การเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและรัสเซียในความขัดแย้งบนสถานภาพของยูเครนได้เป็นสงครามจิตวิทยาและคำขู่รายวัน โดยผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถูกมองว่าต้องการจะมีเรื่อง และพร้อมที่จะต้านการบุกของกองทัพรัสเซีย
ล่าสุดสหรัฐฯ อ้างข่าวกรองและภาพถ่ายแสดงให้เห็นค่ายทหารรัสเซียในประเทศเบลารุสซึ่งมีพรมแดนติดกับยูเครนเพื่อเตรียมการซ้อมรบในเบลารุส ซึ่งจะเริ่มวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ ทำให้ฝ่ายโลกตะวันตกประเมินว่ารัสเซียพร้อมรบแล้วถึง 70%
การประเมินล่าสุดบ่งชี้ว่ารัสเซียมีกำลังทหาร 150,000 นายทั้งสองด้าน คือเบลารุสกับพรมแดนยูเครน พร้อมหน่วยเสริมกำลังบำรุงรวมถึงธนาคารเลือดด้วย
อังกฤษยังไม่เลิกขู่ด้วยมาตรการคว่ำบาตรอ้างว่าถ้ารัสเซียบุกยูเครน ชีวิตของบรรดามหาเศรษฐี นักธุรกิจที่ไปปักหลักในอังกฤษจะประสบภาวะยุ่งยากทรัพย์สินเงินฝากต่างๆ จะถูกอายัด ลูกหลานชาวรัสเซียที่ไปศึกษาในอังกฤษก็จะถูกส่งตัวกลับ
กรุงลอนดอนและเมืองสำคัญอื่นๆ ในอังกฤษเป็นแหล่งการลงทุนของมหาเศรษฐีรัสเซีย เมืองหลวงของอังกฤษได้ฉายาว่า “ลอนดอนกราด” เหมือนเป็นเมืองของรัสเซีย ไม่มีใครประเมินได้ว่าทรัพย์สินของคนรัสเซียในอังกฤษมีมูลค่ามากแค่ไหน
ผู้นำฝรั่งเศสเอมมานูเอล มาครง จะไปเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพื่อใช้การทูตแสวงหาทางออกในวิกฤตยูเครน โดยมาครงเชื่อว่ามีหนทางแสวงจุดร่วมเพื่อรักษาผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย และไม่มีฝ่ายใดต้องเสียหน้า
ที่สำคัญ เยอรมนีและฝรั่งเศสไม่ต้องการให้เกิดสงคราม ไม่อยากเป็นลูกไล่ของสหรัฐฯ ทั้งด้านการเมือง และเศรษฐกิจ โดยสหรัฐฯ มีอังกฤษและแคนาดาเป็นตัวช่วย
จะเป็นการย้ำให้เห็นว่าการทำสงครามไม่มีอะไรดี จะสร้างความเสียหายทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ผลกระทบอย่างแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่และการสูญเสียชีวิตของประชาชนและทหาร ยุโรปจะเป็นสมรภูมิหลักด้วย
สหรัฐฯ อยู่ห่างคนละทวีป ถ้าสงครามจำกัดพื้นที่เฉพาะยุโรป สหรัฐฯ ก็ไม่เสียหาย
มาตรการคว่ำบาตรที่นำโดยสหรัฐฯ และอังกฤษจะสร้างความลำบากให้กับรัสเซียซึ่งผลสุดท้ายก็จะส่งผลกระทบต่อยุโรปตะวันตก เยอรมนี และฝรั่งเศสต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติและน้ำมันจากรัสเซียมากถึง 40 และ 20% ตามลำดับ
ชาวยูเครนก็ได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เกิดสงคราม และก็เชื่อว่ารัสเซียจะไม่บุกเข้ายูเครนซึ่งก็เหมือนกับคำประกาศของรัสเซียซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่บุกเพราะทั้งสองประเทศเหมือนพี่น้องกันเคยอยู่ภายใต้สภาพโซเวียตมาก่อน
ฝ่ายยุโรปและยูเครนต่างก็ไม่ต้องการให้เกิดสงคราม ไม่อยากให้สหรัฐฯ และอังกฤษประโคมข่าวว่ารัสเซียจะบุกทุกวัน เพราะสร้างความตึงเครียด ล่าสุดทหารสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งถูกส่งเข้าไปในโปแลนด์และโรมาเนียเพื่อเสริมกำลังของพันธมิตร
ใครต้องการให้เกิดสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย? นี่เป็นคำถามที่มาจากหลายฝ่าย และใครที่ต้องการให้รัสเซียบุกยูเครนเพื่อหวังผลทางการเมือง และผลประโยชน์อื่นๆ ที่จะตามมา
คำตอบก็คือสหรัฐอเมริกาต้องการให้รัสเซียบุกข้ามพรมแดนยูเครนเพื่อที่จะได้หาเหตุประกาศมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียอย่างรวดเร็ว และรุนแรงตามคำประกาศก่อนหน้านี้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียประสบปัญหา มีข้อจำกัดหลายประการในการทำธุรกรรมการเงินและการค้าระหว่างประเทศ รัสเซียก็จะเดี้ยง ดิ้นรนได้ยาก
ธนาคารของรัสเซียจะไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในยุโรปหรือโลกตะวันตกไม่สามารถใช้เงินดอลลาร์ซื้อขายสินค้าถ้าหากถูกคว่ำบาตร การค้าขายจะหยุดเพราะการชำระเงินผ่านระบบธนาคารระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตก การซื้อขายตราสารหนี้สินต่างๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียจะตกต่ำลง
ถ้าหากรัสเซียไม่สามารถขายก๊าซธรรมชาติและน้ำมันให้ยุโรปตะวันตกได้เท่ากับเป็นการตัดรายได้สำคัญส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่ลูกค้าที่เคยซื้อก๊าซธรรมชาติและน้ำมัน เช่น เยอรมนีกับฝรั่งเศสก็จะเผชิญปัญหาเช่นกัน
สหรัฐอเมริกาก็จะเป็นประเทศเดียวที่ได้ประโยชน์จากความวุ่นวายทั้งหมดนี้เพราะประเทศตัวเองไม่เสียหาย ทั้งจะยังได้สร้างบุญคุณกับกลุ่มประเทศยุโรปโดยสหรัฐฯ อ้างว่าจะหาทางส่งพลังงานไปทดแทนการสูญเสียที่ไม่ได้รับจากรัสเซีย รวมถึงการวางแผนจะให้ประเทศกาตาร์ส่งก๊าซธรรมชาติไปให้กลุ่มประเทศยุโรปด้วย
สหรัฐฯ ก็จะเป็นต่อ ทำให้ยุโรปอยู่ในกำมือในฐานะที่เป็นประเทศภายใต้สนธิสัญญานาโต ต้องพึ่งพาสหรัฐฯ ในด้านอื่นๆ ถ้าการค้าขายกับรัสเซียหยุดลง
แผนนี้ฝ่ายยุโรปน่าจะเข้าใจ และด้วยเหตุนี้เองกลุ่มประเทศยุโรปจึงไม่ต้องการมีเรื่องกับรัสเซียและอยากอยู่ร่วมกันด้วยสันติภาพมากกว่า เพียงแต่ที่ผ่านมานั้นอยู่ภายใต้การกำกับควบคุมของสหรัฐฯ ในด้านการผูกพันผ่านสนธิสัญญานาโต
ภาพที่เห็นในปัจจุบันก็จะเป็นการประโคมข่าวเรื่องรัสเซียจะบุกยูเครนโดยสหรัฐฯ และอังกฤษ ขณะที่ฝ่ายยุโรปและยูเครนพยายามจะลดทอนความตึงเครียดด้วยความเชื่อว่ารัสเซียจะไม่รุกคืบเข้ายูเครนเพราะผลที่ตามมาอยากที่จะประเมินได้ในความเสียหาย
ต้องรอดูว่ารัสเซียจะเสียท่าสหรัฐฯ ด้วยการบุกเข้ายูเครนและเผชิญกับการคว่ำบาตรหรือไม่ แต่ก็เชื่อว่าปูตินคงอ่านเกมออก ไม่เป็นหมูให้ โจ ไบเดนได้เชือดง่ายๆ เพราะประสบการณ์และความเขี้ยวทางการเมืองต่างกันมาก