เยอรมนีซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป กำลังจะกลายเป็นยักษ์ใหญ่ที่เท้าเป็นโคลน (Giant with clay feet) ตามสำนวนฝรั่ง เมื่อเผชิญวิกฤตขาดแคลนพลังงานหลักซึ่งมีน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติที่เคยซื้อจากรัสเซีย
เมื่อประกาศเข้าร่วมมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซีย เดินตามก้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้นำนาโต พันธมิตรด้านการทหารในยุโรป แต่ไม่มีมาตรการพลังงานรองรับ ทำให้เกิดวิกฤตอย่างรุนแรง อย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
อัตราเงินเฟ้อซึ่งทะยานพร้อมราคาพลังงานได้เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ สูงที่สุดนับตั้งแต่ยุคเยอรมนีภายใต้นาซีนำโดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ช่วงสงครามโลก
การที่เคยต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และน้ำมันดิบ 20 เปอร์เซ็นต์ แต่มาขาดหายไป ทำให้หาแหล่งทดแทนไม่ได้
พลังงานสำรองเริ่มร่อยหรอ จะรอดจากฤดูหนาวหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แม้ว่านายกรัฐมนตรี โอลาฟ โชลซ์ อ้างว่ามีก๊าซสำรองจนถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า
แต่การขาดก๊าซธรรมชาติ ต้องถึงขั้นปันส่วน และราคาเพิ่มสูงกว่าเดิมหลายเท่าตัว ทำให้ธุรกิจหลายประเภทที่ต้องใช้พลังงานมากเผชิญปัญหาการเงิน ขาดสภาพคล่อง ไม่สามารถอยู่รอดได้ ต้องประกาศปิดตัว ล้มละลาย
ธุรกิจห้องเย็น อาหารแช่แข็ง ปลูกผักผลไม้ในเรือนกระจกต้องเสี่ยงกับการปิดตัวลงเช่นกันเพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนพลังงานสูงไม่ไหว
เยอรมนีซึ่งเป็นประเทศอุตสาหกรรม มีพลังงานนิวเคลียร์ ถ่านหินก็ไม่เพียงพอ การหยุดชะงักการผลิต ต้องปิดตัวลง ทำให้ประเทศเกิดวิกฤตในภาคอุตสาหกรรม
ภาวะถดถอยในภาคอุตสาหกรรม หรือ deindustrialization จะส่งผลกระทบอย่างแรงต่อเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะถดถอย อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจยังเกิดต่อเนื่อง
ภาคธุรกิจขายส่ง ขายปลีก ก็เผชิญปัญหาขาดสภาพคล่อง ห้างร้านมากกว่า 15,000 รายกำลังเผชิญภาวะล้มละลายเพราะต้นทุนพลังงานแพง
ตามรายงานของสมาคมผู้ค้าปลีกซึ่งได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โรเบิร์ต ฮาเบ็ค ราคาพลังงานซึ่งอยู่เหนือการควบคุม ทำให้ธุรกิจค้าปลีกอยู่ในสภาพชักหน้าไม่ถึงหลัง เป็นความเสี่ยงต่อการอยู่รอด สมาชิกกว่า 15,000 รายอาจต้องล้มละลาย
สมาคมฯ แจ้งว่านับตั้งแต่ต้นปี ราคาพลังงานสำหรับธุรกิจค้าปลีกได้เพิ่มขึ้น 147 เปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ย ค่าไฟฟ้าอยู่ในอัตรา 3 เปอร์เซ็นต์ของต้นทุนงานขาย และอาจสูงถึง 5 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า ธุรกิจขายเสื้อผ้า รองเท้าต่างประสบปัญหาหนัก
สมาคมฯ เรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาอุ้มเพื่อให้อยู่รอด ซึ่งต้องใช้งบประมาณมหาศาลถ้าจะต้องช่วยเหลือธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องใช้พลังงานมาก
โอกาสที่เยอรมนีจะรอดพ้นจากภาคอุตสาหกรรมหดตัวหรือล่มสลายมีความเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อหาแหล่งก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบเพียงพอ ยิ่งท่อก๊าซนอร์ดสตรีมทั้ง 1 และ 2 ถูกก่อวินาศกรรมเสียหาย ก็ยิ่งไม่มีโอกาสได้รับก๊าซโดยเร็ว
ถ้าไม่เลิกคว่ำบาตรรัสเซีย ตามคำบงการของสหรัฐฯ เยอรมนีและทั่วทั้งยุโรปจะต้องขาดแคลนพลังงาน ต้องพึ่งพาสหรัฐฯ เป็นหลัก ซึ่งจะขายก๊าซธรรมชาติเหลวให้
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นายแอนโทนี บลิงเคน แสดงความดีใจจนออกนอกหน้า ประกาศว่าการระเบิดของท่อก๊าซทั้งสองเป็นประโยชน์อย่างมากต่อสหรัฐฯ
นี่คือการแสวงหากำไรและผลประโยชน์จากวิกฤตของพันธมิตรในยุโรป
สหรัฐฯ ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการก่อวินาศกรรม องค์การซีไอเอเคยกระทำมาก่อนในการทำลายท่อน้ำมันของนิการากัวในช่วงทศวรรษ 1980 ประธานาธิบดี โจ ไบเดน เคยขู่ว่าจะจัดการท่อก๊าซให้สิ้นสภาพ แต่รัสเซียประกาศว่าจะยังซ่อมได้
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คนเยอรมันชุมนุมในกรุงเบอร์ลิน เมืองหลวงเพื่อประท้วงผลของราคาก๊าซและไฟฟ้าแพง ค่าครองชีพสูง และเงินเฟ้อ เรียกร้องให้รัฐบาลเลิกยุ่งกับสงครามยูเครน เลิกส่งอาวุธให้ยูเครน และเลิกคว่ำบาตรรัสเซีย
ก่อนหน้านี้มีการเดินขบวนในกรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก เพื่อเรียกร้องเหมือนกัน และให้รัฐบาลถอนตัวจากองค์การนาโตด้วย มีคนเข้าร่วมหลายหมื่นคน
ชาวอังกฤษก็รวมตัวชุมนุมหลายเมืองใหญ่ด้วยปัญหาค่าครองชีพ ค่าไฟฟ้า และก๊าซแพง ผู้ประท้วงได้เผาบิลค่าสาธารณูปโภค ประกาศว่าจะไม่จ่ายเงินให้
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าธุรกิจบาร์ ผับ ร้านอาหาร และพ่อค้าในอังกฤษที่ไม่มีเงินจ่ายค่าพลังงานจะต้องปิดตัวลงกว่า 1 หมื่นรายทั่วประเทศ ประชาชนเริ่มอดอยาก
คนอังกฤษต้องเลือกระหว่างจะใช้เงินซื้ออาหารหรือประหยัด กินน้อยลงเพื่อสงวนรายได้ไว้จ่ายค่าพลังงานที่แพงขึ้นไม่หยุด ทั้งขาดแคลนสินค้าที่จำเป็น
วิกฤตเศรษฐกิจลามไปทั่วยุโรป โอกาสฟื้นตัวยากเมื่อไม่ได้พลังงานจากรัสเซีย ทำให้ต้องเป็นลูกไล่ของสหรัฐฯ ที่โกยกำไรจากการขายก๊าซธรรมชาติเหลวหรือ LNG
ยุโรปไม่มีทางเลือก การจะสร้างสถานที่รับและเก็บ LNG ต้องลงทุนมาก และใช้เวลานานหลายปี เมื่อเศรษฐกิจถดถอย โอกาสจะฟื้นตัวก็ยาก
ที่สำคัญ ประชาชนจะทนไม่ได้ เกิดการต่อต้านทั่วทั้งยุโรป เป็นเพราะความหวังที่ว่าการคว่ำบาตรจะทำให้รัสเซียพ่ายแพ้ ยอมเลิกราจากสงครามกับยูเครน
มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียคือการทำร้ายตัวเอง สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหัวโจกจ่ายหนักในการช่วยเหลือยูเครนเป็นผู้รับประโยชน์สูงสุด ยุโรปสิ้นสภาพที่จะเป็นคู่แข่งอีกด้วย
เฮนรี่ คิสซินเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พูดไว้ไม่ผิด “การเป็นศัตรูกับสหรัฐฯ เป็นอันตราย แต่การเป็นมิตรกับสหรัฐฯ นั้นถึงตาย”