xs
xsm
sm
md
lg

ปลัดธวัชชัยแนะ 5 ข้อเปลี่ยนวิกฤตพลังงานหน้าหนาวยุโรป ดันท่องเที่ยวไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคสร้างอนาคตไทยโพสต์เฟซบุ๊ก แนะ 5 แนวทางสำหรับประเทศไทยฉวยโอกาสวิกฤตพลังงานหน้าหนาวยุโรปให้เป็นโอกาสของประเทศไทยเกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยว วอนคนไทยเป็นเจ้าภาพที่ดี

เมื่อวันที่ 1 ต.ค. นายธวัชชัย แก้วคงคา อดีตผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการข่าว กระทรวงมหาดไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคสร้างอนาคตไทย ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก "ปลัดธวัชชัย แก้วคงคา" ในประเด็นเรื่อง "หนาวนี้ที่เมืองไทย ยุโรปพ้นภัย นักท่องเที่ยวปลอดภัย" แนะแปรวิกฤตหน้าหนาวยุโรปเป็นโอกาสท่องเที่ยวไทย โดยได้ระบุข้อความว่า

"ข้อมูล โอกาส และรายได้ภาคการท่องเที่ยวของไทย “ทำวิกฤต ให้เป็นโอกาสของไทย”

สงครามรัสเซีย-ยูเครน เป็นผลให้มีการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการเงินกับรัสเซีย รวมถึงรัฐบาลเยอรมนีไม่อนุมัติให้มีการเปิดท่อก๊าซนอร์ดสตรีม 2 (Nord Stream 2) และนอร์ดสตรีม 1 ก็ปิดปรับปรุงแบบไม่มีกำหนด ทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนพลังงานเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าทั่วทั้งยุโรป (ยุโรปพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย 40%) เป็นต้นเหตุให้ราคาไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น 7-12 เท่า เช่น อิตาลี เพิ่มจาก 38 เป็น 442 ยูโรต่อเมกะวัตต์-ชั่วโมง เยอรมนี 30 เป็น 315 ฝรั่งเศส 33 เป็น 400 สวิตเซอร์แลนด์ 33 เป็น 383 (ข้อมูลช่วง ก.ค. 2565) เชื่อว่าจะเลวร้ายไปอีก เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-เมษายน

มีข้อมูลว่าประเทศไทยเป็นจุดหมายของชาวยุโรปอยู่แล้ว และเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยยาวนานที่สุด โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 16 วันต่อครั้ง ข้อมูลปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 มีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยเกือบ 40 ล้านคน มีรายได้เข้าประเทศกว่า 1.9 ล้านล้านบาท หรือ 12.6% ของ GDP เฉพาะชาวยุโรปมีกว่า 6.5 ล้านคน ทำรายได้เข้าประเทศกว่า 4.49 แสนล้านบาท 5 อันดับแรกที่เดินทางเข้าประเทศไทย คือ 1. ชาวรัสเซีย 1.48 ล้านคน (4,099 บาท/วัน/คน) 2. ชาวอังกฤษ 9.47 แสนคน (4,284 บาท/วัน/คน) 3. ชาวเยอรมัน 8.37 แสนคน (3,588 บาท/วัน/คน) 4. ชาวฝรั่งเศส 7.13 แสนบาท (3,478 บาท/วัน/คน) 5. ชาวยุโรปตะวันออก 5.33 แสนบาท (4,262 บาท/วัน/คน) ข้อมูล ระบุว่าเฉพาะชาวนอร์เวย์ และเดนมาร์ก ใช้จ่ายเกิน 5,000 บาท/วัน/คน

ปี 2562 มีการจ้างงานในภาคการท่องเที่ยว 4.4 ล้านคน หรือ 11.61% ของการจ้างงานทั้งหมด (37.6 ล้านคน) มีจำนวนห้องพักทั่วประเทศ 7.84 แสนห้อง ภาคใต้สูงสุด 2.26 แสนห้อง (ข้อมูลปี 2560 มีจำนวนโรงแรม เกสต์เฮาส์ 24,391 แห่ง) เฉพาะกรุงเทพฯ ชลบุรี และภูเก็ต สร้างรายได้รวม 1.6 แสนล้านบาท หรือ 38% ของรายได้รวมจากนักท่องเที่ยว

ผมมีข้อเสนอว่าประเทศไทยควรทำ ดังนี้

1. เร่งให้มีการพูดคุยระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลหรือมอบหมายทูตไปพูดคุยกับแต่ละประเทศ หรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หารือในระดับสูงกับสหภาพยุโรปว่าประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเป็น Travel Destination ให้กับชาวยุโรปในช่วงฤดูหนาวเพื่อมาพักผ่อนในระยะยาว พร้อมเน้นย้ำถึงความปลอดภัยในชีวิตสำหรับนักท่องเที่ยว เร่งประชาสัมพันธ์โปรโมชันตั๋วเครื่องบินและที่พักในระยะยาว (long stay) เช่น Home stay หรือ service apartment และพร้อมรับข้อเสนอในสิ่งที่ประเทศนั้นๆ ต้องการ (ยิ่งคนออกมามาก ประเทศก็ไม่ต้องใช้ไฟฟ้ามาก ลดต้นทุนการใช้ก๊าซมหาศาล)

2. มาตรการจูงใจด้านการท่องเที่ยวและการพักระยะยาว เช่น การลดหย่อนภาษี การยกเว้นภาษี การได้คืนภาษี

3. ขั้นตอนและกระบวนการอำนวยความสะดวกเข้าประเทศไทย เช่น การออกวีซ่าฟรี มีช่องทางพิเศษผ่านเข้าเมือง

4. ระบบการเดินทางที่เชื่อมต่อกัน รถ เรือ อากาศ และโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี เช่น อินเทอร์เน็ต ระบบการชำระเงิน

5. มาตรการด้านความปลอดภัยในพื้นที่ท่องเที่ยวทั้งทางบก ทางน้ำ ป้องกันการหลอกลวงเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว ให้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการดูแลให้ความช่วยเหลือแก่นักท่องเที่ยวทุกคนอย่างเท่าเทียม ทั่วถึง

ที่สำคัญ ชาวไทยทุกคนพร้อมเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับแขกที่มาเยือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการ และภาคที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มรายได้ เพิ่มเงินในกระเป๋าประชาชน และเพิ่ม GDP และความแข็งแกร่งภาคเศรษฐกิจของประเทศต่อไป"
กำลังโหลดความคิดเห็น