ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หากการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 22 กันยายน ของ “พี่น้อง 3 ป.” เป็นการวัดพลังกันระหว่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ต้องบอกว่า ‘บิ๊กตู่’ โดนน็อกตั้งแต่เสียงระฆังยังไม่ดัง
แพ้ตั้งแต่คนระดม ส.ส.ของบิ๊กตู่ คือ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เพราะเมื่อเทียบไซส์กับ “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐแล้ว โต้โผฝั่ง บิ๊กป้อม ต้องบอกว่า เป็นมวยคนละรุ่น น้ำหนักห่างกันหลายปอนด์ทางการเมือง
การเลือกลงพื้นที่ จ.เพชรบุรี ที่มี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐยกจังหวัด 3 คน ที่ “เสี่ยเฮ้ง” มองว่าจะได้เปรียบ เพราะสามารถระดมพื้นที่ใกล้เคียงที่มีส.ส.ของพรรคอยู่ ไม่ว่าจะเป็นจ.ราชบุรี หรือกาญจนบุรี มาต้อนรับแบบช้างเหยียบนา พญาเหยียบเมือง ไม่ช่วยอะไร
เพราะสุดท้ายแล้ว นาทีนี้หากใช้ส.ส.เป็นมาตรวัดพลังระหว่าง “บิ๊กป้อม” กับ “บิ๊กตู่” อย่างไรฝ่ายหลังย่อมแพ้ราบคาบ เนื่องจากฝ่ายแรกประคบประหงมดูแล ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐเป็นอย่างดีมาโดยตลอด ไม่ใช่เดือดร้อนแล้วเพิ่งจะคิดได้
ขนาด “บิ๊กป้อม” เลือกลงพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จังหวัดที่ไม่มี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐสักคนเดียว แต่ “ร.อ.ธรรมนัส” สามารถระดมพลมาร่วมคณะได้ถึง 55 ราย จากกทม. ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง เรียกว่า แทบจะครึ่งค่อนพรรคไปแล้ว
ขณะที่การลงพื้นที่ จ.เพชรบุรีของ “บิ๊กตู่” นั้น เสี่ยเฮ้ง สามารถระดมพลมาได้แค่ 9 คน ได้แก่ เพชรบุรี 3 คน กาญจนบุรี 3 คน ราชบุรี 2 คน มิหนำซ้ำ ยังมีส.ส.ราชบุรี และกาญจนบุรี บางคน ข้ามฟากมาร่วมคณะ“บิ๊กป้อม” ทั้งที่อยู่ไกลกว่า
อย่างไรก็ดี การที่ส.ส.มาร่วมคณะ “บิ๊กป้อม” จำนวนมหาศาล มากกว่าคณะของ “บิ๊กตู่” หลายเท่า มันยังเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าส.ส.ยังเทใจให้ บิ๊กป้อม อยู่ แม้จะมีข่าวออกมาตลอดว่า 2 ป. ทั้ง บิ๊กตู่ และ บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พยายามจะแทรกซึมเข้ามา เพื่อคานอำนาจในพรรคพลังประชารัฐ
แผนยึดพรรคพลังประชารัฐของ “2 ป.” ไม่ได้ง่าย และดูเหมือนจะไม่ได้มีแค่ “บิ๊กป้อม” ที่ไม่ยอม แต่ ส.ส.เองก็ส่งสัญญาณว่าไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนหัวขบวนใหม่ เพราะของเดิมดีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ยังเป็นแสดงให้เห็นว่า “บิ๊กป้อม” ที่ขาลอยในฝ่ายบริหาร ไม่ได้คุมทั้งกองทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หันไปทุ่มเต็มตัวกับผู้แทน ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ
หากพรรคพลังประชารัฐคือรัฐบาล เท่ากับว่า ตอนนี้ “บิ๊กป้อม” ก็กุมสภาพในสภาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะมี ส.ส.อยู่ในโอวาท พร้อมทำตามนายสั่งทุกคน
ในเมื่อ “บิ๊กตู่” เลือกจะกุมอำนาจฝ่ายบริหารแบบเบ็ดเสร็จเช่นกัน จากการปลด ร.อ.ธรรมนัส และ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากตำแหน่ง
สถานะทางการเมืองคือ “บิ๊กตู่”กุมฝ่ายบริหาร “บิ๊กป้อม”กุมฝ่ายนิติบัญญัติ สองคานอำนาจสำคัญของประเทศ ซึ่งดูเหมือนจะดีหากความสัมพันธ์ของ 3 ป.ยังเหนียวแน่น หากแต่สถานการณ์ปัจจุบันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะมันช่างเปราะบาง
เมื่อเป็นเช่นนี้คนที่เหนื่อยคือ “บิ๊กตู่” เองแม้จะมีอำนาจในฝ่ายบริหารแบบเบ็ดเสร็จ เนื่องจากรัฐบาลจำเป็นต้องยืมจมูกส.ส.หายใจ ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันกฎหมายสำคัญ เรื่อยไปถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ต่อไปการยกมือของส.ส.ในกฎหมายสำคัญ หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจจะมี ‘ค่าบริการ’ เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา หากช่วงนั้นพี่น้อง 3 ป.อยู่ในสภาวะพ่อแง่แม่งอน
อย่างเรื่อง พ.ร.ก.โรคติดต่อ ที่ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากไม่ผ่านสภา ตามธรรมเนียมปฏิบัติรัฐบาลจะต้องลาออกเพื่อรับผิดชอบ แน่นอนว่า หากจะคว่ำ “บิ๊กตู่”ออกจากตำแหน่งจริง ไม่ยากเลย หากมีการไฟเขียวให้ส.ส.ลงมือคว่ำกลางสภา ซึ่งดูแล้วกฎหมายนี้มีสิทธิ์จะคิด ‘ค่าบริการ’ ยิ่งในช่วง ส.ส.กำลังเนื้อหอม เป็นที่ต้องการของฝ่ายผู้แสดงพลัง
แต่มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะใช่ว่า “บิ๊กตู่” จะไม่มีของในมือ เพราะคนเดียวในตอนนี้ที่จะทำแท้งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ บัตรสองใบได้คือ บิ๊กตู่ รวมไปถึงอาวุธเด็ดอย่างการ ‘ยุบสภา’ แยกย้ายตัวใครตัวมัน ซึ่งมันคงไม่เกิดขึ้น เพราะหากยุบสภาตอนนี้รับรองตายยกแก๊ง
ดูแล้ว จุดมุ่งหมายน่าจะไว้ถ่วงดุลอำนาจกันและกัน ให้มีเครื่องมือต่อรองระหว่างพี่กับน้อง ไม่ให้ใครมีอำนาจเบ็ดเสร็จไปทั้งสองทาง จนตัวเองต้องเปล่าเล่าเปลือย
เกมแทงกัน ไม่ว่าจะเป็นการรื้อคดีต่างๆ ใน ป.ป.ช. ออกมาในช่วงที่ผ่านมา คงกระเซ้ากันพอหอมปากหอมคอแล้ว เพราะหากเลยเถิดไปถึงขั้นเอาจริง มันอาจตายคู่
แต่ช็อตต่อไปที่จะชี้ชะตาว่า พี่กับน้องประสานงากันจริงหรือไม่ น่าจะเป็นการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แทนที่ว่าง 2 ตำแหน่ง ซึ่งเก้าอี้ของ ร.อ.ธรรมนัส และ นฤมล เป็นโควตาของพรรค หาก บิ๊กตู่ ต้องการเลือกคนของตัวเอง หรือริบมาเป็นโควตากลางถือว่า แตกจริง
ดูแล้ว “บิ๊กตู่” น่าจะยอม “บิ๊กป้อม” ให้ส่งคนในพรรคมาเป็น และเพื่อไม่ให้ ส.ส.ที่ตัวเองต้องการดึงมาเป็นพวกบ้างไม่พอใจ จนขาลอยไปกันใหญ่กว่าเดิม เพียงแต่อาจจะต้องขอร่วมสแกน ไม่เอาประเภทเดียวกับ ร.อ.ธรรมนัส หรือ นฤมล เข้ามาอีกให้ระหองระแหง
อีกทั้ง บิ๊กตู่ เพิ่งหักหาญน้ำใจ บิ๊กป้อม ด้วยการปลดมือซ้าย มือขวาออกไป จนพี่ใหญ่เคือง คงไม่กล้าขยี้แผลเดิม ด้วยการขืนใจทำอะไรให้พี่เจ็บช้ำน้ำใจอีก
แต่กระนั้นก็น่าสนใจว่า บิ๊กป้อม จะเอาใครมาแทน เพราะหากเป็นคนในสาย ร.อ.ธรรมนัส ตรงนี้ก็เหมือนสวนหมัดใส่น้องรักเหมือนกันว่า จะกล้าขัดใจอีกหรือไม่
เกมปรับ ครม.เที่ยวนี้นี่แหละจะได้เห็นว่า พี่น้องยังรักจนวันตายเหมือนอย่างที่ บิ๊กป้อม พูดหรือไม่