เอพี - อเมริกาชี้รัสเซียสะสมกำลังพลและอาวุธที่ต้องการได้แล้วอย่างน้อย 70% เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับปูตินในการเปิดฉากบุกยูเครนเต็มรูปแบบภายในกลางเดือนนี้ ซึ่งอาจทำให้เคียฟแตกอย่างรวดเร็ว และจะมีผู้เสียชีวิตถึง 50,000 คน
เจ้าหน้าที่อเมริกันที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนและมีส่วนร่วมในการประเมินภายในเกี่ยวกับการสะสมกำลังพลของรัสเซีย ระบุสิ่งบ่งชี้ต่างๆ ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน มีแผนบุกยูเครนในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ แม้ขนาดและขอบเขตการบุกยังไม่ชัดเจนก็ตาม ถึงกระนั้น เจ้าหน้าที่เหล่านี้ย้ำว่า การแก้ปัญหาด้วยแนวทางการทูตยังเป็นไปได้
ในบรรดาสิ่งบ่งชี้ที่ว่าคือ การซ้อมรบของกองกำลังนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ที่ปกติจัดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วง แต่ตอนนี้เลื่อนมาเป็นกลางเดือนนี้ถึงเดือนหน้า ตรงกับช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า มีแนวโน้มมากที่สุดที่รัสเซียจะบุกยูเครน โดยมีแนวโน้มว่า รัสเซียจะทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลไม่ติดหัวรบภายในดินแดนของตนเองเพื่อป้องปรามตะวันตกไม่ให้เข้าแทรกแซงในยูเครน
ช่วงหลายสัปดาห์มานี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า การบุกของรัสเซียจะทำให้กองทัพยูเครนพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วมาก แม้มอสโกอาจยึดครองและรับมือการต่อต้านในยูเครนได้ยากก็ตาม
การเดินหน้าสะสมกำลังของรัสเซียเกิดขึ้นขณะที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เปิดเผยข้อมูลข่าวกรองเพื่อตอบโต้การบิดเบือนข้อมูลของรัสเซีย และขัดขวางแผนการของปูตินในการสร้างสถานการณ์เพื่อบุกยูเครน กระนั้น การดำเนินการนี้ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีหลักฐานสนับสนุน
เมื่อวันเสาร์ (5 ก.พ.) หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ และวอชิงตันโพสต์รายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เตือนเรื่องการบุกเต็มรูปแบบของรัสเซียอาจทำให้เคียฟแตกอย่างรวดเร็ว และมีผู้เสียชีวิตถึง 50,000 คน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันข่าวดังกล่าว แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า หน่วยงานของอเมริกาประเมินตัวเลขนั้นอย่างไร
ไบเดนนั้นยืนยันว่า จะไม่ส่งทหารสหรัฐฯ ไปรบในยูเครน แต่สั่งส่งกำลังพลเพิ่ม ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ศูนย์บัญชาการและหน่วยรบไปยังโปแลนด์และโรมาเนีย เพื่อให้ความมั่นใจกับพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ว่าวอชิงตันจะปฏิบัติตามสนธิสัญญาในการตอบโต้หากรัสเซียบุกดินแดนนาโต้ ทั้งนี้ แม้ยูเครนไม่ได้เป็นสมาชิกนาโต้ แต่ได้รับการสนับสนุนทางทหารและการฝึกจากอเมริกาและพันธมิตร
เมื่อวันเสาร์ เจ้าหน้าที่เหล่าทัพของสหรัฐฯ ประกาศว่า พล อ.คริสโตเฟอร์ โดนาฮิว ผู้บัญชาการหน่วยพลร่ม 82 เดินทางถึงโปแลนด์แล้ว โดยทหาร 1,700 นาย จากหน่วยพลร่มนี้กำลังออกจากฟอร์ตแบร็กในนอร์ธแคโรไลนา ไปประจำการในโปแลนด์ และอีก 300 นาย จะไปประจำการที่เยอรมนี นอกจากนี้ ทหารที่ประจำอยู่ในเยอรมนีจะย้ายไปโรมาเนีย
ขณะนี้ยุโรปตะวันออกกำลังกังวลกับการสะสมกำลังของรัสเซีย โดยเฉพาะการส่งทหารหลายพันนายไปเบลารุสที่มีพรมแดนติดกับยูเครน และ 3 ชาตินาโต้ ได้แก่ โปแลนด์ ลิทัวเนีย และลัตเวีย โดยเจ้าหน้าที่อเมริกันคนหนึ่งเผยเมื่อวันเสาร์ว่า เร็วๆ นี้วอชิงตันอาจส่งทหารไปเพิ่มในชาติสมาชิกนาโต้ในยุโรปตะวันออก แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นประเทศใด
สัปดาห์ที่แล้ว ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่า ปูตินอาจใช้กำลังบางส่วนที่ประจำอยู่ตามแนวชายแดนติดกับยูเครนเข้ายึดเมืองต่างๆ ของยูเครนและดินแดนกว้างขวาง หรือดำเนินการที่เป็นการบีบบังคับหรือยั่วยุทางการเมือง เช่น ยอมรับดินแดนที่แยกตัวจากยูเครน
เมื่อไม่นานนี้ เจ้าหน้าที่อเมริกันหลายคนยังให้รายละเอียดการเดินหน้าสะสมกำลังพลของรัสเซีย การประเมินแนวโน้มสงครามของอเมริกา และมุมมองของอเมริกาต่อแนวทางในการจัดการวิกฤตของปูติน โดยย้ำเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารว่า ไม่เชื่อว่า ปูตินตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการบุกยูเครนแล้ว แต่ดูเหมือนเป็นไปได้ที่ผู้นำรัสเซียมีเจตนาและกำลังรอจนกว่าจะถึงนาทีสุดท้ายในการสั่งบุกยูเครน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า จนถึงวันศุกร์ (4 ก.พ.) รัสเซียมีกองพันโจมตีด้วยยุทธวิธีประจำการอยู่ใกล้ชายแดนยูเครน 83 กองพัน แต่ละกองพันมีทหาร 750-1,000 นาย เพิ่มขึ้นจาก 60 กองพันเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว และอีก 14 กองพันกำลังมุ่งหน้าไปยังชายแดนส่วนอื่นๆ
เจ้าหน้าที่ 2 คนประเมินว่า รัสเซียจะต้องการทหาร 110-130 กองพันเพื่อบุกเต็มรูปแบบ และหากรวมหน่วยสนับสนุน รัสเซียอาจรวบรวมทหารครบ 150,000 นายภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ แต่ยังเป็นไปได้ที่ปูตินอาจตัดสินใจบุกแบบจำกัด
รัสเซียยังสามารถโจมตีเคียฟได้โดยตรงหากเคลื่อนลงทางใต้จากที่ประจำการอยู่ทางใต้ของเบลารุสในขณะนี้ หรือปูตินอาจส่งทหารข้ามพรมแดนเข้าสู่ตอนใต้และตะวันออกของยูเครน หากต้องการแยกยูเครนออกเป็นส่วนและทำลายกำลังพลจำนวนมากของยูเครน