รัสเซียเมื่อวันเสาร์ (5 ก.พ.) ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์พิสัยไกล 2 ลำ บินลาดตระเวนเหนือท้องฟ้าประเทศพันธมิตรอย่างเบลารุส ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ลุกลามบานปลายเกี่ยวกับประเด็นยูเครน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่าเครื่องบินทิ้งระบิด Tu-22M3 จำนวน 2 ลำ ทำการฝึกซ้อมทำงานร่วมกับกองทัพอากาศและกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศของเบลารุส ระหว่างภารกิจที่ใช้เวลา 4 ชั่วโมง และจากนั้นได้มีเที่ยวบินลาดตระเวนแบบเดียวกันตามมาอีกหลายเที่ยวเหนือท้องฟ้าเบลารุส ซึ่งมีชายแดนติดกับยูเครน
ภารกิจครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่รัสเซียเคลื่อนทหารจากไซบีเรียและตะวันออกไหลเข้าไปยังเบลารุส เพื่อซ้อมรบร่วมครั้งใหญ่ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการเสริมกำลังพลเพิ่มเติมจากที่ประจำการอยู่ใกล้ชายแดนยูเครนอยู่แล้วนับแสนนาย โหมกระพือความกังวลแก่บรรดาชาติตะวันตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะยกพลรุกรานยูเครน
รัสเซียยืนยันว่าไม่มีแผนโจมตีใดๆ ต่อยูเครน แต่เรียกร้องสหรัฐฯ กับพันธมิตรให้มอบคำสัญญาแบบมีข้อผูกมัด ว่า พวกเขาจะไม่รับยูเครนเป็นสมาชิกนาโต้ตลอดกาล จะไม่ประจำการอาวุธจู่โจม และจะถอนประจำการกองกำลังนาโต้ในยุโรปตะวันออก ข้อเรียกร้องที่ทางวอชิงตันและนาโต้ปฏิเสธ พร้อมระบุ "ไม่อาจยอมรับได้"
ตะวันตกเรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารราวๆ 100,000 นายออกจากพื้นที่ต่างๆ ใกล้ยูเครน แต่เครมลินตอบโต้ว่าจะประจำการทหารทุกหนทุกแห่งที่จำเป็นในเขตดินแดนของรัสเซีย ทั้งนี้ท่ามกลางความตึงเครียดระดับสูงเกี่ยวกับยูเครน กองทัพรัสเซียได้ทำการซ้อมรบหลายต่อหลายครั้ง ไล่ตั้งแต่อาร์กติกไปจนถึงทะเลดำ
ทหารรัสเซียที่ประจำการในเบลารุสก่อความกังวลแก่ตะวันตกว่ารัสเซียอาจลงมือโจมตียูเครนจากทางเหนือ ในขณะที่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน อยู่ห่างจากชายแดนเบลารุสเพียงแค่ 75 กิโลเมตร
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รัสเซียทำการซ้อมรบร่วมกับเบลารุสหลายต่อหลายครั้ง และได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลศักยภาพติดหัวรบนิวเคลียร์ลาดตระเวนเหนือท้องฟ้าเบลารุสบ่อยครั้ง ในขณะที่เบลารุสนั้นมีชายแดนติดกับสมาชิกนาโต้อย่างโปแลนด์ ลิทัวเนียและลัตเวีย ด้วยเช่นกัน
เมื่อวันเสาร์ (5 ก.พ.) หนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมนี รายงานอ้างว่ารัสเซียตั้งท่าว่าจะโจมตียูเครนจากหลายทิศทาง บุกยึดเมืองใหญ่ๆ และแต่งตั้งรัฐบาลหุ่นเชิด อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างนี้ด้วยความโกรธเกรี้ยว
ท่ามกลางความกังวลที่พุ่งสูงขึ้น เจ้าหน้าที่ยูเครนได้ทำการฝึกซ้อมหลบภัยสำหรับชาวบ้านไปแล้วหลายรอบ และที่คาร์คิฟ เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูเครน ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดนทางใต้ของรัสเซียเพียง 25 กิโลเมตร ชาวบ้านหลายพันคนออกมาเดินขบวนบนท้องถนนในวันเสาร์ (5 ก.พ.) ชูป้ายสีเหลืองน้ำเงิน สีธงชาติยูเครน แสดงความแน่วแน่ที่จะปกป้องเมืองแห่งนี้
ในส่วนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ได้สั่งการให้ทหารอเมริกาเข้าประจำการในโปแลนด์และเยอรมนีเพิ่มเติมอีก 2,000 นาย และย้ายกำลังพล 1,000 นายจากเยอรมนี ไปยังโรมาเนีย เพื่อแสดงถึงพันธสัญญาของสหรัฐฯ ที่มีต่อปีกทางตะวันออกของนาโต้
แต่อีกด้านหนึ่ง เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ส่งสัญญาณว่ามอสโกพร้อมเจรจาเพิ่มเติมกับวอชิงตันและพันธมิตรนาโต้ และส่วนหนึ่งในความพยายามปลดชนวนความตึงเครียดผ่านการทูตระดับสูง ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง เตรียมมุ่งหน้าสู่มอสโกและเคียฟในวันจันทร์ (7 ก.พ.) และวันอังคาร (8 ก.พ.) ส่วนนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ แห่งเยอรมนี จะเดินทางไปยังเคียฟและมอสโก ในวันที่ 14 และ 15 กุมภาพันธ์
บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในวันเสาร์ (5 ก.พ.) พูดคุยทางโทรศัพท์กับมาครง และเผยว่าพวกเขาเห็นพ้องกันว่า ความพยายามหาทางออกในสถานการณ์ปัจจุบันด้วยหนทางด้านการทูตยังต้องเป็นเป้าหมายที่มีความสำคัญที่สุด
(ที่มา : เอพี)