ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เขี่ย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ พ้นรัฐบาล ถือว่าเป็นการเอาคืนที่ถูกแทงข้างหลัง จากศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่รุ่นน้องอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ฝากเอาไว้กลางหลังรุ่นพี่อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์
บรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรีเต็มคณะเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา มันตอกย้ำให้เห็นภาพแห่งความอึมครึม และรอยร้าวที่คนที่อยู่ในอาณาบริเวณนั้นยังสัมผัสได้
และนั่นหมายถึงพรรคพลังประชารัฐ จะไม่มีวันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก เส้นทางหลังจากนี้คงไม่มีอะไรราบรื่น หรือชื่นมื่น ต่อให้พยายามจะสมานก็ตาม
วันนี้มันเด่นชัดว่า ถูกแบ่งออกเป็น 2 ทีม ระหว่าง ทีมลุง ป. กับ ลุง ต.
ทีม “ลุง ป.” บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เข้านอกออกในมูลนิธิป่ารอยต่อฯ รับประทานอาหาร ปรึกษางานราษฎร์ งานหลวง เหลือแค่กลุ่ม 3 ช. นำโดย ร.อ.ธรรมนัส “เสี่ยปาน” วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน
ขณะที่ “ทีมลุง ต.” บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนใหญ่เป็นก๊กที่อยู่ตรงข้ามกับ 3 ช. ทั้งสิ้น นำโดย กลุ่มสามมิตรของ “เดอะซัน” สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผนึกกำลังกับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง
โดยเฉพาะ 2 รายหลัง ที่ล้วนเป็นโจทก์ของกลุ่ม 3 ช. โดยเฉพาะสันติ อดีตแกนนำกลุ่ม 4 ช. ที่วันนี้แยกตัวออกมา เพราะมีปัญหากับร.อ.ธรรมนัส
จากคนเคยรัก ผนึกกันแน่น ลงทุนรีโนเวต ตึกรัชดา วัน ตรงข้ามศาลอาญา ให้เป็นที่ทำการพรรคพลังประชารัฐแห่งใหม่ โอ่อ่า โอ่งโถง สมกับเป็นพรรคเบอร์หนึ่ง วันนี้เจอหน้ากันต่างคนต่างมองไม่เห็น
นอกจาก 5 รัฐมนตรีที่แสดงตัวชัดๆ ว่าเป็นปฏิปักษ์ 3 ช.ในพรรคพลังประชารัฐ อีก 2 ราย ก็เหมือนจะอิงๆ มาทางทีม “ลุง ต.”เหมือนกัน แม้คนผลักดันให้เป็นเสนาบดีคือ “ลุง ป.”
รายแรก “หนูเหน่ง” ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ คนสวยเมืองสระแก้ว แม้จะไม่ถูกลากขึ้นไปรับน้องใหม่ในเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่เจอปฏิบัติการเลื่อยขาเก้าอี้เหมือนกัน หลังบางคนในพรรคพลังประชารัฐ ต้องการใช้กลไกกระทรวงศึกษาธิการเป็นเครื่องไม้เครื่องมือทางการเมือง แต่ว่ากันว่า เสมา 1 ปฏิเสธ ยกประกาศิต ลุง ต. “ไม่ให้” คำเดียว ทำเอาคนในพรรคถึงกับยัวะ
อีกรายคือ “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) คนนี้สายป่านดี ระดับทุนใหญ่ของรัฐบาล แต่เป็นหนูตกถังข้าวสาร ได้เป็นเสนาบดีครั้งแรกในชีวิตได้ เพราะ “ลุง ป.” แต่ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ทำให้รู้เช่นเห็นชาติ คนไหนมิตร คนไหนศัตรู ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับ บิ๊กตู่
เลยทำให้ต้องมาอยู่กับ ทีมลุง ต.กับเขาด้วย
เอาจริงๆ ทีม ลุง ต. ก็คือ ทีม ลุง ป.ในอดีต แต่ที่ต้องปลีกมาอยู่ฝั่งนี้ เพราะไม่มีทางเลือก เนื่องจากระยะหลังเข้าไม่ถึง ลุง ป. เพราะอีกทีมคอยล้อมหน้าล้อมหลัง นั่งเฝ้า ไม่ใช่ใครจะเข้าพบง่ายๆ
ทีมนี้กลายเป็นลูกนอกไส้ไปโดยปริยาย ไม่มีส่วนในการตัดสินอะไร เพราะอีกทีมได้รับความไว้วางใจมากกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีทางเลือก นอกจากหันมาแพ็กกันเองเพื่อเป็นเกราะคุ้มกัน
ประจวบเหมาะกับศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา “บิ๊กตู่” ตกอยู่ในสภาพขาลอย ไม่มีส.ส.ค้ำยัน เพราะหันไปอยู่ฝ่ายโค่นล้มกันหมด มันเลยเปิดโอกาสให้ก๊กนี้สร้างผลงาน ซื้อใจนายกฯ คนที่ขึ้นชื่อว่าเข้าถึงยาก
“รัฐมนตรี ฮ.” ที่ ร.อ.ธรรมนัส เปรียบว่า เป็นไอ้ห้อยไอ้โหน ขันอาสารวบรวมระดมพล ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ ที่ยังรักลุง ต. พากันต่อแถวขึ้นไปพบผู้นำเบอร์หนึ่ง ของประเทศ เพื่อให้กำลังใจ
เช่นเดียวกับ “สันติ” ที่ตัดสินใจแยกทาง 4 ช. เพราะผิดหวัง ที่อดีตมิตรรักไม่ทำตามสัญญา อดนั่งเก้าอี้เลขาธิการพรรค ทั้งที่อุตส่าห์ลงทุนให้ใช้ตึกทำที่การพรรค รอบที่ผ่านมา กลายเป็นตัวชูโรงทีม ลุง ต. กะเกณฑ์ส.ส.ไปกำลังใจ บิ๊กตู่ กันเอิกเกริก ล้นห้องรับรองชั้น 3 อาคารรัฐสภา จนเป็นข่าวโด่งดัง กลบเนื้อหาการอภิปรายไม่ไว้วางใจกันทีเดียว
ต้องบอกว่า ช็อตเลือกยืนอยู่ข้างคนเสียเปรียบ ตัวเปล่าเล่าเปลือยอย่าง “บิ๊กตู่” มันซื้อใจผู้นำประเทศในวันที่ใครๆ ก็ไม่รักไปได้เยอะ
บิ๊กตู่ ก่อนหน้านี้แทบจะปิดประตูล็อกกลอน ยากที่ส.ส.นักการเมืองจะเข้าพบเป็นการส่วนตัวได้ยาก มีรัฐมนตรีในรัฐบาลเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทำได้ แต่เมื่อวันจันทร์รถยนต์ส่วนตัว สันติ ไปเทียบยันเรือนชานตึกไทยคู่ฟ้า เดินขึ้นบันไดแบบไม่ต้องผ่านใครเลย
แต่ก่อน สันติ ทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะจัดเป็นคนที่ค่อนข้างห่าง แต่หลังร่วมรบกันมาในศึกซักฟอก กลายเป็นคนที่นายกฯให้เข้าพบได้โดยตรงแล้ว
ก่อนหน้านี้ ตอนยังอยู่ 4 ช. เคยมีข่าวว่า สันติ อยากเป็นรมว.คลัง แต่ บิ๊กตู่ ไม่เอา เพราะตั้งแท่น สร้างกำแพงกันนักการเมืองไว้สูง แต่หากมีการปรับ ครม.หลัง ปลด “ธรรมนัสกับเจ๊แหม่ม” รอบนี้ ไม่แน่เหมือนกัน
บิ๊กตู่ เป็นประเภทจำฝังใจ อย่างน้อยๆหากไม่ได้ รมว.คลัง ก็มีลุ้นยกระดับจาก รมช.เป็น รมว. ในกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งก็ได้
พอๆกับกลุ่มสามมิตร ที่ก่อนหน้านี้ผวาจะโดนหั่นโควตารัฐมนตรี เพราะได้ไปถึง 3 ตัว แต่งวดนี้ออกโรงช่วย บิ๊กตู่ เต็มตัว ไม่ได้เพิ่ม แต่ก็อุ่นใจมากขึ้น ลุ้นของเก่าอยู่ครบ
ตามประสาสงครามที่ต้องมีแพ้ มีชนะ ใครแทงหวยถูก ก็เริงร่ากันไป ใครแพ้ก็ต้องทำใจ เพราะมันมีราคาที่ต้องจ่าย