ทักษิณ ชินวัตร บอกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาว่า พอได้แล้วเพราะเป็นพวกเบบี้บูมเมอร์ที่ตกยุค
“ยกมือไหว้เลย ผมรุ่นพี่ยกมือไหว้รุ่นน้องหน่อย พอเถอะท่าน เสียดายบ้านเมือง ให้คนรุ่นใหม่มาทำเถอะ เรามันแก่แล้ว เรามันเบบี้บูมเมอร์ ไม่เข้าใจหรอกว่าเด็กรุ่นหลังคิดยังไง ขนาดผมอ่านหนังสือเยอะ ผมยังว่าผมเข้าใจไม่ลึกซึ้งพอ ท่านนี้ ไม่เลย 7 ปี นี่มาได้พิสูจน์ 3 ป. ท่านตกยุคหมดแล้ว พอแล้ว ที่พูดเพราะผมมีส่วนตั้งพวกท่านมาทั้งนั้น เป็นบาปกรรมผม เล่นกันอย่างงี้ รักษาเก้าอี้แต่บ้านเมืองพัง วันนี้เบบี้บูมเมอร์อย่านั่งเป็นนายกฯ เลย พอแล้ว ให้เจนเอ็กซ์เจนวายทำเถอะ ฝากไว้ เอาแค่นี้ วันนี้สังคมเสียหายไปเยอะ เห็นแก่บ้านเมืองเถอะ เปลี่ยนนายกฯ เหอะ ต้องรุ่นใหม่”
ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าการออกมาพูดในคลับเฮาส์ของทักษิณนั้น ต้องการเอาใจคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะที่กำลังถ่ายทอดอารมณ์อยู่บนท้องถนนและในโซเชียลมีเดีย
แต่การที่ทักษิณพูดเช่นนี้ก็น่าจะตั้งคำถามเหมือนกันว่า คนเกิดก่อนอย่างทักษิณทำไมถึงยังเชื่อมั่นว่าความคิดของตัวเองที่พยายามออกมาพูดเสนอแนะว่าจะต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้จึงไม่ใช่ความคิดเก่า เพราะเป็นคนยุคเบบี้บูมเมอร์เหมือนกัน หรือเป็นเพราะทักษิณเชื่อใช่ไหมว่า ความคิดใหม่เก่าเท่าทันยุคนั้นไม่สามารถตัดสินกันที่ช่วงวัย
วันนี้คนรุ่นใหม่ที่ทักษิณเชิดชูกำลังคิดว่าพวกเขาเท่านั้นที่มีความคิดวิสัยทัศน์ที่จะกำหนดชะตากรรมของประเทศนี้ และประเทศต้องเปลี่ยนไปตามพวกเขาดังใจนึก พวกเขาเชื่อว่าสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นส่วนเกินของระบอบประชาธิปไตย และพวกเขาแสดงออกถึงการท้าทายสถาบันพระมหากษัตริย์มากขึ้น
พรรคก้าวไกลซึ่งคนรุ่นใหม่ส่วนหนึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของคนรุ่นเก่าก็แสดงออกถึงการท้าทายสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีจุดมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนแปลงลดทอนบทบาทและสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ก็แสดงตัวชัดเจนในการสนับสนุนและให้ท้ายการเคลื่อนไหวเพื่อท้าทายสถาบันพระมหากษัตริย์บนท้องถนนประสานไปกับการทำหน้าที่ในสภาฯ
วันนี้มีการพูดถึงครอบครัวปรสิตที่กัดกินประเทศไทยกันอย่างเปิดเผย แต่ซ่อนนัยไปสู่เป้าหมายที่พวกเขาต้องการกระแทกกระทั้นไม่มิด
วันนี้มีการพูดถึงการเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐกันอย่างเปิดเผย และมีการพูดถึงความคิดที่จะแบ่งแยกประเทศกันอย่างเปิดเผย ราวกับว่านี่เป็นเสรีภาพของการแสดงออกอย่างกว้างขวางเสรี ในขณะที่กล่าวหาว่ารัฐจำกัดเสรีภาพและเป็นเผด็จการ
คนรุ่นใหม่ที่ไม่ยอมรับความเป็นไทยและคิดว่าอะไรที่เป็นไทยไทยเป็นเรื่องที่ล้าหลังยังไม่พัฒนา แม้รัสเซลล์ โครว์ ดาราฮอลลีวูดมาโพสต์ชื่นชมไทยก็เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ พวกเขาไม่ภูมิใจประวัติศาสตร์ไทย โดยเฉพาะความผูกพันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติ พวกเขาเอาเรื่องสถานะและบทบาทความรับผิดชอบมาตัดสินว่าความเป็นคนไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งถ้าตัดสินอย่างนั้นความไม่เท่าเทียมกันมันเกิดขึ้นตั้งแต่ในบ้านแล้ว
พวกเขาไม่พอใจใครที่แสดงออกเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์และพร้อมจะเอาทัวร์ไปลง พวกเขาไม่พอใจที่ใครจะร้องเพลงที่แสดงออกที่รักบ้านเกิดเมืองนอน ในขณะที่ตัวเองเรียกร้องเสรีภาพและประชาธิปไตย
ความปรารถนาดีที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไปในแนวทางที่ดีนั้นเป็นเรื่องที่ดีแน่ แต่ไม่ใช่ความเชื่อมั่นว่าความคิดของคนรุ่นเก่านั้นล้าหลังไม่อาจนำพาประเทศได้ ไม่ใช่เรื่องที่ถูกแน่ เพราะคนรุ่นเก่าก็เคยเป็นคนรุ่นใหม่มาก่อน วันนี้ความคิดของคนรุ่นเก่าจึงสะสมประสบการณ์มากกว่า แม้เราจะไม่สามารถตัดสินว่าความคิดของใครถูกผิดด้วยเรื่องของวัยและประสบการณ์ก็ตาม
เมื่อคนรุ่นเก่าก็คือคนที่ผ่านการเป็นคนรุ่นใหม่มาก่อน ดังนั้นคนรุ่นเก่าย่อมรู้ว่าความรุนแรงของไฟที่ร้อนรนของคนรุ่นใหม่นั้นมีดีกรีขนาดไหน ไม่ใช่ว่าคนรุ่นเก่าต้องไม่เห็นด้วยกับคนรุ่นใหม่ในทุกเรื่อง แต่ประสบการณ์และการผ่านชีวิตนั่นต่างหากที่สอนให้คนรุ่นเก่ารู้ว่าความคิดของคนรุ่นใหม่ไม่ใช่ว่าจะถูกต้องไปทุกเรื่อง
วันนี้ดูเหมือนสังคมไทยจะเกิดวิกฤตของคนต่างรุ่น แต่เราเห็นได้ว่า คนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งที่ออกมาท้าทายสังคมและเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงก็ถูกครอบงำโดยคนรุ่นเก่าจำนวนหนึ่งที่ยังมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมคั่งค้างอยู่ในใจมา 40-50 ปี และพยายามยัดเยียดความแค้นฝังใจไปให้คนรุ่นใหม่สืบทอดเป็นมรดกแทนพวกเขา
คนรุ่นใหม่ส่วนหนึ่งเรียกร้องประชาธิปไตย แต่รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ 6 ตุลา ที่คนหนุ่มสาวยุคนั้นถูกครอบงำด้วยลัทธิคอมมิวนิสต์ แต่ไม่ได้รู้สึกกับ 14 ตุลามากนัก เพราะเป็นการเรียกร้องระบอบประชาธิปไตยที่เชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ของคนรุ่นใหม่ในยุคนั้น
คนรุ่นใหม่มีปัญหากับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะถูกปลูกฝังความเชื่อจากนักวิชาการส่วนหนึ่ง แต่ทำเสมือนไม่รับรู้ว่า คนไทยจำนวนมากนั้นยังเคารพศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และคนจำนวนหนึ่งพร้อมจะลุกขึ้นมาปกป้อง คนรุ่นใหม่จึงใช้สิ่งที่อ้างว่าเป็นเสรีภาพกระทำการจาบจ้วงความเคารพศรัทธาของบุคคลอื่น ที่ไม่น่าจะใช่หลักการที่ถูกต้องของประชาธิปไตย
คนรุ่นเก่าไม่ใช่จะมีความคิดเก่าติดตัวมาตามอายุโดยไม่รับรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แต่คนรุ่นเก่าหลายคนที่เคยเป็นคนรุ่นใหม่ในยุค 6 ตุลาและ 14 ตุลา วันนี้มีความคิดและประสบการณ์ที่มากขึ้นและรู้ว่า สิ่งที่จะนำพาสังคมไทยก้าวไปข้างหน้านั้นคืออะไร แต่ไม่มีใครปฏิเสธหรอกว่าสังคมย่อมจะต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและพลวัตที่เคลื่อนที่ไป
แต่ก็ยังมีคนรุ่นเก่าที่เป็นคนรุ่นใหม่ในอดีตที่ยังมีความคิดฝังใจและเคียดแค้นต่อความพ่ายแพ้ รวมถึงพ่อแม่จำนวนหนึ่งที่เป็นคนรุ่นเก่าเคยออกมาต่อต้านระบอบทักษิณและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ วันนี้ออกมายืนข้างลูกที่เป็นคนรุ่นใหม่และเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเองอย่างสิ้นเชิง ผมเห็นหลายคนที่เคยใส่เสื้อเหลืองวันนี้ไปแสดงความเห็นอยู่ท้ายโพสต์ของสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล หรือคนอื่นที่หมิ่นแคลนสถาบัน
ขณะที่คนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งพยายามเปลี่ยนแปลงท้าทายสังคมแบบหักด้ามพร้าด้วยเข่า และจะเรียกร้องให้สังคมเปลี่ยนแปลงให้ได้ดังใจอย่างฉับพลัน แต่เราก็เห็นว่า การต่อสู้บนท้องถนนของพวกเขาเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะอำนาจรัฐและกฎหมายทำหน้าที่ของมัน แต่เราเห็นว่าเป็นเพราะพวกเขาแสดงออกอย่างขาดเหตุผลมากขึ้น
ความจริงแล้วสังคมไทยก็เปลี่ยนแปลงมาตลอด หลายสถาบันปรับตัววิวัฒน์ตัวเองให้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ไม่มีความคิดเก่าใหม่ไหนที่ถูกต้องตายตัวเสมอไป ความคิดของคนรุ่นใหม่อาจจะถูกและผิด เช่นเดียวกับความคิดของคนรุ่นเก่าอาจจะถูกและผิด ซึ่งหมายความว่าถูกและผิดไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นคนรุ่นไหน ถูกก็คือถูก และผิดก็คือผิด
วันนี้คนรุ่นใหม่ในอดีตที่เป็นคนรุ่นเก่าไปแล้วก็หวนย้อนกลับไปในอดีตมองและทบทวนว่าบางสิ่งควรทำและบางสิ่งไม่ควรทำ แต่เราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้แล้ว เช่นเดียวกับความคิดของคนรุ่นใหม่วันนี้ วันข้างหน้าที่กลายเป็นคนรุ่นเก่าก็ต้องหวนย้อนกลับมามองอดีตของตัวเองเช่นเดียวกัน
โลกไม่อยู่นิ่งทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป แต่ใช่ด้วยการหักหาญและเอาให้ได้ดังใจอย่างทันท่วงที
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan