วันนี้...คงต้องขออนุญาตแวะไปที่ประเทศญี่ปุ่น ยุ่นปี่ กันอีกสักรอบ เพราะอย่างน้อย...การตัดสินใจ “เสี่ยง” เดินหน้าเป็นเจ้าภาพมหกรรม “โตเกียว โอลิมปิก-2020” ได้อย่างตลอดรอดฝั่งคราวนี้ ก็อาจถือเป็นการช่วยให้บรรดาชาวโลก ที่กำลังอยู่ในระหว่างหดหู่ แห้งเหี่ยว กันชนิดแทบจะทั่วทั้งโลก เนื่องจากการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด ที่ยังมาแรงแซงโค้ง ไม่คิดจะเหี่ยวปลายลงไปซักกะที พอได้เกิดความซู๊ดๆ ซ๊าดๆ ซี๊ดๆ ซ๊าดๆ มากบ้าง-น้อยบ้าง ไปตามสภาพ อันต้องถือเป็น “คุณูปการ” ชนิดหนึ่ง ที่มิอาจปฏิเสธได้เลย...
แต่ก็นั่นแหละ...การได้รับเกียรติ ได้รับความเชื่อ ความไว้วางใจ ให้มีฐานะเป็น “เจ้าภาพ” โอลิมปิกนั้น มันอาจผิดแผกแตกต่างไปจากการถูกหวยรางวัลที่ 1 หรือเลขท้าย 3 ตัว อยู่พอสมควรเหมือนกัน เพราะโดยบางครั้ง บางครา หรืออาจหลายครั้ง หลายครา สิ่งที่ตามมาภายหลังการดำรงฐานะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก อาจถึงขั้นส่งผลให้ประเทศนั้นๆ ออกอาการ “หลับกลางอากาศ” หรือ “ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี” เอาง่ายๆ ก็พอจะเห็นๆ กันอยู่ อย่างเช่น ประเทศกรีซ ที่หวิดๆ จะถูก “ถีบ” ออกจากความเป็นประเทศยูโร อันเนื่องมาจาก “วิกฤตการเงิน” ซึ่งเริ่มก่อตัวขึ้นมาเพราะการทุ่มทุน ทุ่มเท ให้กับการเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาโอลิมปิก เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว หรือเมื่อปี ค.ศ. 2004 นั่นเอง...
แต่สำหรับประเทศญี่ปุ่น ยุ่นปี่นั้น...ในเรื่องเงินๆ-ทองๆ อาจไม่ถึงกับเป็น “ปัญหา” แม้เศรษฐกิจจะตกสะเก็ดมานานเต็มที แต่ด้วยความเป็นประเทศที่รวยไม่เสร็จมาโดยตลอด การรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ไม่ว่าจะขาดทุน ขาดคนดู หรือขาดสปอนเซอร์ ฯลฯ ไปถึงขั้นไหน อาจต้องถือเป็นเรื่อง “ชิวๆ” (ชิลๆ) ไม่ถึงกับต้องหยิบมาคิดมาก หรือคิดเล็ก-คิดน้อยมากมายสักเท่าไหร่ คือยังไงๆ...คงไม่ถึงขั้น “อดตาย” อยู่แล้วแน่ๆ แต่ก็อย่างว่า...นอกเหนือไปจากเรื่องเงินๆ-ทองๆ แล้ว มันยังมีเรื่องของสุขภาพ หรือเรื่องของการ “ป่วยตาย” ที่จะไม่เก็บเอามาคิดไว้บ้างเลย...คงมิได้!!! โดยเฉพาะในช่วงที่ท่านเชื้อไวรัสโควิด ท่านยังคงมาแรงแซงโค้ง ยังคงแพร่ระบาดไปทั่วทั้งโลก แถมยังสามารถวิวัฒนาการกลายพันธุ์ ปรับสภาพ ปรับตัวเอง ให้มีฤทธิ์ มีเดช ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ว่า “วัคซีน” ตัวไหนต่อตัวไหน ต่างแทบ “เอาไม่อยู่” ไปด้วยกันทั้งสิ้น...
อันนี้นี่แหละ...ที่มันอาจก่อให้เกิดอาการ “หงายท้องตึง” หรือ “หลับกลางอากาศ” เอาง่ายๆ โดยเฉพาะเมื่อลองนับจำนวนของบรรดา “ผู้ติดเชื้อ” สะสมในประเทศญี่ปุ่นทุกวันนี้ ที่พุ่งทะลุ “หลักล้าน” ไปเรียบร้อยแล้ว เฉพาะแค่ในเมืองหลวงอย่างกรุงโตเกียว จำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวัน พุ่งพรวดๆ พราดๆ ไปถึงวันละ 5,042 ราย เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (5 ก.ค.) ที่ผ่านมา ส่วนเขตจังหวัดรอบนอก จำนวนตัวเลขการแพร่ระบาดก็พุ่งกันในระดับ “ติดจรวด” เอาเลยก็ว่าได้ เช่นที่ “Kanagawa” ตัวเลขผู้ติดเชื้อภายในวันเดียว พุ่งขึ้นไปถึงกว่า 2,000 ราย หรือเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หรือช่วงก่อนที่จะเริ่มเดินหน้ามหกรรมโอลิมปิกอย่างเป็นทางการ ไม่ต่างไปจาก “Osaka” เมืองใหญ่เป็นอันดับ 3 และมีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น จำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวันเพิ่มขึ้นเป็น 1,310 คน แถมโดยส่วนใหญ่...ต่างก็เป็นเชื้อไวรัสสายพันธุ์ “เดลตา” ที่ส่งตรงมาจากนอกประเทศด้วยกันทั้งสิ้น...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...การเปิดช่อง เปิดโอกาส ให้ใครต่อใครแห่เข้ามาในประเทศญี่ปุ่น นับเป็นหมื่นๆ แสนๆ เพื่อเข้ามาร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ในรูปไหน ฐานะไหน ก็แล้วแต่ มันอาจพอๆ กับการเปิด “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” อะไรประมาณนั้น หรืออาจหนักไปกว่านั้น ยิ่งเมื่อช่วงวันศุกร์ (6 ส.ค.) ที่ผ่านมา เว็บไซต์ข่าวยอดฮิตของอเมริกา ชื่อว่า “The Daily Beast” ที่ชอบลงข่าวประเภทหวือๆ หวาๆ ก็ดันไป “ปูดข่าว” หรือเผยแพร่ “รายงานข่าว” ที่อ้างเอามาจากแหล่งข่าวภายในหน่วยงานด้านสาธารณสุขของญี่ปุ่นเอง คือ “National Institute of infectious Diseases” หรือ “NIID” ว่าได้แจ้งรายงานไปยังกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น ถึงการตรวจพบเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ล่าสุด ที่ออกจะ “อันตราย” เอามากๆ นั่นก็คือสายพันธุ์ “Lambda” ก่อนหน้าที่จะเปิดมหกรรมโตเกียวโอลิมปิกแค่ประมาณ 3 วันเท่านั้นเอง ที่สนามบิน “Haneda” อันเนื่องมาจาก “นักกรีฑา” สุภาพสตรีชาวอเมริกันรายหนึ่ง ได้พกเชื้อตัวนี้ติดตัวเข้ามา หลังจากเคยเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศเปรู อันเป็นแหล่งเพาะเชื้อ แพร่เชื้อ ก่อนบินตรงมายังญี่ปุ่นในอีกไม่นาน-ไม่ช้า...
แต่ก็ด้วยเหตุเพราะความต้องการที่จะเดินหน้ามหกรรมโตเกียวโอลิมปิก ให้สำเร็จลุล่วงลงไปให้จงได้ กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น เลยตัดสินใจที่จะไม่เปิดเผยข่าวคราวดังกล่าวต่อสาธารณชน ให้เป็นที่รับรู้ รับทราบ ในช่วงขณะนั้น แต่กลับยืดเวลาออกไปประมาณ 2 สัปดาห์เป็นอย่างน้อย ถึงจะออกมายอมรับ ว่าเชื้อไวรัสสายพันธุ์ “Lambda” ได้บุกเข้ามาถึงประเทศญี่ปุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกลับพยายามหันมาสร้างความมั่นอก มั่นใจ ว่าเชื้อโรคดังกล่าว ได้ถูกกักเอาไว้ที่จุดตรวจภายในสนามบิน ไม่มีโอกาสเล็ดรอด เข้ามาสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้า หรือความเจ็บป่วยให้กับชาวญี่ปุ่น ยุ่นปี่ ได้อยู่แล้วแน่ๆ แต่ก็นั่นแหละ...การ “ปิดข่าว” หรือการ “ยืดเวลา” ในการเปิดเผยออกไป ย่อมก่อให้เกิดความ “หวาดเสียว” ได้หนักซะยิ่งกว่า การลุ้นเหรียญทอง เหรียญเงิน ประเภทต่างๆ ในมหกรรมโอลิมปิกเที่ยวนี้ ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...
หรือทำให้ตัวเลขการติดเชื้อ...ที่พุ่งทะลุไปแล้วกว่า 1 ล้านคน แถมยังทำ “นิว-ไฮ” ในแต่ละวัน ไม่ว่าในเมืองหลวง หรือในเขตรอบนอก ส่งผลให้ผู้สื่อข่าวญี่ปุ่น หนีไม่พ้นต้องหันไปตั้ง “คำถาม” กับนายกรัฐมนตรี “นายโยชิฮิเดะ ซูงะ” (Yoshihide Suga) ว่าจะถึงขั้นต้องประกาศมาตรการควบคุมตลอดไปทั่วทั้งประเทศกันเลยหรือไม่? อย่างไร? รวมทั้งจะยังกล้า “เสี่ยง” เดินหน้ามหกรรมกีฬาคนพิการ อย่าง “พาราลิมปิก-2020” ที่ญี่ปุ่นมีฐานะเป็นเจ้าภาพ ในวันที่ 24 สิงหาคม ไปจนถึงวันที่ 5 กันยายน กันอีกด้วยหรือเปล่า??? เล่นเอาผู้นำญี่ปุ่นหนีไม่พ้นต้องงึมๆ งัมๆ อมสากกะเบือเอาไว้ประมาณครึ่งด้าม ก่อนตอบคำถาม หรือออกอาการ “ลิ้นพันกัน” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน...
คือต้องยอมรับว่า...แม้ว่าประเทศญี่ปุ่นเขาจะรวยไม่เสร็จ หรือไม่ใช่รวยเพียงแค่ “มะเขือ” แต่ในแง่ของการควบคุม ป้องกัน การแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิดนั้น อาจยังไม่ถึงกับเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เหมือนประเทศเผด็จการอย่างคุณพี่จีน มากมายสักเท่าไหร่ และแม้แต่ประเทศประชาธิปไตยประเภทรวยๆ ด้วยกัน อย่างประเทศในยุโรปและอเมริกา เมื่อเปรียบเทียบจำนวนการ “ฉีดวัคซีน” เข็มแรกของชาวญี่ปุ่นทุกวันนี้ ก็ไปได้เพียงแค่ 36 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากรเท่านั้นเอง ไม่ได้มีโอกาสเก็บกักวัคซีน เอาไว้ฉีด เอาไว้อาบ เหมือนอย่างบรรดาประเทศซีกโลกเหนือทั้งหลาย อีกทั้งโดยตัววัคซีนเอง ไม่ว่าจะระดับ “วัคซีนเทพ” หรือ “วัคซีนธรรมดา” ก็เถอะ ดูจะไม่ได้ให้คำตอบแบบเบ็ดเสร็จและเด็ดขาด ว่าจะสามารถคุ้มครอง ป้องกัน การติดเชื้อและแพร่เชื้อของเชื้อไวรัสโดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่ๆ อย่างสายพันธุ์ “Delta” ได้แบบจริงๆ จังๆ ยิ่งเป็นสายพันธุ์ “Lambda” ด้วยแล้ว แม้แต่นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ก็อดไม่ได้ที่จะออกมายืนยันไว้ในเอกสารรายงานอย่างเป็นทางการว่ามี “ศักยภาพที่จะคุกคามต่อสังคมมนุษย์” ได้รุนแรงและร้ายแรงยิ่งกว่าสายพันธุ์อื่นๆ รวมทั้งยังเป็นตัวเพิ่มอุปสรรคให้กับระบบป้องกันของวัคซีนในแต่ละตัวอีกด้วย...
ดังนั้น...การเปิดช่อง เปิดบ้าน เปิดเมือง แบบชนิด “ญี่ปุ่นแซนด์บ็อกซ์” เพื่อรองรับมหกรรมโตเกียวโอลิมปิกคราวนี้ แม้จะก่อให้เกิด “คุณูปการ” ต่อชาวโลกทั้งหลายเพียงใดก็ตาม แต่ภายใต้ “การเลือกตั้งทั่วไป” ของญี่ปุ่น ที่กำลังจะมาถึงไม่เกินเดือนตุลาคมปีนี้ เผลอๆ...อาจส่งผลให้พรรคการเมืองเก่าแก่ของญี่ปุ่น อย่างพรรค “LDP” (Liberal Democratic Party) ของนายกรัฐมนตรี “ซูงะ” หรือ “ซูกะ” ถึงขั้น...ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี เอาง่ายๆ ก็ไม่แน่!!! ทำไงได้...ในเมื่อบรรดาชาวญี่ปุ่นด้วยกันเอง ได้เคยออกมา “เตือน” ไว้แล้วล่วงหน้า ว่าความพยายามดิ้นรนจัดมหกรรมโอลิมปิกของญี่ปุ่นเที่ยวนี้ แทบไม่ต่างอะไรไปจากการ “ฮาราคีรี” ตัวเอง...นั่นเอง...