อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ นายเฮนรี คิสซินเจอร์ วันนี้อยู่ในวัย 98 ปี เคยกล่าวเตือนไว้ว่า “การเป็นศัตรูของสหรัฐฯ นั้นเป็นอันตราย แต่การเป็นมิตรกับสหรัฐฯ นั้นถึงตาย” คำพูดนี้ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นจริงทุกยุคตราบใดที่สหรัฐฯ ยังทำตัวเป็นเจ้าโลกแสดงอิทธิพลโดยห้ามใครมาทาบติด
และสหรัฐฯ เป็นนักค้าสงครามสร้างวิกฤตการเมืองในหลายภูมิภาคทั่วโลก เพื่อขายอาวุธโดยลูกค้ารายใหญ่คืออิสราเอล ซาอุดีอาระเบีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และกลุ่มประเทศสมาชิกนาโต ซึ่งมองว่าการมีอาวุธไว้ป้องกันประเทศเป็นสิ่งจำเป็น
การเป็นมิตรกับสหรัฐฯ นั้นไม่จำเป็นต้องถึงตาย แต่อยู่ในสภาพตายทั้งเป็นด้านเศรษฐกิจ หรือกลายเป็นรัฐภายใต้การอารักขาหรือเป็นลูกไล่ก็แล้วแต่สถานภาพที่แตกต่างกัน อย่างเช่นอังกฤษและเยอรมนีในศึกกับรัสเซียผ่านยูเครนที่เป็นตัวเบี้ย
อังกฤษเปรียบเสมือนเป็นลูกไล่ที่ต้องจงรักภักดีต่อสหรัฐฯ ขณะที่เยอรมนีและกลุ่มประเทศยุโรปกลายเป็นรัฐที่ต้องยอมสวามิภักดิ์ต่อสหรัฐฯ เพื่อความคุ้มครองจากภัยที่สหรัฐฯ วาดภาพให้เห็นว่าน่ากลัวนั่นคือรัสเซีย
โดยหารู้ไม่ว่าสหรัฐฯ นั้นเป็นนักตีกินตลอด แสวงหาโอกาสจากภาวะวิกฤตต่างๆ และเป็นนักตกปลาในบ่อน้ำขุ่นดังเช่นการเร่งขายอาวุธให้ยุโรปเพื่อส่งต่อให้ยูเครนเสนอขายอาวุธให้ไต้หวันเพื่อต่อต้านจีน โดยประเทศเหล่านั้นไม่มีทางปฏิเสธได้
สหรัฐฯ ไม่ใช่นักแสวงหาสันติภาพ ล่าสุดได้ทุ่มงบประมาณก้อนใหญ่ถึง 4 หมื่นล้านดอลลาร์ อัดฉีดให้ยูเครนในการสู้กับรัสเซียโดยผู้ได้ประโยชน์สูงสุดคือบริษัทผลิตและค้าอาวุธของสหรัฐฯ ซึ่งโกยเงินไม่หยุด ขณะที่ยุโรปต้องส่งอาวุธให้ยูเครนและซื้อของใหม่จากสหรัฐฯ เพื่อทดแทน
สงครามที่ยูเครนต้องยอมรับสภาพความพินาศย่อยยับของบ้านเมืองก็เพื่อความมั่งคั่งและผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ที่มีเป้าหมายต้องการทำลายความแข็งแกร่งของรัสเซีย ต้องการให้รัสเซียติดอยู่ในกับดักของสงครามในยูเครนให้นานที่สุด
ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ก็ขายก๊าซและน้ำมันให้ยุโรปรวมทั้งอาวุธ เพราะยุโรปถูกกดดันให้คว่ำบาตรรัสเซีย หยุดสั่งซื้อน้ำมันและก๊าซ ส่งผลให้ราคาพลังงานในยุโรปและทั่วโลกสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อในยุโรป มีอัตราเงินเฟ้อเกินกว่า 10%
คนยุโรปขาดแคลนสินค้ารวมถึงนมเลี้ยงเด็ก คนอังกฤษถึงขั้นอดมื้อกินมื้อเพื่อความอยู่รอดเนื่องจากราคาสินค้าและพลังงานสูงขึ้น ส่งผลกระทบมาตรฐานการครองชีพต่ำลง เศรษฐกิจหดตัวถดถอย ยุโรปจะเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจเลวร้ายกว่าเดิมถ้าเลิกนำเข้าก๊าซและน้ำมันจากรัสเซีย เพราะไม่สามารถหาแหล่งทดแทนได้ทัน
สหรัฐฯ ไม่สนใจว่าบ้านเมืองของยูเครนจะพินาศย่อยยับ ต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานหลายสิบปีเพราะความต้องการเพียงลดความแข็งแกร่งของรัสเซีย ชาวยูเครนกว่า 6.6 ล้านคน ต้องอพยพไปอาศัยในประเทศอื่น กว่า 7 ล้านคนไร้ที่อยู่บนแผ่นดินของตัวเอง
ทั้งนี้เป็นเพราะผู้นำประเทศที่คนยูเครนเลือกมาเป็นอดีตดาวตลกที่ต้องการเป็นฮีโร่ชื่อ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ซึ่งคิดค้นคำปราศรัยแต่ละวันอ้อนหาความช่วยเหลือจากประเทศต่างๆ แลกกับเสียงปรบมือ โดยหารู้ไม่ว่าเป็นตัวหน้าโง่ที่ถูกสหรัฐฯ ยกให้เป็นตัวเบี้ยในการสละประเทศเพื่อทำสงครามกับรัสเซีย
เซเลนสกี้ก็รู้ว่าบ้านเมืองพินาศย่อยยับเพราะความอยากจะเป็นสมาชิกองค์การนาโต และประชาคมยุโรปซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เพราะประเทศอยู่ในสภาวะย่อยยับไม่เข้าเกณฑ์จะเป็นสมาชิกของกลุ่มอะไร นอกจากเป็นเบี้ยหน้าโง่ของสหรัฐฯ
ยุโรปและสหรัฐฯ ไม่ได้สนใจว่าคนยูเครนจะต้องลำบากแค่ไหน ความพินาศของยูเครนจะมีต่อเนื่องจนสงครามจะสงบโดยไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ สหรัฐฯ และยุโรปยังคงส่งอาวุธให้ตัวตลกหน้าโง่รับบทฮีโร่สู้กับรัสเซียในสงครามที่ไม่มีวันชนะต่อไป
ทุกวันนี้ตัวตลกหน้าโง่ยังฝันเฟื่องพูดเพ้อเจ้อว่าตัวเองต้องการเจรจากับผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เท่านั้นโดยไม่สำนึกว่าคนที่บงการคือ โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯนั้นไม่ต้องการสันติภาพ แต่ต้องการให้ยูเครนเป็นเหยื่อสงครามทำลายรัสเซีย
กลุ่มประเทศยุโรปจะยอมรับว่าตัวเองก็เป็นเบี้ยของ สหรัฐฯ หรือไม่ก็สุดแล้วแต่ ความเป็นจริง ก็คือตัวเองไม่ได้อะไรจากสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ต้องจ่ายเงินอุดหนุนให้ยูเครนทำสงคราม รับผู้ลี้ภัยซึ่งจะเป็นภาระต่อไปในการดูแลส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาว
แต่กลุ่มยุโรปก็เลือกไม่ได้เพราะได้เป็นลูกไล่และเบี้ยล่างของสหรัฐฯ ไปแล้วภายใต้องค์การนาโตและไม่มีวันถอนตัวออกได้นอกจากบางประเทศที่ยังแข็งขืนอยู่เช่นฮังการีและตุรกี รวมทั้งประเทศที่ไม่ยอมเลิกซื้อก๊าซและน้ำมันจากรัสเซียเพราะไม่ต้องการเผชิญกับหายนะด้านเศรษฐกิจ
อย่างน้อย 14 ประเทศได้ห้ามส่งออกอาหารที่จำเป็นเพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่มีภาวะขาดแคลน แต่ละประเทศต้องดิ้นรนเป็นเพราะผลของมาตรการคว่ำบาตรที่ประกาศต่อรัสเซีย โดยที่ประเทศที่บาดเจ็บหนักก็คือกลุ่มชาติในยุโรป
มี 47 ประเทศที่ร่วมมือกันเล่นงานรัสเซียในการคว่ำบาตรนำโดยสหรัฐฯ ซึ่งไม่สนใจว่าผลกระทบต่อประเทศเหล่านั้นเป็นอย่างไร หลายประเทศเผชิญปัญหาการขาดแคลนอาหารและพลังงานส่งผลต่อการหดตัวของเศรษฐกิจ การว่างงาน
นี่เป็นการพิสูจน์คำพูดของเฮนรี คิสซินเจอร์ เพราะประเทศที่เป็นศัตรูกับสหรัฐฯ อย่างเช่นอิหร่าน เกาหลีเหนือ จีน และรัสเซียยังอยู่ได้แม้จะถูกคว่ำบาตร แต่มิตรของสหรัฐอยู่ในสภาพเกือบตายทั้งเป็น เพราะเดินตามก้นของ โจ ไบเดน นั่นเอง