ข่าวปนคน คนปนข่าว
** เมื่อ"ลุงตู่" ให้ทหารเป็น"แม่ทัพปราบโควิด"นำหมออีกแล้ว ศบค.ใต้ส่อซ้ำรอยกทม.
การแพร่ระบาดโควิด-19ในจังหวัดภาคใต้ ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เป็นปัญหาที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตัดสินใจตั้ง "ศบค.ใต้" และเรียกใช้บริการ “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” ที่ปรึกษานายกฯ เจ้าเก่า ให้เป็น ผอ.หรือ "แม่ทัพปราบโควิด"เหมือนที่เคยให้เป็นที่ กทม.
ความนี้ก็เหมือน"เอาทหารมานำหมอ" อีกคำรบ!
งานนี้ ไม่ว่าจะเป็นหมอๆทั้งหลาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวมไปถึงปลัดกระทรวงอื่นๆไปจนถึงผู้ว่าราชการในจังหวัดที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่แค่เป็น"ลูกมือ"ของ "พล.อ.ณัฐพล"แม่ทัพปราบโควิดคู่ใจของลุงตู่ แค่นั้น
สถานการณ์แบบนี้ “ลุงตู่” คิดอะไร เจตนาอะไร? ดูจะสร้างความคลางแคลงใจให้กับพรรคร่วม อย่าง “ภูมิใจไทย” ที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุข อย่างเลี่ยงไม่ได้
เห็นได้จาก"ศุภชัย ใจสมุทร"ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "เรื่องโควิดต้องให้หมอนำ"
โดยอธิบายความว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีโอกาสร่วมคณะไป 4 จังหวัดภาคใต้ คือ สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กับ"หมอหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณาสุข โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงร่วมด้วย เนื่องจากสถานการณ์โควิดค่อนข้างตึงเครียด ซึ่งรอบนี้สาธารณสุขได้นำวัคซีนไฟเซอร์จำนวนหนึ่งล้านโดสไปเพื่อฉีดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และครอบคลุมครบถ้วน และจากการติดตามการร่วมกันทำงานของหน่วยงานในพื้นที่ พบว่า เป็นไปอย่างดียิ่ง พูดได้ว่า "เอาอยู่" อย่างแน่นอนในไม่ช้า
แต่พอกลับมาแค่สองวัน นายกรัฐมนตรีกลับมีคำสั่งจัดตั้ง ศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด - 19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ เพื่อแก้ไขการระบาดของโรคในพื้นที่ปลายด้ามขวาน
การที่ให้นายทหารนั่งหัวโต๊ะ มองว่าลุงตู่กำลังเอาโมเดล "ความมั่นคงต้องมาก่อน" มาใช้กับเรื่องสาธารณสุข ซึ่งเห็นว่ามันไม่เหมาะสม เป็นการนำเอา “การทหารนำการสาธารณสุข” สอดรับกับแนวทาง “การทหารนำการเมือง” ที่ท่านนำมาใช้ในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
เรื่องนี้ปัญหาอยู่หลักคิด ที่ใช้ทหารมานำในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่มีรายละเอียดมาก เกี่ยวกับชีวิต เกี่ยวกับสุขภาพของประชาชน ก็สมควรจะให้หน่วยงาน ที่มีความถนัดเฉพาะทางนั้นขึ้นมานำการทำงาน
หรือถ้าท่านไม่เชื่อมือใครแล้ว ท่านก็ไม่ต้องตั้งหน่วยงานอื่นๆ มานั่งกับท่าน ท่านใส่ชื่อแพทย์ทหารไปได้เลย ท่านจะได้คุมแบบเบ็ดเสร็จ
ตอนนี้ สังคมกำลังมองว่า นี่คือการขยายอำนาจให้ตัวเองของท่าน อย่าลืมว่าประเทศไทย มีกฎหมายสำหรับการควบคุมโรค หลายต่อหลายตัว สามารถปรับใช้ได้เลย โดยไม่ต้องตั้งใหม่ แล้วเอาทหารมาคุมเหมือนที่กำลังทำอยู่
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัด คือเรื่องของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ท่านยังตั้งหน้าตั้งตาใช้อยู่นั้น เอาเข้าจริง สามารถแทนที่ได้ด้วยพ.ร.ก.โรคติดต่อ ซึ่งล่าสุด มีการปรับให้เข้ากับสถานการณ์โรคระบาด แต่ท่านก็ไม่ใช้ ยังจะดึงดันรวบอำนาจไว้ที่ตัวเอง
แล้วที่ผ่านมา การเอาทหารไปนำหมอ เราเคยเรียนรู้ มีประสบการณ์มาแล้ว
เดือนพฤษภาคม 2564 เรามี ศูนย์อำนวยการแก้ไขโควิด-19 พื้นที่ กทม.และปริมณฑล ท่านพล.อ.ประยุทธ์ นั่งเป็น ผอ.ศูนย์ แล้วผลออกมาเป็นอย่างไร ?
จากเรื่องการตั้ง ศบค.กรุงเทพฯ เท่ากับว่า ท่านพร้อมจะให้ทหารนำหมอในทุกพื้นที่ ดังนั้นอย่ามาอ้างว่า ที่ต้องตั้ง ศบค.ชายแดนใต้ เพราะท่านกังวลเรื่องความมั่นคง
พร้อมกับ ติดแฮชแท็ก"#คืนอำนาจให้หมอ" ไว้ในตอนท้าย
เอาเป็นว่า มาถึงจุดนี้ การตั้งศบค.ใต้ แล้วให้ "แม่ทัพคู่ใจ" มามีอำนาจสั่งการ มันมี "ประเด็น" และสิ่งที่ลุงตู่ ต้องเคลียร์ก็คือ
ศบค.โดย"Single Command" ไม่เคยคิดปล่อยวางอำนาจ
ศบค.จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่ออะไร ในเมื่อ ศบค.ใหญ่ ยังอยู่และมีอำนาจเต็ม
ศบค.จังหวัดชายแดนใต้ มีลักษณะเดียวกับ ศบค.กทม. และปริมณฑล ที่เคยล้มเหลวมาแล้ว
ศบค.จังหวัดชายแดนใต้ เป็นการแสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพวกใน ศบค. ไม่มีเจตนาที่จะเลิกศบค. ซึ่งหลายฝ่ายเรียกร้องให้เลิก
การยังคงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งๆ ที่ พ.ร.ก.โรคติดต่อ ผ่านความเห็นชอบของครม. แล้ว แต่ไม่ประกาศใช้ จนกระทั่งจะเปิดสมัยประชุมสภาฯ อีกครั้งหนึ่งแล้ว เป็นการแสดงให้เห็นถึงเจตนาของนายกฯ ที่จะใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มากกว่าพ.ร.ก.โรคติดต่อ
ช่วงเวลาที่ผ่านมา ภาคอีสาน มีการระบาดรุนแรง เช่นกัน แต่ไม่มี ศบค.ภาคอีสาน แต่เมื่อมีสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนใต้ กลับมี ศบค.จังหวัดชายแดนใต้ เลือกปฏิบัติหรือไม่ ?
ศบค.จังหวัดชายแดนใต้ ที่นำโดยอดีตทหารนอกราชการ เป็นแม่ทัพปราบโควิด แล้วให้ปลัดสธ. หมอจำนวนมาก เป็นผู้ปฏิบัติตาม เป็นการแต่งตั้งผิดฝาผิดตัวอีกหรือไม่ จะเข้าใจสถานการณ์หรือไม่ ?
ศบค.จังหวัดชายแดนใต้ ที่มีทหารเป็นผู้นำ จะมีอะไรเป็นหลักประกันจะยุติการระบาดได้ ในเมื่อที่ผ่านมา ศอ.บต. ที่นำโดยทหาร ก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้แม้จะผ่านมาหลายสิบปี
นี่คือประเด็นที่มีความห่วงใยส่งถึงลุงตู่..เกรงศบค.ใต้ จะเละซ้ำรอย กทม. นะจ๊ะ!
** รู้ทั้งรู้ว่าใครเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย แต่จะเอาผิดที่ปล่อยให้ “ทักษิณ”ครอบงำนั้นยาก
พรรคไหนๆ เขาก็มีหัว มีแคนดิเดตนายกฯ กันหมดแล้ว เหลือแต่พรรคเพื่อไทย ที่ยังหาแคนดิเดตนายกฯไม่ได้
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็เลยมีการปล่อยคลิปลับ เป็นบรรยากาศงานเลี้ยงส.ส.และผู้บริหารพรรค เพื่อไทย ที่จัดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ มี “ทักษิณ ชินวัตร” วิดีโอคอล เข้ามาพูดคุยกับส.ส.ด้วย...ไฮไลต์อยู่ในช่วงที่ “เกรียง กัลป์ตินันท์” รองหัวหน้าพรรค แม่ทัพอีสาน จากจ.อุบลราชธานี ได้ถาม “นาย” ทักษิณ ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้ “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ดามาพงศ์ มาเป็นหัวหน้าพรรค สู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
“ทักษิณ” ตอบไปว่า... คุณหญิงพจมาน เป็นคนไม่ชอบการเมือง แต่ที่ผ่านมาตกกระไดพลอยโจน คุณหญิงอาจจะอายุมากไปนะ และถ้าไม่จำเป็นอย่างยิ่งยวด คุณหญิงจะไม่ขอลงการเมือง เพราะไม่ชอบ ปราศรัยไม่ถนัด ไม่ถนัดที่จะพูดต่อหน้าคนเยอะๆ เป็นคนนั่งเป็นประธานในที่ประชุมได้ แต่ว่าไปขึ้นปราศรัย ขึ้นเวทีทักทายประชาชน ทำไม่เป็น...
เป็นอันว่า ทักษิณไม่โอเค เพราะ “หญิงอ้อ” นอกจากจะไม่ใช่ Gen X Gen Y แล้วยังไม่ถนัดที่จะอยู่เบื้องหน้า
ในช่วงท้ายคลิป “ทักษิณ” ยังบอกว่า...ผมมีหลายแนวทาง รับรองว่าแต่ละแนวทางเนี่ย ส.ส.ที่คิดจะออก รับตังค์เขามาแล้ว ต้องเอาตังค์ไปคืน เที่ยวนี้ต้องชนะแลนด์สไลด์ เพราะว่าชนะธรรมดา มันไม่ให้เป็นรัฐบาลหรอก ถ้าแลนด์สไลด์ มันไม่กล้าเป็นรัฐบาล ต้องเอาแลนด์สไลด์ชนิดที่ไม่กล้าเป็นรัฐบาล …
จากคลิปดังกล่าวนี้ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.พลังประชารัฐ ที่เป็นประธานกมธ.กฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร ก็โดดเข้าขย้ำทันที ว่านี่เข้าข่าย ครอบงำพรรคการเมืองจากบุคคลภายนอก มีโทษถึงยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง คณะกรรมการบริหาร เป็นเวลา 10 ปีด้วย
...แต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น แม้คนจะรู้ทั้งรู้ว่า “ทักษิณ” เป็นเจ้าของพรรค ตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย จนถุกยุบไป2ครั้งแล้วมาเป็น พรรคเพื่อไทย … ตั้งแต่ ทักษิณถือสัญชาติไทย กระทั่งไปถือสัญชาติมอนเตเนโกร เวลาภายในพรรคมีปัญหา บรรดาแกนนำก็บินไปหา ถ้าไม่ที่สิงคโปร์ ก็ดูไบ ...กฎหมายก็ยังทำอะไรพรรคเพื่อไทยไม่ได้เลย
ครั้งนี้ก็เช่นกัน “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี มือกฎหมายระดับซือแป๋ มองว่านิยามของคำว่า “ครอบงำพรรคการเมือง” เคยมีเกณฑ์คำวินิจฉัยของศาลรธน.ไว้แล้วว่า คือการเข้าไปใช้อิทธิพล โดยที่ตัวเองไม่มีส่วนได้เสีย ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่เข้าไปชี้นำให้คนอื่นปฏิบัติตาม … แต่คลิปดังกล่าวจะเข้าข่ายครอบงำหรือไม่ ยังไม่ทราบ แต่การพูดคุยเช่นนี้ เป็นการพูดคุยธรรมดา ในลักษณะโยนหินถามทาง หรือหยั่งเสียง...อีกทั้งทักษิณ ก็ออกมาปฏิเสธแล้วว่า คุณหญิงพจมาน พูดไม่เป็น หาเสียงไม่เก่ง แล้วครอบงำอะไร ก็ถือว่าไม่ครอบงำ...สถานที่ที่พูดคุยก็เป็นที่สาธารณะ ไม่ใช่ที่พรรค … หลักฐานแค่นี้ไม่น่าจะนำไปใช้ยื่นยุบพรรคได้
เรื่องยุบพรรคเพื่อไทย มีบรรดานักร้องไปยื่นเรื่องต่อกกต.ไว้หลายกรรม หลายวาระ...ล่าสุดก็กรณีขับ “2งูเห่า” ที่โหวตสวนมติพรรค ทั้งที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้เป็นเอกสิทธิ์ส.ส.ในการออกเสียงลงมติ ...แต่ทางพรรคบอกว่าที่ขับออกเพราะพูดจาให้ร้ายพรรค และมีพฤติกรรมฝักไฝ่พรรคการเมืองอื่น
เชื่อว่าในเร็ววันนี้คงมีผู้ไปร้องเรื่อง “ทักษิณ” ครอบงำพรรค...ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า พรรคเพื่อไทย จะถูกยุบก่อนลงสนามเลือกตั้งหรือไม่ ...หรือใครจะมาเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคนี้