลังงานราคาแพง เงินเฟ้อสูง ค่าครองชีพที่เกินกว่ารายได้ปกติ ทำให้คนในหลายประเทศต้องชุมนุมเดินขบวนเรียกร้องให้หยุดสงคราม
นั่นคือการให้รัฐบาลหยุดส่งอาวุธและความช่วยเหลือยูเครน หันมาดูแลประชาชนในประเทศตนเองที่ลำบากอยู่ แม้แต่คนอเมริกันเองก็เริ่มเบื่อหน่าย
ถ้าพรรคเดโมแครตและโจ ไบเดน แพ้เลือกตั้ง สงครามยูเครนอาจเปลี่ยนได้