จริง-ไม่จริง...ก็คงต้องลองเอา “ห้าหาร” หรือ “สิบหาร” เอาเองก็แล้วกัน...สำหรับการออกมาชี้แนะ ชี้นำ ออกมาวิเคราะห์ เจาะลึก ของนายกรัฐมนตรีหัวกระเซิงแห่งอังกฤษ ที่ยังไม่รู้ว่าจะไปแหล่-มิไปแหล่ ในเรื่องราวฉาวโฉ่เกี่ยวกับการจัดปาร์ตี้ ฉลองความเมามันซ์ซ์ซ์ให้กับตัวเองและพรรคพวกบริวาร หรือที่เรียกๆ กันว่า “Party Gate” อะไรประมาณนั้น ซึ่งได้ออกมาคาดการณ์ คาดคะเน ถึงความเคลื่อนไหวทางทหารของหมีขาวรัสเซีย ว่ากะจะเตรียมก่อ “สงคราม” ในระดับใหญ่ที่สุดนับจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
คือการออกมาวิเคราะห์เจาะลึก ของนายกรัฐมนตรีหัวกระเซิงแห่งอังกฤษคราวนี้...อาจไม่ถึงกับถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจอะไรมากมายนัก เพราะในเมื่อบรรดานักการเมืองในอเมริกา ไม่ว่าไล่มาตั้งแต่ประธานาธิบดี “โจ ซึมเซา” ที่แม้ว่ากองทัพรัสเซียจะถอนทหารบางส่วนออกไปบ้างแล้วจากพรมแดนยูเครน แต่ “ผู้เฒ่าโจ” ท่านก็ยังคงเชื่อเอามากๆ ว่า ยังไงๆ...ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ได้ตัดสินใจ “บุกยูเครน” อยู่แล้วแน่ๆ แถมจะบุกกันในเร็วๆ นี้ซะอีกด้วย ตามด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว และล่าสุด...ก็คือพวก “นีโอ-คอนฯ” แห่งสถาบัน “The Institute for the Study of War” อย่าง “นายFred Kagan” และ “นายMason Clark” ที่รับเงิน-รับทอง มาจากบริษัทผลิตอาวุธชื่อดังของสหรัฐฯ อย่างเช่น “Raytheon” หรือ “General Dynamics” ฯลฯ เป็นต้น ถึงกับออกมากำหนดวัน ว. เวลา น. กันใหม่ สรุปว่ากองทัพรัสเซียกำลังคิดจะ “บุกยูเครน” ในช่วงวันเสาร์ที่ 26 ก.พ.ที่จะถึงนี้...ฯลฯ ฯลฯ...
ดังนั้น...ในฐานะผู้ที่ได้ชื่อ ฉายา ว่า “สุนัขพูเดิลของอเมริกา” มาโดยตลอด อย่างประเทศผู้ดีอังกฤษ การออกมาสร้างภาพแห่งความน่าเกลียด น่ากลัว ให้กับหมีขาวรัสเซีย ของนายกรัฐมนตรี “บอริส จอห์นสัน” ในช่วงระหว่างนี้ จึงไม่ถึงกับถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจอะไรมากมายนัก โดยเฉพาะการออกมาวิเคราะห์เจาะลึก คราวนี้อยู่ในช่วงระหว่างการเข้าร่วมประชุมเพื่อความมั่นคงประจำปีของยุโรป ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมนี อันเป็นเวทีที่คงต้องหาทางขยายความน่าเกลียด น่ากลัว ของรัสเซีย เพื่อให้บรรดาประเทศในยุโรปต้องยอมศิโรราบ พร้อมดำรงตนเป็น “เครื่องมือ” ของ “พันธมิตรแองโกล-แซกซอน” อย่างรัฐบาลอเมริกาและอังกฤษต่อไปให้จงได้ แต่ถึงกระนั้น...สิ่งที่น่าสนใจและควรหยิบมาเป็นข้อสังเกตไว้ ณ ที่นี้อีกด้วย ก็คือการที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้พยายามลากเอา “แนวรบทั้งสองแนวรบ” ที่อยู่ห่างกันคนละซีกโลก คนละเรื่อง คนละม้วน ให้กลายมาเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” กันจนได้...
โดยเฉพาะในคำพูด คำแถลง ต่อสื่อมวลชน...ที่ระบุเอาไว้ประมาณว่า ถ้าหากบรรดาชาติตะวันตกทั้งหลาย ไม่คิดสนับสนุนการดำรงรักษาเอกราชของประเทศยูเครน ให้เป็นจริง-เป็นจัง ขึ้นมาแล้วล่ะก็ โอกาสที่จะก่อให้เกิด “ผลกระทบ” ในระดับทั่วทั้งโลก ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ หรือ... “หากยูเครนต้องตกอยู่ในอันตราย แรงสั่นสะเทือนจะแผ่กว้างไปยังทั่วทั้งโลก และแรงสั่นสะเทือนเหล่านั้น จะเห็นได้ในเอเชียตะวันออก จะเห็นได้ใน...ไต้หวัน!!!” นี่...ต้องเรียกว่า สามารถโยง “แนวรบยุโรปตะวันออก” กับ “แนวรบทะเลจีนใต้” ให้กลายเป็นคนละเรื่องเดียว ได้อย่างไม่เชื่อแต่ก็คงต้องเชื่อนั่นแล...
แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยเหตุเพราะความร่วมไม้-ร่วมมือ ระหว่างคุณพี่จีนกับคุณน้ารัสเซียช่วงนี้ มันคงไม่ใช่แค่ “Side-by-Side” หรือไม่ใช่แค่เคียงบ่า-เคียงไหล่ ระหว่างกันและกันเท่านั้น แต่ไปไกลระดับ “Back-to-Back” หรือแบบพร้อมจะหนุนช่วย หนุนหลังซึ่งกันและกัน อย่างชนิด “ไม่มีขีดจำกัด” เอาเลยถึงขั้นนั้น ด้วยเหตุนี้...การโยงเอา “แนวรบยุโรปตะวันออก” กับ “แนวรบในทะเลจีนใต้” ให้กลายมาเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” จึงเป็นเรื่องที่ออกจะมีน้ำหนัก มีเหตุ-มีผลรองรับอยู่พอสมควรเพราะอย่างที่อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษเอง “นายTobias Ellwood” ก็พอมองเห็นความเกี่ยวโยงกันในลักษณะดังกล่าว ถึงได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว “Sky News” ไปเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (17 ก.พ.) ที่ผ่านมา ประมาณว่า...การคิดจะต่อต้านรัสเซียของบรรดาประเทศยุโรปนั้น ยิ่งเท่ากับทำให้สัมพันธภาพระหว่างจีนและรัสเซียยิ่งแน่นแฟ้นขึ้นไปอีก ไม่ว่าในทางการเมือง หรือเศรษฐกิจ หรือยิ่งทำให้เกิด “มวลสารแห่งภูมิรัฐศาสตร์ความมั่นคง ที่ใหญ่โตมโหฬารและยาวไกลไปอีกหลายต่อหลายทศวรรษในอนาคตเบื้องหน้า”...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่ารัสเซียคิดจะทำอะไรต่อมิอะไรกับ “แนวรบยุโรปตะวันออก” คิดจะบุก-ไม่บุกยูเครน หรือไม่? อย่างไร? นั้น ย่อมอาจมีความเกี่ยวพันอยู่กับการตัดสินใจของจีนต่อ “แนวรบในทะเลจีนใต้” ไม่ว่าทางหนึ่ง-ทางใดกันจนได้ ยิ่งถ้าเกิดการ “บุก” ขึ้นมาจริงๆ หรือบุกทั้งยูเครน และบุกทั้งไต้หวันขึ้นมาพร้อมๆ กัน อันนี้นี่แหละ...ที่อาจทำให้เกิดฉากสถานการณ์ที่บรรดานักยุทธศาสตร์การทหารสหรัฐฯ เรียกขานกันในนาม “การเผชิญศึก 2 ด้าน” หรือ “การเผชิญกับฉากสถานการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน” ในประวัติศาสตร์การทหารของอเมริกา อันเป็นฉากสถานการณ์ที่ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทางยุทธศาสตร์อเมริกา “พลเรือเอกCharles Richard” เพิ่งเดินทางไปสารภาพกับคณะกรรมาธิการทหารวุฒิสภา ว่าเป็นสิ่งที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ไม่ได้ตระเตรียมแผนการรองรับเอาไว้เลย หรือเป็นฉากสถานการณ์ที่ผู้เชี่ยวชาญทางทหารอย่างอดีตผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพสหรัฐฯ “นายDavid T. Pyne” เคยสรุปเอาไว้ประมาณว่า... “ถ้าหากอเมริกายังคงดำเนินนโยบายแบบเสี่ยงภัย ที่ทำให้เกิดการเผชิญหน้ากับรัสเซียและจีนไปพร้อมๆ กัน สิ่งที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อก็คือสงครามอารมาเกดโดน (Armageddon) ที่จะมีผลทำให้ประเทศอเมริกาอาจถึงกาลอวสานเอาง่ายๆ...”
ดังนั้น...ถ้านำเอาแนวรบทั้งสองแนวรบมาเกี่ยวข้องโยงใยซึ่งกันและกัน การบุก-ไม่บุกยูเครนของรัสเซีย มันคงหนีไม่พ้นต้องผ่านการคิดหน้า-คิดหลัง แบบชนิดละเอียด ประณีตและถ้วนถี่อย่างเป็นพิเศษ คงไม่ใช่แค่เฉพาะการคิดจะยึดเมือง “Kiev” เอาไว้ให้เป็นภาระ หรือยึด “Donetsk” และ “Lugansk” แบบยึดแหลมไครเมียอะไรทำนองนั้น เพราะมันอาจหมายถึงการหาทาง “เปลี่ยนโลก” หรือ “เปลี่ยนระเบียบโลก” เพื่อไม่ให้ต้องตกอยู่ในสภาพ “โลกของอเมริกา” หรือตกอยู่ภายใต้ “เผด็จการดอลลาร์” กันอีกต่อไป เอาเลยก็ไม่แน่!!! ไม่เช่นนั้น...ก็คงไม่ต้องเสียเวลามาตั้งตัวเป็นศัตรูกับยุโรปทั้งยุโรป ต้องเจอกับการแซงชั่นและบอยคอต ที่ยังแทบไม่รู้ว่าจะหนักหนา-สาหัสไปไกลถึงเพียงไหน...
เพราะการทำให้ “โลกของอเมริกา” หรือ “ประเทศอเมริกาถึงกาลอวสาน” นั้น...อาจหนีไม่พ้นต้องอาศัย “ศึก 2 ด้าน” อย่างที่บรรดานักยุทธศาสตร์การทหารทั้งหลายเขาว่าไว้ หรือต้องบุกทั้งยูเครน และต้องบุกทั้งไต้หวันไปพร้อมๆ กัน แต่ในเมื่อฉากสถานการณ์ความเป็นไปของโลก มันยังไม่น่าจะไปไกลถึงขั้นนั้น หรือยังไม่ทันได้บุก ทั้งอเมริกา อังกฤษ ที่เจอกับปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจภายในประเทศตัวเอง กลายเป็น “ประเทศเงินเฟ้อ” และ “ประเทศผู้ติดเชื้อ” งอมแงมกันไปทั้งบาง หรือแม้แต่ไต้หวันที่หันไปซื้อเนื้อหมูเร่งสารพิษและทุ่มเงินซื้ออาวุธจากอเมริกา ซื้ออาหารนิวเคลียร์จากญี่ปุ่น อาจต้อง “เหี่ยวปลาย” ลงไปเองโดยไม่ต้องเสียเวลาบุกโน่น-บุกนี่ เอาเลยก็ไม่แน่!!!
ด้วยเหตุนี้...การวิเคราะห์เจาะลึกของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ถึงขั้นมอบหมายให้รัฐมนตรีกลาโหมออกมากางแผนที่ว่ากองทัพรัสเซียคิดจะบุกเข้ามาในด้านไหนต่อด้านไหน ไปจนถึงการลากโยงไปสู่การบุกไต้หวันของกองทัพจีน ชนิดกลายเป็นคนละเรื่องเดียวกันจนได้ จึงเป็นสิ่งที่คงต้องเอา “ห้าหาร” หรือ “สิบหาร” เอาไว้มั่งตามสมควร ไม่งั้น...โอกาสที่จะเมามายพอๆ กับการเมาเหล้า เมายา ภายในงานปาร์ตี้ ย่อมมีความเป็นไปได้ไม่มาก-ก็น้อย....