xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตอันมืดมนของ “สองผู้ยุ่งเหยิง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงไม่ต้องเสียเวลาร่อนไป-ร่อนมา ประเทศโน้น-ประเทศนี้ ภูมิภาคโน้น-ภูมิภาคนี้แต่อย่างใด เพราะคงต้องขออนุญาตหันมาวิเคราะห์ เจาะลึก ถึงตัวบุคคล หรือปัจเจกบุคคลซะเป็นหลักใหญ่ ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นไปจาก “คู่หู-คู่ฮา” หรือจะเรียกว่า “สองผู้ยุ่งเหยิง” ก็คงพอได้ คือผู้ที่มุ่งมั่น เพียรพยายาม หวังจะให้โลกทั้งโลกอยู่ภายใต้การควบคุม บังคับของ “มหาอำนาจขั้วเดียว” หรือภายใต้รัฐบาล “แองโกล-อเมริกัน” อะไรประมาณนั้น นั่นก็คือผู้นำอเมริกันอย่าง “ผู้เฒ่าโจ ซึมเซา” และนายกรัฐมนตรีหัวกระเซิงแห่งอังกฤษ “นายบอริส จอห์นสัน”ผู้นี้...นี่เอง!!!

คือพูดง่ายๆ ว่า...ถ้าหากฝ่ายตรงข้าม อย่างผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านคิดจะ “เล่นเกมยาว” อย่างที่ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติอเมริกัน “นางแอฟริล เฮนส์” (Avril Haines) ท่านได้ประเมิน หรือให้การเอาไว้กับสภาคองเกรสเมื่อช่วงวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา โอกาสที่ “คู่หู-คู่ฮา”รายนี้ อาจต้องรากเขียว-รากเหลือง อุจจาระแตก-อุจจาระแตน หนักซะยิ่งกว่า “บิ๊กตู่”บ้านเรา หรือ “พี่น้อง 3 ป.”บ้านเรา ไม่รู้จะกี่เท่าต่อกี่เท่า เพราะแค่ดูจาก “คะแนนนิยม”ที่ได้รับการสำรวจจากสำนักโพลต่างๆ ล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงอาการ “รูดมหาราช”ชนิดแทบต้องหลับกลางอากาศ หรือไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้น กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา ยิ่งเข้าไปทุกที...

อย่าง “ผู้เฒ่าโจ ซึมเซา” หรือ “โจ ไบเดน” ไม่ว่าจะโพลสำนักไหนต่อสำนักไหน...ต่างฟันธงและฟันเฟิร์มไปในแนวเดียวกันทั้งสิ้น คือรูดลงมาเหลือแค่ 30 กว่าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น หรือต่ำเตี้ยเรี่ยดินกว่าผู้นำอเมริกันรายใดต่อรายใดนับแต่ครั้งประวัติศาสตร์ อย่างสำนัก “Press-NORC and IBD/TIPP”สรุปว่าเหลือคะแนนนิยมแค่ 39 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ส่วนสำนักมหาวิทยาลัย “Monmouth”บอกว่าเหลือแค่ 38 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ “Big Data”บอกว่าอยู่ที่ 37 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นสำนัก“Quinnipiac”สรุปว่าเหลือแค่ 35 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ยิ่งเป็นสำนัก “Civiqs”ยิ่งแล้วใหญ่ คือตกจากหอคอย่นเหลือคะแนนนิยม เหลือความเชื่อมั่น-ศรัทธาต่อบรรดาอเมริกันชน เพียงแค่ 34 เปอร์เซ็นต์ ไม่เกินไปกว่านั้น...

ด้วยเหตุเพราะเรื่องปาก-เรื่องท้อง เรื่องปัญหาเศรษฐกิจนั่นแหละเป็นหลัก ไม่ว่าจะภาวะเงินเฟ้อ ภาวะขาดแคลนพลังงาน ขาดแคลนอาหาร ฯลฯ ที่ทำให้แทบทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าแดง-ไม่แดงมีแต่ “แพง...กับ...แพง” ยิ่งเข้าไปทุกที แม้ว่า “ผู้เฒ่าโจ” ท่านจะพยายามหันมาโยนบาป โยนขี้ ให้ฝ่ายตรงข้ามอย่างหมีขาวรัสเซีย หรือสรุปว่าเป็น“ราคาของปูติน”อะไรทำนองนั้น แต่บรรดาอเมริกันชนที่หลงเชื่อไปตามคำพูด คำจา ของผู้นำตัวเอง มีอยู่แค่ 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่เกือบครึ่งประเทศ หรือ 47 เปอร์เซ็นต์ ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า “รัฐบาลอเมริกัน”เองนั่นแหละที่เป็นเหตุปัจจัยหลัก โดยจะไปโทษผู้อื่น โทษโน่น โทษนี่ ก็คงมิได้ หรือมากถึง 68 เปอร์เซ็นต์ที่เชื่อว่ารัฐบาลอเมริกันกำลังเดินทางผิดในทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้อเมริกันชนกว่าครึ่งประเทศ หรือถึง 59 เปอร์เซ็นต์ “ไม่เอา-ไบเดน” โดยเด็ดขาด!!! นี่...ถ้าว่ากันตามโพลล่าสุดของสำนัก “Harvard CAPS-Harris”ที่เพิ่งสุ่มสำรวจเมื่อช่วงระหว่างวันที่ 18-19 พ.ค.ที่ผ่านมานี่เอง ไม่ว่าจะเป็นคนขาว ที่ยังเหลือ “เอา-ไบเดน” อยู่แค่ 32 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่ไม่เอาปาเข้าไปถึง 64 เปอร์เซ็นต์ ขณะพวกผิวสีที่เคยเทคะแนนให้พรรคเดโมแครตมาโดยตลอด แม้ว่าจะยัง “เอา-ไบเดน”อยู่ถึง 45 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่ไม่เอาปาเข้าไปถึง 51 เปอร์เซ็นต์ หรือกว่าครึ่งประเทศเอาเลยถึงขั้นนั้น อันนี้...ต้องเรียกว่าหนักกว่า “บิ๊กตู่”บ้านเราอยู่แล้วแน่ๆ เพราะอย่างน้อย...ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา น่าจะยังคงหลงเหลือพวก “ติ่ง”พวก “หูด” ของ “บิ๊กตู่” อยู่พอสมควรทีเดียว...

ด้วย “คะแนนนิยม” รัฐบาลที่กำลังเป็นไปเช่นนี้นี่เอง...เลยทำให้องค์กร“GenForward Project”แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโก เขาได้ออกมาฟันธง ฟันเฟิร์ม เอาไว้ก่อนล่วงหน้าว่า ย่อมต้องมีผลต่อ “การเลือกตั้งกลางเทอม”ของอเมริกาในช่วงสิ้นปีนี้ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ หรือประเด็น “เงินเฟ้อ” นี่แหละ...เป็นประเด็นใหญ่ที่สุด ในการตัดสินใจ “เอา-ไม่เอาไบเดน” โดยถ้าหากพรรครัฐบาลอย่างเดโมแครต ต้องสูญเสียที่นั่งไม่ว่าในสภาล่าง หรือสภาบน ให้กับพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามอย่างรีพับลิกัน จนทำให้ผู้นำประเทศต้องกลายเป็น “เป็ดง่อย”ไม่อาจออกเรี่ยว ออกแรง ผลักดันให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่ได้เหมือนเดิม ไม่อาจ “Build Back Better” ใดๆ ได้อีกต่อไป โอกาสที่จะ “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง”หรือโอกาส “เสร็จหมีขาวรัสเซีย” ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

ส่วนนายกฯ หัวกระเซิง ผู้นำอังกฤษในช่วงนี้...ก็คงแทบไม่ต่างอะไรไปจากกัน เผลอๆ...อาจหนักซะยิ่งกว่าเพราะต้องเจอกับสมาชิกพรรคเดียวกัน คือพรรคคอนเซอร์เวทีฟ จำนวนถึง 54 คน หรือประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์ของสมาชิกรัฐสภา พร้อมใจกันเขียน “จดหมายเปิดผนึก” เร่งให้นายกฯ “บอริส จอห์นสัน” กลับไปเสยผม ไปหวีผมที่บ้าน น่าจะดีกว่าการทู่ซี้เป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษอีกต่อไป ด้วยเหตุเพราะความรักสนุกในกรณี “ปาร์ตี้เกท” (Partygate) ที่มีข้อพิสูจน์ครบชุด ยืนยันว่ารู้ทั้งรู้ ว่าไม่ควรจะเฮฮาปาร์ตี้ขณะตัวเองประกาศล็อกดาวน์ประเทศทั้งประเทศ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่สุดท้าย...ก็ยังโผล่มาเต้นแร้ง เต้นกา ให้เห็นเป็นหลักฐานจนได้!!!

แต่ทั้งนั้น ทั้งนี้...คงไม่ใช่แค่เฉพาะความรู้สึกของสมาชิกพรรคคอนเซอร์เวทีฟ ถึงความไม่มี “กาละ-เทศะ” ของผู้นำพรรคและผู้นำประเทศตัวเองเท่านั้น แต่น่าจะผนวกรวมไปถึงความรู้สึกของบรรดาชาวอังกฤษโดยทั่วไป ที่ต่างต้องหันไปหายใจทางปากและทางเหงือก อันเนื่องมาจากภาวะเงินเฟ้อ การขาดแคลนพลังงาน ขาดแคลนอาหาร ฯลฯ ไม่ต่างไปจากพันธมิตรอย่างคุณพ่ออเมริกาและบรรดาประเทศในยุโรปทั้งหลายนั่นเอง หรือทำให้ “การเลือกตั้งท้องถิ่น”ช่วงวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา พรรครัฐบาลถึงกับต้องสูญเสียเก้าอี้ไปถึง 487 ที่นั่ง ขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามอย่างพรรคแรงงาน ได้เก้าอี้เพิ่มขึ้นถึง 108 ที่นั่ง พรรคเสรีประชาธิปไตยได้เพิ่มขึ้นอีก 223 ที่นั่ง เป็นไปตามโผ ตามโพล ก่อนหน้านั้น ที่ระบุว่าชาวผู้ดีอังกฤษ จะหันไปโหวตให้พรรคแรงงานถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ให้พรรครัฐบาลแค่ 34 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุเพราะภาวะเงินเฟ้อนี่เอง!!!

คือมันออกจะหนักหนา-สาหัสเอามากๆ...สำหรับบรรดาชาวผู้ดีทั้งหลายในช่วงนี้ โดยถ้าว่ากันตามการสำรวจ วิจัย ของบริษัทที่ปรึกษาวิจัยด้านการตลาด อย่าง “Savanta ComRes”ที่เผยแพร่อยู่ในหนังสือพิมพ์ “The Daily Mail” เมื่อช่วงวันเสาร์สัปดาห์ที่แล้ว (21 พ.ค.) หรือถึงขั้น 6 ใน 10 ของบรรดาชาวอังกฤษทั้งหลายหันมาอยู่บ้านเฉยๆ เลิกเที่ยว เลิกไปโน่นไปนี่ เพื่อไม่ให้ต้องเสียเงิน-เสียทองโดยใช่เหตุ 3 ใน 10 หันมายกเลิกการเป็นสมาชิกโรงยิม บอกเลิกการดูหนังผ่านเว็บ ฯลฯ กว่าครึ่งประเทศหรือ 51 เปอร์เซ็นต์หันมาใส่เสื้อหนาๆ เพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลาเปิดฮีทเตอร์ 44 เปอร์เซ็นต์ตัดสินใจเดินไปทำธุระแทนที่จะขับรถฉวัดเฉวียนเหมือนอย่างเคย 21 เปอร์เซ็นต์ถึงกับเลิกกินเนื้อที่ยังไงๆ ย่อมต้องแพงกว่าผักและผลไม้อยู่แล้วแน่ๆ 20 เปอร์เซ็นต์หันมาเพิ่มรายได้ให้ตัวเองด้วยการยืมเงินผู้อื่น โดย 11 เปอร์เซ็นต์หันไป “ชักดาบ” ด้วยกรรมวิธีไม่มี-ไม่หนี-และไม่จ่าย ซะยังงั้น!!! ฯลฯ ฯลฯ...

ภายใต้สภาพเช่นนี้...เพื่อนร่วมชั้นของอดีตนายกฯ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”บ้านเรา อย่างนายกฯ “บอริส จอห์นสัน” ย่อมหนีไม่พ้นต้องหันไป “นิมนต์พระ”มาสวดนำหน้าเอาไว้แต่เนิ่นๆ อย่างมิอาจปฏิเสธได้ คือจะไปเพราะการโหวตไม่ไว้วางใจในกรณี “ปาร์ตี้เกท” หรือจะไปกันด้วยสาเหตุใดๆ ก็ตามที แต่โอกาสที่จะไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี ยิ่งเป็นอะไรที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โอกาสที่จะเดินสายออกเกลี้ยกล่อม โน้มน้าว หรือยุแยงตะแคงรั่วใครต่อใคร ให้หันมาต่อต้านจีน ต่อต้านรัสเซีย หรือกระทั่งการคิดสวมบทเป็น “เชอร์ชิล”ยุคอังกฤษต้องสู้กับเยอรมนีเมื่อครั้งอดีต แทบมองไม่เห็นความเป็นไปได้เอาเลยก็ว่าได้การเจียนอยู่-เจียนไปของ “สองคู่หู-คู่ฮา”หรือของ “สองผู้ยุ่งเหยิง”ในลักษณะเช่นนี้ จึงแทบไม่ต่างไปจาก “คำทำนาย” ว่าด้วยการอวสานของ “โกกและมาโกก” ในพระคัมภีร์ไบเบิล หรือ “โคคา-วิโคคา”ในคัมภีร์กลียุคของชาวฮินดู ยังไงก็ยังงั้น...




กำลังโหลดความคิดเห็น