ท่ามกลางเสียงตะโกนขู่กันไปกันมากึกก้องเตรียมพร้อมใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่จะทำลายล้างโลกให้สิ้นซากกันไปเป็นแถบๆ
เริ่มจากปูติน ที่ขู่จะต้องใช้นิวเคลียร์แบบจำกัดวงทำลาย (tactical nuclear weapons) ถ้าจำเป็น เพื่อพิทักษ์ความคงอยู่ (อย่างสงบ) ของรัสเซีย ไม่ให้ถูกรุกรานหรือคุกคามจากนาโต
ก็มีการเตรียมพร้อมจากฝ่ายนาโตถึงกับมีการแจกไอโอดีน ถ้าประชาชนจะต้องเผชิญกับนิวเคลียร์ รวมทั้งการรุกด้วยการก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซ LNG ถึง 4 จุดของท่อยักษ์นอร์ดสตรีม 1 และ 2
ตามมาด้วยการก่อวินาศกรรมทำลายกล่องดวงใจของปูติน คือ สะพาน Kerch ที่สร้างเชื่อมตอนใต้ของรัสเซียกับไครเมีย และเป็นสะพานส่งข้าวส่งน้ำ, ส่งน้ำมัน, ส่งอาวุธของรัสเซียเข้าสู่กองกำลังของรัสเซียใน 4 แคว้นที่รัสเซียเพิ่งผนวกเข้ามาเป็นดินแดนของรัสเซีย
การระเบิดบางส่วนของสะพานนี้ แทบจะเป็นของขวัญวันเกิดปีที่ 70 ของปูติน เพราะเกิดการระเบิดสะพานเพียงไม่ถึง 24 ชม.หลังจากฉลองวันเกิดของเขา
ทำให้ปูตินออกมาประกาศว่า นี่เป็นการก่อการร้ายที่เขายอมไม่ได้ และเขาได้สั่งโจมตีด้วยขีปนาวุธใน 10 เมืองสำคัญของยูเครน รวมทั้งที่เมืองหลวงเคียฟด้วยในเช้าตรู่วันจันทร์ที่ผ่านมานี้เอง เพื่อแก้แค้นที่สะพานคู่ใจถูกทำลาย แต่เขาก็สามารถซ่อมแซมอย่างด่วนจี๋ใน 10 ชม.ให้กลับมาใช้การได้อย่างน้อยก็ให้รถเดินได้...แต่ทางรถไฟคงต้องใช้เวลานานกว่าหน่อย
ด้านปัญญาชนคนสำคัญของสหรัฐฯ คือ ศาสตราจารย์เจฟฟรีย์ แซคส์ (Jeffrey Sachs) ซึ่งเป็นนักวิจารณ์ด้านนโยบายสาธารณะ (Public Policy) ซึ่งเป็นผอ.สถาบัน Center for Sustainable Development ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียที่นิวยอร์กได้ออกมาวิเคราะห์ที่นับว่าตรงข้ามกับท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อการกล่าวหาว่า รัสเซียเป็นผู้ปฏิบัติการระเบิดเจาะท่อแก๊สทั้ง 4 แห่ง โดยเขาได้พูดใน podcast ว่า ด้วยเหตุจูงใจแล้ว ไม่น่าที่รัสเซียจะลงทุนระเบิดท่อแก๊สที่รัสเซียลงทุนสร้าง (ลงทุนร่วมกับเยอรมนีและประเทศอื่นๆ ในยุโรป-โดยรัสเซียลงทุนด้วยสัดส่วนมากที่สุด) เพราะแค่เพียงปิดวาล์วที่ต้นทาง แก๊สก็จะไม่ไหลออกมา ซึ่งรัสเซียก็ได้เริ่มทำแล้ว, ไม่จำเป็นต้องทำลายท่อนี้ทิ้ง เพราะในอนาคตรัสเซียก็ยังสามารถขายแก๊สให้ยุโรปต่อไปได้ ทำไมต้องไปทำลายท่อให้เสียหาย
เขาไปออกรายการทางทีวีบลูมเบิร์ก และขณะที่เขากำลังอธิบายถึงเหตุผลว่า เหตุจูงใจน่าจะมาจากกลุ่มนาโต นำโดยสหรัฐฯ เป็นผู้ระเบิดทำลายท่อแก๊สนี้ เพราะสหรัฐฯ สามารถจะขายแก๊สให้กับเยอรมนีและประเทศในอียูได้ทั้งปัจจุบันและในอนาคต ถ้าท่อนี้ถูกทำลายใช้การไม่ได้อีกต่อไป
รวมทั้งมีหลักฐานว่า ไบเดนเคยพูดก่อนหน้านี้ว่า อเมริกาหวังว่าท่อแก๊สของรัสเซียนี้จะใช้การไม่ได้...ซึ่งอเมริกาตั้งใจมานานแล้วว่า ยุโรปจะไม่พึ่งพาแก๊สของรัสเซียผ่านท่อนี้เหมือนไปใช้จมูกรัสเซียหายใจ
ขณะที่ศ.แซคส์ กำลังอธิบายเหตุผลนี้บนหน้าจอของบลูมเบิร์ก ก็ถูกผู้สัมภาษณ์ขอโทษและพูดว่า เป็นเรื่องที่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ และถือโอกาสตัดเขาออกจากรายการทันที โดยบอกว่าหมดเวลา! ทั้งๆ ที่เขาพยายามหาเหตุผลมาอธิบายถึงแรงจูงใจที่อเมริกาจะมีส่วนได้มากกว่าที่รัสเซียจะก่อวินาศกรรมเอง!
และเมื่อปูตินสั่งถล่มเมืองใหญ่ 10 เมืองเมื่อวันจันทร์นี้แก้แค้นที่สะพานถูกทำลาย โดยโรงงานไฟฟ้าปรมาณูยักษ์ (ที่ส่งไฟฟ้าไปใช้ทั่วยุโรป) ที่เมืองซับโปรีเซียก็ถูกถล่มด้วยขีปนาวุธในระยะอันตรายมาก ซึ่งรัสเซียออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นฝ่ายโจมตีโรงงานไฟฟ้าปรมาณูนี้ และศ.แซคส์ ก็ได้พูดใน Gray Zone Podcast ว่า ไม่มีเหตุจูงใจให้รัสเซียถล่มขีปนาวุธกับโรงงานไฟฟ้าแห่งนี้ เพราะกองทัพของรัสเซียได้เข้าควบคุมโรงไฟฟ้าแห่งนี้มาตั้งแต่เดือนมีนาคม ทันทีที่รัสเซียเข้าบุกยูเครน ก็เป็นเวลานานถึง 8 เดือนเต็ม ไม่เคยมีการยิงขีปนาวุธเข้าใส่ โดยเฉพาะกองกำลังของรัสเซียกลับเป็นฝ่ายปกป้องโรงไฟฟ้าไม่ให้ฝ่ายยูเครนบุกโจมตีด้วยซ้ำ
ขณะที่ปธน.เซเลนสกี้ของยูเครนเป็นฝ่ายประกาศหยุดส่งไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้านี้ไปให้ประเทศต่างๆ ในอียู เพื่อเก็บไฟฟ้าไว้ใช้ให้พอเพียงในยูเครน และนำเรื่องด่วนเข้าปรึกษากดดัน G7 เพื่อขอให้พันธมิตร G7 ส่งเครื่องมือปกป้องจากการโจมตีของขีปนาวุธมาเพิ่ม พร้อมขอให้ G7 คว่ำบาตรรัสเซียมากขึ้น โดยให้ขยายการคว่ำบาตรไปยังพันธมิตรของรัสเซีย เช่น เบลารุส ด้วย
ศ.แซคส์ อธิบายด้วยว่า มีหลักฐานชัดจาก Radar Imagery เห็นมีเครื่องบินฝ่ายนาโต บินออกมาจากเมืองกดังสก์ (Gdansk) ของโปแลนด์ บินอยู่เหนือบริเวณที่ท่อแก๊สถูกเจาะ 4 จุดเพียงไม่กี่นาทีก่อนท่อแก๊สถูกเจาะ ซึ่งเป็นบริเวณภายใต้การดูแลของฝ่ายนาโตซึ่งมีสหรัฐฯ เป็นกองกำลังสำคัญ
และสำหรับการระเบิดสะพานก็ปรากฏหลักฐานชัดว่า มีการใช้โดรนเป็นเรือลำเล็กมาอยู่ที่ใต้สะพานบริเวณที่ถูกระเบิด เพียงไม่กี่วินาทีก่อนระเบิด (จาก CCTV) และชิ้นส่วนตัวโดรนนี้ไปขึ้นฝั่งอยู่ที่ชายหาดของฐานทัพเรือรัสเซียที่ Sevastopol โดยมีอุปกรณ์บางส่วนที่รับส่งสัญญาณการก่อวินาศกรรมยังปรากฏร่องรอยอยู่ นับเป็น boat bomb ฝีมือของหน่วยงานของนาโต มากกว่าที่รัสเซียจะทำลายเส้นทางลำเลียงอาวุธสำคัญของตนเอง!
การออกมาแสดงความคิดเห็นเชิงวิเคราะห์ของศ.แซคส์ นับเป็นจิ้งจกตัวโตของสหรัฐฯ ที่มองว่า สหรัฐฯ เป็นพ่อค้าสงครามที่ต้องการจุดชนวนสงครามตัวแทนที่ยูเครนและยุโรปเป็นคู่สงครามกับรัสเซีย เพื่อประโยชน์ของตนเอง ในการขายอาวุธ และขายพลังงานราคาแพงให้ยุโรปด้วย รวมทั้งทำให้ยุโรปอ่อนแอต้องพึ่งพาสหรัฐฯ อย่างมาก