xs
xsm
sm
md
lg

ชัยชนะของ“ขุนพลฤดูหนาว”กับความพังพินาศของชาวยุโรป???

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Robert Habeck รองนายกรัฐมนตรีเยอรมนี
พล็อบๆ แพล็บๆ...ก็ใกล้หมดเดือนกันยาฯ เหลืออีกแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้นเอง ช่วงจังหวะระหว่างนี้ หรือระหว่างบ้านเรายังต้องผจญเวร-ผจญกรรมกับฝนฟ้าที่หนักหนา-สาหัสยิ่งเข้าไปทุกที ชนิดบุรุษกล้ามใหญ่ที่สุดปฐพีอย่างท่าน “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” แทบ “ไลฟ์ไม่ออก” เอาดื้อๆ!!! แต่สำหรับบรรดาฝรั่งมังค่า หรือบรรดาชาวยุโรป ชาวอียู-อีย้วยทั้งหลาย ก็น่าจะได้เวลาที่ความหนาวว์ว์ว์ ความยะเยือกก์ก์ก์ เริ่มจะเข้ามาเยือน เริ่มสร้างความอกสั่น ขวัญแขวน ขนหัวลุก ขนคอตั้ง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ...

คือตั้งแต่ระหว่างกันยาฯ ไปจนถึงพฤศจิกาฯ ถือว่าเป็นช่วงฤดู “Autumn” หรือฤดูใบไม้ร่วงของพวกฝรั่งเขา เป็นช่วงเริ่มๆ ของความหนาว ความยะเยือก ชนิดใบไม้ร่วงกราว เกรียนๆ โกร๋นๆ กันไปเป็นต้นๆ ด้วยอุณหภูมิ-อากาศเฉลี่ยประมาณ 10-18 องศาเซลเซียสอะไรประมาณนั้น เรียกว่า...ถ้าหากเป็นบ้านเราคงต้องรีบงัดเสื้อหนาว งัดผ้าขาวม้า มาสวม มาห่มคลุม เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ หรือเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งสัญญาณเตือนถึงความขนหัวลุก ขนคอตั้ง ที่กำลังคืบคลานเข้ามาในช่วงระหว่างเดือนธันวาฯ ถึงเดือนกุมภาฯ หรือในช่วงฤดูหนาว ฤดู “Winter” อันสุดแสนจะทรมานด้วยอุณหภูมิอากาศระดับ 1-ติดลบ 10 องศา หรือเกินกว่านั้นไปอีกเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ก็ยังมิอาจสรุปได้...

ดังนั้น...ถ้าหากฝรั่งรายใดดันตั้งมั่นอยู่ใน “ความประมาท” อย่างเช่นจอมจักรพรรดิ “นโปเลียน โบนาปาร์ต” แห่งประเทศฝรั่งเศส ที่ออกอาการกระเหี้ยนกระหือรือ ตัดสินใจยกพหลพลโยธานับแสนๆ ล้านๆ บุกเข้าไปบดขยี้หมีขาวรัสเซียเมื่อช่วงตั้งแต่เริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง หรือตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1812 หรือเมื่อ 210 ปีที่แล้ว สุดท้าย...ก็ด้วยเหตุเพราะความหนาว ความยะเยือก ระดับขนหัวหลุด ขนคอร่วงกันเป็นกระจุกๆ แทบไม่เหลือหะมอยรอมแรมติดตัวเอาไว้เลย ผู้คนในกองทัพที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่และเกรียงไกรที่สุดในยุโรปยุคนั้น เลยต่างต้องล้มตาย ไม่ก็ถูกพวกรัสเซียจับไปเป็นเชลย จำนวนไม่น้อยไปกว่า 400,000-500,000 ราย จนกลายเป็นเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ หรือ “บทเรียนทางประวัติศาสตร์” ที่ถูกหยิบยกมาพูดถึง รำลึกถึงอยู่จนตราบเท่าทุกวันนี้ ถึงอิทธิ์ฤทธิ์ อิทธิเดช ของ “ขุนพลฤดูหนาว” (General Winter) แห่งรัสเซีย ที่น่าเกลียด น่ากลัว เอามากๆ...

สำหรับหน้าหนาวคราวนี้...ก็อย่างที่พอทราบๆ มาโดยตลอดนั่นแหละ ว่าปฏิบัติการรุมเหยียบ รุมกระทืบ หมีขาวรัสเซียโดยบรรดาฝรั่งยุโรปภายใต้การนำของคุณพ่ออเมริกา นับวันยิ่งเข้าด้าย-เข้าไคลยิ่งเข้าไปทุกที เรียกว่า...มันส์ส์ส์มือ-มันส์ส์ส์ตีน เพลินมือ-เพลินตีน อย่างเป็นพิเศษ แต่ครั้นเมื่อต้องเจอกับความหนาว ความยะเยือกได้จังหวะเข้ามาเยือน ขณะที่บรรดา “พลังงาน” ซึ่งเคยพึ่งพารัสเซียมาโดยตลอด อาจต้องถูกตัดขาด หรือเพราะตัวเองตั้งใจจะเลิกซื้อ เลิกพึ่งพารัสเซียอีกต่อไปจากที่เคยสั่งเข้าแก๊สธรรมชาติรัสเซียถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณความต้องการ เห็นว่า...เหลือแค่ประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นในทุกวันนี้ อันนี้นี่แหละ...ที่เลยต้องถือเป็น “คำถาม” ตัวโตๆ ว่าจะถือเป็นการตั้งมั่นอยู่ใน “ความประมาท” แบบเดียวกับจอมจักรพรรดิ “นโปเลียน” เมื่อครั้งอดีต หรือจะเป็นการตั้งมั่นอยู่ใน “ความปัญญาอ่อน” (Idiot) อย่างที่หัวหน้ากลุ่มการเมืองฝ่ายขวาของฝรั่งเศส (National Rally parliament group) อย่าง “นางมารีน เลอ แปง” (Marine Le Pen) สรุปเอาไว้เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (19 ก.ย.) หรือไม่? อย่างไร?...

เพราะการคิดเลิกพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียในทุกวันนี้...ดูจะก่อให้เกิดความน่าเกลียด น่ากลัว ต่อบรรดาชาวยุโรปทั้งหลายชนิดแทบไม่น้อยไปกว่าผู้คนในกองทัพฝรั่งเศสเมื่อช่วง 210 ปีที่แล้วเอาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้คนในประเทศอังกฤษที่ต้องเจอกับราคาค่าแก๊ส-ค่าไฟฟ้า เพิ่มขึ้นไปกว่าปีที่แล้วถึง 215 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น!!! ส่งผลให้พวกผู้ดีอังกฤษจำนวนไม่น้อยกว่า 1.7 ล้านครัวเรือน หรือ 6 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด มีสิทธิ์หนาวตาย แข็งตายเอาง่ายๆ ถ้าว่ากันตามผลสำรวจของหน่วยงานอย่าง “Opinium Research Survey” ช่วงล่าสุด ด้วยเหตุนี้...จึงไม่น่าแปลกใจอะไรมากมายที่บรรดาพวกผู้ดีจำนวนไม่น้อย เลยต้องหันรับบทเป็น “ผู้ร้าย” ด้วยการรวมหัว รวมตัว ก่อตั้ง “ขบวนการไม่มี-ไม่หนี-ไม่จ่าย” หรือ “Don’t Pay Movement” จำนวนถึง 188,400 ราย ยืนหยัด ยืนกราน ที่จะไม่ชำระบิลค่าไฟฟ้า นับแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป เพราะด้วยภาวะที่ “จ่ายก็ตาย-ไม่จ่ายก็ตาย” นั่นแหละ มันเลยถึงทำให้ชาวอังกฤษจำนวนไม่น้อยต้องตัดสินใจกันในรูปนี้ เนื่องมาจากราคาค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่พุ่งทะลุเมฆ ทะลุฟ้า ไปไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ส่งผลให้บรรดาธุรกิจขนาดเล็กขนาดย่อม หรือบรรดาบริษัทที่มีพนักงานน้อยกว่า 50 คน จำต้อง “ปิดกิจการ” ไปแล้วถึง 99 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากทนค่าใช้จ่ายด้ายพลังงานไม่ไหว...

ไม่ต่างไปจากผู้คนในเยอรมนี...ถึงแม้จะพยายามสำรองแก๊ส ยึดบริษัทแก๊สรัสเซีย เก็บกักปริมาณแก๊สเอาไว้ใช้สำรองได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ตามข้อมูลตัวเลขของ “AGIS” (Aggregate Gas Storage Inventory) แต่จากปากคำของรองนายกรัฐมนตรีเยอรมนีเอง “นายRobert Habeck” ปริมาณแก๊สเหล่านี้อาจต้องหมดสิ้นลงไปภายในสิ้นหน้าหนาวคราวนี้แต่เพียงเท่านั้นส่วนจะหาแก๊ส หาฟืน-หาไฟจากที่ไหนกันต่อไป ก็ยังคงต้อง “แบะๆๆ” อีกเช่นเดิม เพราะอย่างที่ใครต่อใครไม่ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานระดับโลก หรือระดับโอเปคก็ตาม เคยสรุปไว้ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ว่าการหาแก๊ส หาพลังงานมา “แทนที่” พลังงานรัสเซียนั้น เป็นสิ่งที่ “เป็นไปไม่ได้” หรือเป็นสิ่งที่ฝืนความจริง ฝืนข้อเท็จจริง อย่างมิอาจปฏิเสธ โดยเฉพาะถ้าไม่สามารถลด “ปริมาณความต้องการพลังงาน” ในหมู่ชาวยุโรปเอง ลงไปไม่น้อยกว่า 7-12 พันล้านคิวบิกเมตร ไม่ก็ 20-30 พันล้านคิวบิกเมตร อันหมายถึงอาจต้อง “ปิดกิจการ” อุตสาหกรรมแทบทั้งระบบเอาเลยก็ว่าได้...

แม้แต่ประเทศฝรั่งเศสที่พึ่งพลังงานจากรัสเซียค่อนข้างน้อย หรือประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง แต่การประคับประคองความมั่นคงทางพลังงานภายในประเทศก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่ายๆ เพราะอย่างที่หัวหน้าหน่วยกำกับกิจการพลังงานฝรั่งเศส “นายEmmanuel Wargon” เพิ่งออกมาให้ข่าวกับ “France Info” ไปเมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมานั่นแหละว่า โอกาสที่ฝรั่งเศสจะต้องเจอกับ “ไฟฟ้าดับ” กันไปเป็นแถบๆ ในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ เพราะโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เคยแจกจ่ายกระแสไฟถึง 70 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ มาบัดนี้...ต้องหันไปซ่อมแซมเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ถึง 56 ตัว โดยปราศจากพลังงานสำรอง เนื่องจากความพยายามตัดขาด เลิกซื้อแก๊ส ซื้อพลังงานรัสเซียนั่นเอง...

ความพยายามรุมเหยียบ รุมกระทืบหมีขาวรัสเซีย โดยปราศจากการเตรียมการรับมือกับ “วิกฤตพลังงาน” ให้ประณีต ถ้วนถี่ให้ครบถ้วน สมบูรณ์ ของบรรดาชาวยุโรปทั้งหลาย จึงไม่ต่างอะไรไปจากการตั้งอยู่ใน “ความประมาท” ไม่ผิดไปจากกองทัพอันยิ่งใหญ่ เกรียงไกรของจอมจักรพรรดิ “นโปเลียน” นั่นเอง เพราะจากวิกฤตพลังงานเหล่านี้มันยังส่งผลลุกลามไปถึงภาวะ “เศรษฐกิจถดถอย” ที่สำนักข่าว “Bloomberg” ออกมา “ฟันธง” เอาไว้เมื่อช่วงวันจันทร์ (19 ก.ย.) ที่ผ่านมาว่ามีแนวโน้มไม่น้อยไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ขณะที่ “ภาวะเงินเฟ้อ” ทั่วทั้งยุโรปใกล้ถึงตัวเลขสองหลักยิ่งเข้าไปทุกที ราคา “ขนมปัง” ทั่วทั้งยุโรปในทุกวันนี้แพงขึ้นกว่า 18 เปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ย ถ้าว่ากันตามข้อมูลของ “Eurostat” (European Statistic Office) เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา ขณะที่ตัวเลขการจ้างงาน การปิดกิจการการล้มละลายของบริษัทธุรกิจต่างๆ นับวันยิ่งกลายเป็นตัวตอกย้ำให้เห็นถึงภาวะดังกล่าวชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...

แต่ก็นั่นแหละ...โอกาสที่ “ขุนพลฤดูหนาว” ของรัสเซีย จะสามารถเล่นงานชาวยุโรปให้ย่อยยับพังพินาศเหมือนอย่างครั้งการพิชิตกองทัพของจอมจักรพรรดินโปเลียน ก็คงมิใช่แค่การรอคอยให้ความหนาว ความยะเยือกของฤดูหนาวมาเยือนแต่โดยลำพังเท่านั้น เพราะอย่างที่นักประวัติศาสตร์รัสเซีย “นายEvgeny Norin” ได้หยิบเอาฉากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ช่วงนี้มารื้อฟื้นความทรงจำกันใหม่อีกครั้ง ในข้อเขียน บทความเมื่อเร็วๆ นี้ ว่าองค์ประกอบสำคัญที่สุดในการเอาชนะกองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุโรปเมื่อ 200 กว่าปีที่แล้ว ยังต้องประกอบไปด้วยความประณีต ละเอียดอ่อน ของแผนการทางยุทธศาสตร์ ความแม่นยำของงานข่าวกรอง ไปจนความเหนียวแน่นของบรรดาชาวรัสเซียและกองทัพรัสเซีย ฯลฯ โดยมีความหนาวเย็นเป็นเพียงแค่ “ตะปูตัวสุดท้าย” ที่จะตอกฝาโลงให้กับกองทัพฝรั่งเศส ชนิดไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี หรือทำให้ “โลกหลายขั้วอำนาจ” สามารถเอาชนะ “โลกขั้วอำนาจเดียว” ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกันอีกครั้ง อีกครา นั่นเอง!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น