xs
xsm
sm
md
lg

ประชาธิปัตย์ในวงล้อมของมิตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



เทศกาลเลือกตั้งกำลังมาถึง กกต.เริ่มประกาศแล้วว่าภายใน 180 วันนับจากนี้ นักการเมืองจะต้องใช้ความระมัดระวังในการหาเสียง ดูเหมือนว่าแต่ละพรรคต่างหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้น แต่มีพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่เลขาธิการพรรคประกาศว่าจะได้ ส.ส.ไม่น้อยกว่าเดิม ไม่กล้าที่จะประกาศว่าจะได้ ส.ส.เพิ่มขึ้น

ฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์นั้นเป็นที่รู้กันว่าอยู่ใน กทม.และภาคใต้ สมัยที่แล้วภาคใต้แม้จะยังได้มากที่สุด แต่ก็น้อยกว่าที่เคยได้มาก แต่ใน กทม.กลับไม่เหลือแม้แต่ที่นั่งเดียว

ถ้ามองดูสถานการณ์ใน กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์จากครั้งที่แล้วนั้น ความพ่ายแพ้เกิดขึ้นเพราะคนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์กลับไปเทคะแนนให้พรรคพลังประชารัฐเพราะอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากพล.อ.ประยุทธ์ถูกน็อกด้วยเงื่อนไข 8 ปี และพรรคพลังประชารัฐก็อยู่ในสภาพของขาลง ก็ต้องวัดใจว่าคนที่เคยเลือกพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาเลือกเหมือนเดิมไหม

คู่แข่งของพรรคประชาธิปัตย์ใน กทม.ก็คือพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐนี่แหละ หรือสุดท้ายอาจจะเปลี่ยนไปเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อแล้วพรรคนี้เป็นพรรคที่เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี แต่อย่างไรเสียกระแสของพล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว และถึงตอนนี้เชื่อว่าถึงจะหลุดบ่วงศาลรัฐธรรมนูญไปได้ พล.อ.ประยุทธ์ก็คงไม่ไปต่อถ้ารู้จักประมาณตน

แต่เมื่อพิจารณาจากการเลือกตั้ง ส.ก.ต้องยอมรับว่า พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลกำลังจะมาแรง และสะท้อนว่าคนกรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งต้องการเปลี่ยนขั้วการเมือง หลังจากที่ปล่อยให้รัฐบาลฝ่ายอนุรักษนิยมบริหารประเทศมายาวนานถึง 8 ปี

ส่วนในภาคใต้ตอนนี้หลายพรรคการเมืองมุ่งที่จะลงไปแย่งชิง ส.ส.ภาคใต้กับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์กำลังอ่อนแอเหลือเกิน พรรคที่ลงไปแย่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นมิตรร่วมรัฐบาลทั้งนั้น ยังโชคดีอยู่บ้างพรรคที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไม่เป็นที่นิยมของคนใต้ไม่เช่นนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะเจอศึกหนักยิ่งกว่านี้

ดูเหมือนคำกล่าวที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคของคนใต้ที่ส่งเสาไฟฟ้าลงคนใต้ก็ยังเลือกจะใช้ไม่ได้เสียแล้วในพ.ศ.นี้ พรรคประชาธิปัตย์เคยได้รับคะแนนในภาคใต้สูงถึง 80% ของคนที่มาใช้สิทธิ์พ.ศ.นี้ก็ไม่เหมือนเดิมเพราะเขตที่ยังชนะก็หืดขึ้นคอ

ในอดีตมีพรรคที่เคยเจาะที่นั่ง ส.ส.ภาคใต้ได้จากพรรคประชาธิปัตย์ก็เช่นพรรคกิจสังคมในยุคเงินผันของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช แต่พรรคกิจสังคมซบไปพรรคประชาธิปัตย์ก็กลับมาครองใจคนใต้ได้อีก เช่นเดียวกับยุคหนึ่งที่เคยถูกพรรคความหวังใหม่เจาะได้หลายที่นั่ง แต่ต่อมาพรรคประชาธิปัตย์ก็กลับมาฟื้นได้อีก

แต่การสูญเสียพื้นที่ให้พรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาฟื้นได้อีกไหม บอกตรงๆ ว่ายังไม่เห็นหนทาง

เพราะทุกวันนี้ความรู้สึกผูกพันระหว่างคนใต้กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีอีกแล้ว นักการเมืองภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความโดดเด่นเหมือนกับในอดีต และคนใต้วันนี้ดูกันที่ผลงานมากกว่าจะยึดกับฝีปากและคารมของนักการเมืองแบบเก่า

ที่สำคัญหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบันอย่างนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แม้จะเป็นคนใต้ก็ไม่ได้มีคุณสมบัติที่โดดเด่น เป็นคนที่เรียกว่าไม่มีคาริสม่า (Charima) หรือลักษณะที่ดึงดูดใจคน แม้จะมีภาพลักษณ์ที่นุ่มนวลแต่ก็ไม่มีเสน่ห์ ส่วนนายชวน หลีกภัยนั้น แม้จะยังยืนเป็นหลักให้กับพรรคในภาคใต้ แต่ก็ไม่สามารถผูกใจคนใต้ได้แบบในอดีตแล้ว

คนใต้ส่วนหนึ่งเชื่อว่าความคิดที่พรรคประชาธิปัตย์มองว่าคนใต้เป็นของตาย และคนใต้มองว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคของคนใต้ในอดีตนั้น มันส่งผลต่อโทษานุโทษมากกว่า เพราะ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์มองว่าอย่างไรเสียคนใต้ก็เลือกพวกเขา ก็เลยไม่ได้ใส่ใจว่าจะทำอะไรให้กับการพัฒนาจังหวัดของตัวเองหรือทำอะไรให้ภาคใต้ ทุกวันนี้เส้นทางคมนาคมในภาคใต้จึงยังเป็นเส้นทางที่แย่ที่สุดเมื่อเทียบกับภาคอื่น วันนี้คนใต้จึงสัมผัสได้ว่า การเลือก ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์แบบผูกขาดในอดีตนั้น ไม่ได้ช่วยให้ภาคใต้พัฒนาขึ้นเมื่อเทียบกับภาคอื่น

ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 นั้นพรรคประชาธิปัตย์ได้ 22 คน พรรคพลังประชารัฐได้ 14 คน พรรคภูมิใจไทยได้ 8 คน พรรคประชาชาติได้ 5 คน ต่อมาพรรคประชาธิปัตย์เหลือ 21 คน และพรรคพลังประชารัฐเพิ่มเป็น 15 คนในการเลือกตั้งแทนนายเทพไท เสนพงศ์ที่พรรคพลังประชารัฐชนะพรรคประชาธิปัตย์

การเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่พรรคประชาธิปัตย์ยังรักษาที่นั่งไว้ได้อย่างเหนียวแน่นนั้นคือ จังหวัดสุราษฎร์ธานีที่กวาดที่นั่งทั้งจังหวัด 6 ที่นั่ง นอกจากนั้นก็ถูกพรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทยเบียดแซะในหลายจังหวัดที่เคยเป็นของตาย พ่ายแพ้แม้กระทั่งเขต 1 จังหวัดตรัง ที่เป็นพื้นที่ของนายชวน หลีกภัย ให้กับนายนิพันธ์ ศิริธร ที่ไม่ใช่คนตรังโดยพื้นเพจากพรรคพลังประชารัฐ

ส่วนที่สุราษฎร์ธานี แม้พรรคประชาธิปัตย์จะกวาดมาแบบยกจังหวัดในครั้งที่แล้ว ในตอนนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณจะดันพรรครวมพลังประชาชาติไทยลงสู้ก็ไม่สามารถโค่นพรรคประชาธิปัตย์ลงได้ แต่ครั้งนี้มีคู่แข่งที่มาใหม่ของพรรคประชาธิปัตย์ก็คือพรรคของคนกันเองอย่างพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่มาเปิดตัวในสุราษฎร์ธานี และประกาศว่าจะกวาดที่นั่งในจังหวัดนี้ เพราะได้แรงหนุนจากบรรดา ส.จ.ที่นำโดยนายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายก อบจ.

ที่พัทลุงก็ต้องเจอศึกหนัก เพราะครั้งที่แล้วพรรคภูมิใจไทยกวาดไป 2 ที่นั่งเหลือให้พรรคประชาธิปัตย์ที่นั่งเดียวที่ชนะมาอย่างฉิวเฉียด การเลือกตั้งครั้งหน้ามีโอกาสมากที่จะพ่ายแพ้พรรคภูมิใจไทยแบบยกจังหวัด และเชื่อกันว่า พรรคภูมิใจไทยจะได้ ส.ส.ภาคใต้เพิ่มจากครั้งที่แล้ว

เป็นไปได้สูงมากว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าในภาคใต้พรรคประชาธิปัตย์จะได้ ส.ส.น้อยลงกว่าเดิมอีก เพราะตอนนี้คู่แข่งของพรรคประชาธิปัตย์อย่างพรรคภูมิใจไทยกำลังแข็งแกร่งมาก นอกจากนั้นพรรคประชาธิปัตย์ยังมีความแตกแยกในพรรค ส.ส.ปัตตานี หนึ่งเดียวในสามจังหวัดภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ก็คงไม่อยู่ร่วมหอกับพรรคแล้ว

สถานการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์อาจจะมีข้อดีที่ครั้งหน้าพรรคพลังประชารัฐซึ่งเคยได้กระแสของพล.อ.ประยุทธ์ที่ทำให้คนใต้หันมาลงคะแนนให้ แต่ครั้งหน้ากระแสของพรรคพลังประชารัฐอาจจะไม่มากเท่ากับครั้งที่แล้ว ก็ต้องวิงวอนให้คนใต้กลับมาเลือกพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่เทคะแนนไปให้พรรคการเมืองพรรคอื่นที่ตอนนี้มีหลายพรรคเหลือเกินในขั้วการเมืองฝ่ายเดียวกัน

ข้อดีของพรรคประชาธิปัตย์ก็คือ การเป็นสถาบันการเมืองไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจแบบหลายพรรค ในอดีตพรรคประชาธิปัตย์เคยฟุบแล้วฟื้นมาหลายหน เชื่อว่าคนในพรรคก็ยังคงหวังเช่นนั้น

ส่วนผมเชื่อว่าในเจเนอเรชันนี้ของพรรคประชาธิปัตย์นั้นหมดหวังแล้ว และเมื่อดูสถานการณ์การเมืองทุกวันนี้และแนวโน้มของคนรุ่นใหม่ที่จะกำหนดทิศทางของประเทศในอนาคตแล้วต้องบอกว่ายากที่พรรคประชาธิปัตย์จะฟื้นกลับมาในเร็ววัน

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น