ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ได้เห็นบารมีของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แบบเป็นเนื้อเป็นหนังที่สุด
6 รายชื่อที่ถูกฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่นับ “บิ๊กตู่” มีคนระดับหัวหน้าพรรคการเมือง และเลขาธิการพรรคการเมือง ในพรรคร่วมรัฐบาล มาครบหมด
“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ “เสี่ยโอ๋” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย พรรคนี้โดนกันทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ งวดนี้ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรครอด แต่ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคไม่รอด
ส่วนฟากฝั่งพรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรครอดหมด แต่หวยไปออกแกนนำที่ไม่ใช่ระดับคีย์แมน อย่าง “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่โดนซักฟอกเบิ้ลสองรอบ กับ “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่เพิ่งจะนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีปราบเฟกนิวส์ ได้ไม่กี่เดือน
ว่ากันตามเนื้อผ้า ต่อให้สอย “เสี่ยเฮ้ง – เสี่ยโอ๋” จากค่ายพรรคพลังประชารัฐ ร่วงจากเก้าอี้ได้ นอกจากไม่กระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล เผลอๆ คนในพรรคจะแอบดีใจเอา เพราะเก้าอี้ว่างตั้ง 2 ตัว ถึงเวลาถัวเฉลี่ยโควต้า เปิดโอกาสให้คนอื่นๆในพรรคได้ลืมตาอ้าปาก นั่งเป็นเสนาบดีครั้งหนึ่งในชีวิตกับเขาบ้าง
ส่วน “บิ๊กตู่” ที่ถูกลากขึ้นสังเวียน ถือเป็นเรื่องปกติของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องเป็นของขึ้นห้าง ลากมาขึ้นเขียงเรียกแขก ตะโกนหาคนดูในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่สุดท้ายตอนยกมือ อย่างไรต้องรอดอยู่ดี เพราะหากนายกฯอยู่ไม่ได้ รัฐบาลก็ไปกันยกครัวเหมือนกัน
อย่างไรก็ดี การไร้ชื่อ พล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส โดยเฉพาะคนแรกกำลังกลายเป็นประเด็นดรามา ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล เพราะฝ่ายหนึ่งยืนยันว่า คุยกันแล้วว่าจะไม่ยื่นซักฟอก แต่อีกฝ่ายบอกว่า ส่งชื่อไปแล้ว แต่กลับไม่มีปรากฏ
“ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า ส่งชื่อ “บิ๊กป้อม” ไปในเดดไลน์ส่งสุดท้าย แต่ “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ประกาศท้าแม่บ้านพรรคก้าวไกล ดีเบตผ่านหน้าสื่อว่า พูดให้คนอื่นได้ยิน ว่าข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างไร
ไม่รู้ใครพูดจริง ใครโกหก แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว ต้องมีสักคนพูดปดต่อหน้าประชาชน แต่ที่แน่ๆ ที่พิสูจน์ได้ การไร้ชื่อ พล.อ.ประวิตร และ ร.อ.ธรรมนัส มันตอกย้ำกันชัดๆ ว่า นี่คือ 2 ผู้มากบารมีในเวทีการเมืองชั่วโมงนี้
พล.อ.ประวิตร เป็นรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ดูแลหลายกระทรวง รวมถึงรัฐมนตรี 2 คนของพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกยื่นซักฟอก มีเรื่องให้ชำแหละเพียบ แต่กลับไม่มีชื่อ อีกทั้งการไล่ขยี้ พล.อ.ประวิตร ดูจะถูกอกถูกใจแฟนคลับ การไม่มีอยู่ในสังเวียนซักฟอก คงดูจืดชืด ไม่น่าสนใจ
ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส รายนี้แม้ช่วงขวบปีผ่านมานี้จะไม่มีเรื่องอะไรให้อื้อฉาว แต่ระดับพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล หากจะขุดแผลเก่าเอามาเขย่าใหม่ ฉายซ้ำ ขย้ำแผล ให้นอกสภาสะใจ ย่อมต้องลากขึ้นมากระซวกได้เหมือนกัน แต่ไม่แน่อาจถูกกระแสตีกลับมาขายของเก่า
การไม่มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส มันยังตอกย้ำเรื่องบารมีการเมืองที่เบ่งบาน กว้างขวาง เป็นระดับ บิ๊กบราเธอร์ทางการเมือง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ที่ว่ากันว่า มีแต่คนเกรงใจ
ในฐานะอดีตคนพรรคเพื่อไทย สนิทชิดเชื้อแกนนำทุกระดับ ตั้งแต่หัวยันหาง แม้แต่ “นายห้างดูไบ” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่เคยด่าให้ได้ยิน
ด้วยสไตล์ใจถึง พึ่งได้ ของแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ให้การช่วยเหลือหมด ไม่ว่าจะคนในพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย เอาเพื่อน เอาพวก ไม่มีแบ่งค่าย ทรงนักการเมืองรุ่นเก๋า แบบนกมีขน คนมีพวก มันเลยกลายเป็นการสร้างบารมี ไปในตัว
งานต่างๆในพรรคทุกวันนี้ “บิ๊กป้อม” แทบจะยกอำนาจบริหารให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะไว้วางใจ เชื่อมือ ว่าจะทำงานแทนได้ ไม่ต้องเหนื่อยมาถึงระดับหัว
และไม่ได้ยิ่งใหญ่แค่ในวงการนักการเมือง แต่ลามไปในทุกแวดวง ทั้งแวดวงราชการ ทหาร ตำรวจ เรื่อยไปถึงภาคเอกชน
มีคนพูดว่า ถ้าไม่ติดเรื่องภาพลักษณ์ ชนักในอดีต เผลอๆจะใหญ่โตกว่านี้หลายเท่า !!
รอบนี้ถือว่า ยิงปืนนัดเดียวยังได้นกสองตัว นอกจากเป็นการพิสูจน์ให้เห็นความเป็นผู้มากบารมีของ “บิ๊กป้อมและร.อ.ธรรมนัส” ยังได้ผลพวงทางอ้อม เพราะการไม่มีชื่อถูกซักฟอก ได้กลายเป็นความขัดแย้งรอบใหญ่ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล
ตีกันออกสื่อ แย่งซีนเนื้อหาศึกซักฟอกทั้งหมด ทำให้คนหันไปจับจ้อง ประเด็นความขัดแย้งของสองแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านมากกว่า
เพราะเป็นการเอาขยะใต้พรมออกมาให้ทุกคนได้เห็น ว่าสองพรรคร่วมฝ่ายค้านเองก็มีปมในใจ ไม่ได้สมัครสมานสามัคคีกัน ว่ากันตรงๆ ทุกวันนี้ใช้แค่ชื่อ พรรคร่วมฝ่ายค้าน ร่วมกันเท่านั้น นอกนั้นเดินกันคนละทางหมด
ตั้งแต่คิวตัดงบ 1.6 หมื่นล้านบาทในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ได้ แต่กรรมาธิการพรรคเพื่อไทย กลับไปช่วยกรรมาธิการฝ่ายรัฐบาลโหวต ให้เอางบตัวนี้ไปไว้ในงบกลาง จนเหมือนกับการตีเช็คเปล่าให้รัฐบาล จนกรรมาธิการพรรคก้าวไกลออกมาโวย
ทุกวันนี้พรรคก้าวไกลนอกจากทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ยังทำหน้าที่ตรวจสอบพรรคเพื่อไทยด้วย สร้างความอึดอัดใจในการอยู่ร่วมกัน ไม่แปลกที่รอบนี้จะปะทุอีกครั้ง เพราะคนมันมีแผลในใจกันอยู่
แต่คนที่ได้เนื้อๆ เน้นๆ ก็เป็นรัฐบาลนั่นแหละ ยิ่งฝ่ายค้านตีกันเท่าไหร่ รัฐบาลก็สบายตัวไปอีก