ถึงยุค‘อยู่ตามยถากรรม’

สภาวะของบ้านเมืองและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนช่วงนี้น่าจะเรียกได้ว่าอยู่กันตามยถากรรมท่ามกลางวิกฤตรอบด้าน ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจตายซากเรื้อรัง การระบาดของโควิด-19 และค่าครองชีพสูงจากราคาสินค้าและน้ำมันแพง

ที่ว่าชาวบ้านอยู่กันตามยถากรรมนั้น เพราะรัฐบาลกำลังจะให้ชาวบ้านรับผิดชอบตัวเองภายใต้แนวทางของการรักษาพยาบาลการเจ็บป่วยเพราะโรคโควิด-19 เนื่องจากรัฐบาลถังแตก แสดงท่าทีไม่ต้องการรับภาระนี้ตามรูปแบบเดิมอีกต่อไป

อยู่กันตามยถากรรม เพราะรัฐบาลไม่สามารถจัดการกับราคาน้ำมันและก๊าซหุงต้มที่อยู่ในระดับสูงทั้งเงินอุดหนุนก็ร่อยหรอ เป็นเพราะสภาวะถังแตกเช่นกัน

สภาพเศรษฐกิจยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นเพราะถูกซ้ำเติมโดยสงครามรัสเซียกับยูเครนซึ่งยังไม่มีวี่แววว่าจะจบสิ้นเมื่อไหร่ และสงครามเศรษฐกิจระหว่างโลกตะวันตกกับรัสเซียทำให้มาตรการคว่ำบาตรส่งผลต่อเนื่องด้านเศรษฐกิจไปทั่วโลก

อยู่ไปแต่ละวันรัฐบาลไม่ได้มีมาตรการที่จะช่วยฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ มีแต่พูดถึงเรื่องเดิมๆ และความพยายามที่จะช่วยเหลือประชาชนซึ่งฟังดูแล้วเป็นเพียงสัญญาลมๆ แล้งๆ ไร้ความหมายให้ชาวบ้านเชื่อถือ

ผู้นำประเทศขาดโลกทัศน์ ความรอบรู้ คนรอบตัวไม่มีความสามารถ ใจซื่อมือสะอาด ซึ่งจำเป็นต่อการแก้ไขวิกฤตและบริหารงานเพื่อให้ประชาชนไม่ต้องเผชิญกับสภาพเคราะห์ซ้ำกรรมซัด อยู่ไปแต่ละวันมีแต่ห่วงกังวลถึงเสถียรภาพของตัวเอง

ประชาชนจึงได้เห็นแต่งานจัดเลี้ยงดินเนอร์เพื่อประสานความสามัคคีในกลุ่มนักการเมืองฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลและฝ่ายพรรคย่อย ที่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเลือกจุดยืนอย่างไร เมื่อยังไม่มีข้อเสนอผลตอบแทนให้เป็นที่พอใจ

เอาเป็นว่าผู้นำรัฐบาลห่วงเสถียรภาพของตัวเองมากกว่าความมั่นคงของประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน อยู่ไปแต่ละวันนอกจากไม่มีความคิดและแผนใหม่แล้วยังขาดทรัพยากรและปัจจัยที่จำเป็นเพื่อฟื้นฟูประเทศ

ที่สำคัญคือขาดบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและความตั้งใจจริงในการทำงานเพื่อบ้านเมืองในกลุ่มผู้กุมอำนาจรัฐ มัวแต่ห่วงเก้าอี้ของตัวเองว่าจะมั่นคงอย่างไร และผู้นำประเทศยังห่วงอีกว่าจะอยู่ได้ครบวาระหรือไม่

ผู้นำประเทศห่วงว่าตัวเองจะไม่ได้อยู่รอดเพื่อจัดงานประชุมเอเปกช่วงปลายปีนี้ ทั้งยังห่วงว่าจะรอดจากการตีความว่าการอยู่ครบ 8 ปีนั้นเริ่มตั้งแต่วันไหน

ถ้ารอดจากนี้ไปได้ก็ยังห่วงอีกว่าสมัยหน้ายังจะได้เป็นผู้นำรัฐบาลอีกหรือไม่เพราะสมุนบริวารได้ไปจัดตั้งพรรคการเมืองสำรองไว้กรณีที่ไม่มีพรรคใดเสนอชื่อให้ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี

แต่ละวันชาวบ้านจึงได้เห็นการวุ่นอยู่กับเสถียรภาพของรัฐบาล กลุ่มผู้กุมอำนาจรัฐได้แต่แสดงออกให้เห็นถึงความสมานฉันท์ ไร้ปัญหาความขัดแย้ง ทั้งนี้ก็เพื่อจะอยู่กุมอำนาจให้นานที่สุด

ออกงานที่ไหนเมื่อไหร่ก็จะมีการยืนโชว์แสดงให้เห็นความสามัคคีของพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ชาวบ้านสงสัยว่าถ้าไม่มีปัญหากันจริงทำไมต้องแสดงออกเช่นนั้น

ผู้กุมอำนาจรัฐได้แต่พร่ำย้ำสัญญาด้วยลมปาก เอาตัวรอดไปแต่ละวัน ไม่มีความน่าเชื่อถือ สร้างความน่าเบื่อหน่ายให้กับประชาชน พรรคการเมืองฝ่ายค้านได้เรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลยุบสภาฯ หรือจัดการอย่างไรอย่างหนึ่งเพื่อให้มีเลือกตั้งทั่วไปเร็วกว่ากำหนดเพื่อหาช่องทางแก้ไขวิกฤตของประเทศ

นั่นเป็นคำเรียกร้องที่ไม่มีวันจะได้รับการตอบสนองเพราะผู้กุมอำนาจรัฐไม่มั่นใจว่าจะสามารถชนะการเลือกตั้งได้อีกหรือไม่ ทั้งไม่มีอะไรรับประกันว่าพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันจะอยู่ด้วยอีกต่อไป

พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นฝ่ายค้านหลัก ออกอาการคึกคักหนักด้วยความเชื่อมั่นว่าจะชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายเพราะคนเบื่อหน่ายรัฐบาลทหารจากการรัฐประหาร ในการประชุมพรรค ล่าสุดมีการเสนอตัวทายาทคนสุดท้องของเจ้าของพรรคซึ่งถูกมองว่าอาจจะเป็นคู่ชิงตำแหน่งผู้นำประเทศ

ชาวบ้านที่ห่วงใยบ้านเมืองได้เห็นภาพแล้วยิ่งรู้สึกว่าประเทศนี้ไม่มีอนาคตเพราะการเมืองยังด้อยพัฒนา โอกาสที่มีคนพร้อมความรู้ความสามารถจะมีโอกาสได้เป็นผู้นำประเทศนั้นยาก ในรูปแบบการเมืองที่ต้องพึ่งเงินก้อนใหญ่และเครือข่ายของผู้ชี้ชะตาคะแนนเสียง

ประเทศไทยมีเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองในกลุ่มอาเซียน ปัจจุบันมีปัญหาหนี้ครัวเรือน หนี้ภาครัฐในระดับสูง มีคนถือบัตรคนจนใกล้จะถึง 20 ล้านคน หรือเกือบหนึ่งในสามของประชากรรวม ทำให้การแก้ปัญหาต้องได้คนดีมีฝีมือซื่อสัตย์สุจริตและตามทันเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวต่างๆ ในโลก

แต่สภาพที่เป็นอยู่โอกาสที่บ้านเมืองจะได้มีผู้นำซึ่งสามารถจัดการแก้ไขปัญหาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งจะต้องมีแผนฟื้นฟูและการบริหารปัจจัยที่มีจำกัดให้ได้ประโยชน์สูงสุด

ประเด็นสำคัญก็คือต้องจัดการกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันให้สำเร็จ นี่เป็นวิกฤตเทียบเท่ามะเร็งร้ายขั้นสุดท้ายในร่างกายของคน

แต่คนไทยจะโชคดีได้ผู้นำมาแก้ไขวิกฤตได้หรือไม่ ในสภาพที่เป็นอยู่ การเมืองที่ต้องใช้เงินและความเกี่ยวข้องของกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ทำให้คนดีไม่มีโอกาสได้เข้ามาบริหารประเทศ การเมืองติดอยู่ในกับดักผลประโยชน์และอำนาจเงิน