ประชาชนหลายประเทศในยุโรปได้เดินขบวนประท้วงรัฐบาลหลังจากทนต่อค่าครองชีพสูงเกิดจากราคาพลังงานเพิ่มขึ้นไม่ไหว อัตราเงินเฟ้ออยู่ตั้งแต่ 10-20 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้วแต่ว่าใครต้องซื้อพลังงานจากต่างประเทศมากหรือน้อย
ความอดทนสิ้นสุดลงหลังจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยืดเยื้อนานกว่า 8 เดือน ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ฤดูหนาวกำลังสร้างความลำบากหนัก
หลายประเทศออกมาตรการประหยัดพลังงานโดยไม่มีทางเลือกอื่น ซ้ำร้ายยังมีสัญญาณว่าความทุกข์ยากลำบากเพราะขาดแคลนพลังงานจะยื้อนาน 10 กว่าปี
ยุโรปไม่มีทางหาแหล่งก๊าซทดแทนของรัสเซียได้ถึง 40 ของความต้องการได้ ที่หามาได้ก็แพงกว่าก๊าซจากรัสเซียหลายเท่า สหรัฐฯ ซึ่งเป็นมิตรยังขายแพง 4 เท่า
คนยุโรปเรียกร้องให้ผู้นำประเทศเลิกคว่ำบาตรรัสเซีย เลิกส่งอาวุธช่วยเหลือยูเครน หรือออกจากความเป็นสมาชิกนาโต หรือออกจากประชาคมยุโรปด้วย
คนยุโรป เช่นในเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี เบลเยียม กรีซ ชาติอื่นๆ รวมทั้งอังกฤษ เห็นความลำบากโดยไม่สิ้นสุด รายได้ไม่พอกับรายจ่าย ต้องตัดรายจ่ายสารพัด
ชีวิตที่เคยสุข มาตรฐานการครองชีพสูง อยู่ดีกินดี ไม่มีอีกต่อไปแล้ว อาหารขึ้นราคา สินค้าบางอย่างขาดแคลน ยอมอดมื้อกินมื้อ เก็บเงินไว้จ่ายค่าพลังงาน
ที่ผ่านมาคนยุโรปส่วนใหญ่ไม่ปริปากบ่นถึงความยากลำบาก เพราะไปสนับสนุนรัฐบาลให้คว่ำบาตรรัสเซียซึ่งบุกยูเครน อ้าแขนต้อนรับผู้ลี้ภัยจากยูเครน ให้ที่อยู่ที่กิน หางานให้ทำ ให้เงินยังชีพ เพราะเป็นคนยุโรป ผิวสี ศาสนาเดียวกัน
ทำให้คนยูเครนทะลักออกนอกประเทศกว่า 7 ล้านคน เมื่อนานไป การคว่ำบาตรโดยไม่ยอมซื้อน้ำมันดิบและก๊าซจากรัสเซีย หวังจะให้รัสเซียเดี้ยง ยอมถอนทหารออกจากยูเครน แต่ไม่ได้ผล รัสเซียไม่ลำบาก ทั้งยังมีรายได้เยอะ
ขายน้ำมันดิบให้อินเดียและจีน ทั้งยังตั้งเงื่อนไขว่าประเทศยุโรปจะซื้อต้องใช้เงินรูเบิลหรือทองคำ ถ้าใช้เงินสกุลอื่นก็มีธนาคารรัสเซียรับแลกเปลี่ยนให้
การที่ต้องยอมตามใจสหรัฐฯ เพราะอยู่ในพันธมิตรนาโต และเชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตยเสรีนิยม มองว่ารัสเซียเป็นตัวร้าย ทั้งที่สงครามเกิดเพราะการขยายตัวของนาโตจนรุกประชิดพรมแดนรัสเซีย เป็นการคุกคามโดยตรง
ยุโรปจึงต้องลำบาก ภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม ห้างร้านต่างๆ เสี่ยงต่อการล้มละลาย โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ต่างต้องลดกำลังการผลิต หรือหยุดกิจการ ยุโรปกำลังใกล้สิ้นสภาพความเป็นชาติอุตสาหกรรม เมื่อหาพลังงานทดแทนไม่ได้
ซ้ำร้าย สหรัฐฯ ถูกกล่าวหาว่าไปทำลายท่อก๊าซใต้ทะเล นอร์ดสตรีม 1 และ 2 ซึ่งรัสเซียส่งให้เยอรมนีและประเทศยุโรป บีบให้ยุโรปต้องซื้อก๊าซจากสหรัฐฯ แพง 4 เท่า
ผลที่ตามมา มาตรการประหยัดแบบเข้มงวด ทำให้คนยุโรปไม่ทนอีกแล้ว สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ แถมยังเสี่ยงกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ถ้าเกิดขึ้นยุโรปจะเป็นสมรภูมินิวเคลียร์ถึงขั้นสิ้นชาติ เป็นสงครามล้างโลก
การเดินขบวนในยุโรปและข้อเรียกร้องทำให้ผู้นำรัฐบาลลำบากใจ แต่จะทำอะไรได้เพราะเกรงใจสหรัฐฯ ทุกวันนี้ต้องยอมส่งอาวุธ และเงินช่วยเหลือให้ยูเครนซึ่งเรียกร้องไม่สิ้นสุด ต้องการทั้งเงินและอาวุธ เป็นหนี้สินที่ยากจะใช้คืนได้
จะหวังเงินชดเชยจากรัสเซียก็เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีใครเชื่อว่ายูเครนจะชนะ สหรัฐฯ ต้องการให้ยูเครนเป็นตัวแทนเพื่อทำให้รัสเซียอ่อนแอลง ตัดกำลังทุกด้าน
ถึงขั้นมีคำพูดที่ว่าสหรัฐฯ จะหนุนยูเครนรบ จนไม่เหลือคนยูเครนแม้แต่คนเดียว
สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือความพินาศย่อยยับของเมืองต่างๆ ในยูเครน การโจมตีจากรัสเซียล่าสุดคือระบบสาธารณูปโภค โรงงานไฟฟ้า สถานีย่อย ระบบเครือข่ายส่งไฟฟ้า ความเสียหายทำให้ยูเครนไม่มีไฟฟ้าเหลือขายให้ยุโรปแทนพลังงานจากรัสเซีย
ปัจจุบันรัสเซียต้องสั่งให้ประชาชนประหยัด ลดการใช้พลังงานเพราะหลายเมืองไฟฟ้าดับ การซ่อมแซมยังไม่เสร็จสิ้น และยังเสี่ยงจากการโดนโจมตีทุกวัน
ล่าสุด ยูเครนออกปากขอกู้เงินจากธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ 55 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกเหนือจากหลายหมื่นล้านที่ได้จากสหรัฐฯ และยุโรป กลายเป็นหนี้ก้อนใหญ่ ขณะที่ผู้นำประเทศ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ หิวแสงไม่เลิก
แต่ละวันสวมเสื้อยืด อ้อนขอความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ และยุโรป ใครอิดออด ช่วยเหลือช้า ก็ด่า โดยไม่คำนึงถึงความหายนะของประเทศที่เกิดขึ้น และจะมีต่อไป
คนสหรัฐฯ และยุโรป เริ่มตั้งคำถามว่าทำไมรัฐบาลต้องช่วยยูเครนขณะที่คนในประเทศลำบากเพราะสงคราม ค่าครองชีพสูง เงินเฟ้อคุมไม่ได้ ขาดแคลนสิ่งของจำเป็น และต้องรับค่าใช้จ่ายทุกด้าน แพงทุกอย่างแม้แต่การจัดการความตาย
ในฝรั่งเศส ค่าทำศพด้วยการฌาปนกิจแพงกว่า 650 ยูโรไปเป็น 911 ยูโร ทำให้ครอบครัวรายได้น้อยเดือดร้อนหนัก ในฝรั่งเศส การฌาปนกิจเป็นทางเลือกมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์แทนการฝังที่ราคาแพงกว่า ถ้าเลือกการฝังราคาหลุมศพจะแพงกว่าเดิมอีก
การเดินขบวนในยุโรป ไม่ได้รับการเสนอให้เป็นข่าวโดยสื่อหลักตะวันตก เพราะถือว่าเป็นข่าวร้าย อาจทำให้เกิดกระแสต่อต้านสงคราม ทำให้รัฐบาลอยู่ไม่รอด แม้กระนั้น รัฐบาลก็อยู่ยากเพราะต้องกู้เงินเช่นกันทั้งเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี
รัฐบาลอังกฤษของนางลิซ ทรัสส์ ก็เสี่ยงที่จะล่มในอีกไม่ช้าด้วย
แต่ยุโรปไม่มีทางเลือก นอกจากดิ้นให้หลุดจากบ่วงของสหรัฐฯ แต่ก็ไม่กล้าเพราะว่ามีหลายปัจจัยค้ำคอและมัดมืออยู่ คนยุโรปต้องทนทุกข์อีกหลายปี