วันนี้...คงต้องขออนุญาต “ตามไปดู” กรณีเรือสินค้าอิสราเอลถูกถล่มไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตามที่ได้เคยเกริ่นไว้ล่วงหน้าเมื่อสองวันมานี้ คือแม้ว่าเรื่องการ “ยิงกันไป-ยิงกันมา” การแอบถล่มเรือในแต่ละลำระหว่างคุณทวดอิสราเอลและคุณปู่อิหร่านนั้น อาจถือเป็นเรื่องประเภท “เสือล้างสิงห์-เจอลิงล้างก้น” หรือถือเป็นการ “แก้แค้น-เอาคืน” แบบแทบเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปแล้วก็ว่าได้...
อย่างที่รองประธานสภาฯ อิหร่าน “นายEshaq Jahangiri” ท่านออกมาพูดไว้เมื่อช่วงวันจันทร์ (2 ส.ค.) ที่ผ่านมา ว่า ไม่ว่าจะโดยอเมริกาหรือโดยอิสราเอลก็ตามที แต่นับจากยุครัฐบาล “ทรัมป์บ้า” เป็นต้นมา เรือสินค้าอิหร่านถูกถล่มไปไม่น้อยกว่า 12 ลำเป็นอย่างน้อย นั่นยังไม่รวมไปถึงการลอบยิง ลอบสังหาร นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์อิหร่าน หรือนายพลอิหร่าน ที่เชื่อๆ กันว่าอิสราเอลย่อมมีส่วนเกี่ยวข้อง พัวพัน มีส่วนรู้เห็นไม่มาก-ก็น้อย การแก้แค้น-เอาคืนระหว่างสอง “คู่กัด-คู่อาฆาต” ในตะวันออกกลาง อย่างอิหร่านและอิสราเอล จึงอาจไม่ถึงกับต้องเก็บเอามาคิดมาก หรือคิดเล็ก-คิดน้อย แต่อย่างใด...
แต่ก็อย่างว่า...แม้ว่าการถล่มเรืออิสราเอลในคราวนี้ อาจไม่ต่างไปจากเท่าที่เคยเป็นมามากมายสักเท่าไหร่ แต่ด้วยเหตุที่ โดย “ห้วงระยะเวลา” หรือโดย “ฉากสถานการณ์” ที่ย่อมต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จากอดีตมาเป็นปัจจุบันและเป็นตัวส่งผลไปสู่อนาคตเบื้องหน้าแบบผิดแผกแตกต่างกันออกไป การหยิบเอาเรื่องราวดังกล่าวมาพินิจพิจารณา มองให้ลึกลงไปถึงระดับม้าม ตับ ปอด และลำไส้ หรือถึงริดสีดวงทวาร อาจพอช่วยให้เห็นอะไรๆ ที่น่าคิด น่าสะกิดใจ อยู่มั่งเหมือนกัน...
คือเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ (29 ก.ค.) ที่ผ่านมา...ขณะเรือสินค้าบรรทุกน้ำมันของอิสราเอล ชื่อว่า “MV Mercer Street” ติดธงไลบีเรีย ของอภิมหาเศรษฐีอิสราเอล “นายEyal Ofer” กำลังแล่นอยู่ในน่านน้ำทะเลโอมาน จู่ๆ...ก็ดันถูก “เครื่องบินโดรน” ของผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม แอบบินไปถล่มซะดื้อๆ!!! นอกจากจะส่งผลให้เรือดังกล่าว “เดี้ยง...กับ...เดี้ยง” ไปต่อไม่ได้ กัปตันเรือชาวโรมาเนีย และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยชาวอังกฤษจำนวน 2 ราย ยังพลอยต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ตามไปด้วย อันถือเป็นการกระทำที่อุกอาจมิใช่น้อย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงปลอดภัยในการเดินเรือโดยเสรี ในน่านน้ำต่างๆ...
โดยหลังจากการถล่มไม่นาน...นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของอิสราเอล คือ “นายนาฟทาลี เบนเนตต์” (Naftali Bennett) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล ไม่ว่ารัฐมนตรีกลาโหม “เบนนี แกนตซ์” (Benny Gantz) หรือประธานเสนาธิการทหารอิสราเอล “พลโทอาวีฟ โคฮาวี” (Aviv Kohavi) ฯลฯ ต่างก็หันมาชี้นิ้วไปที่อิหร่านนั่นแหละ ว่าเป็นผู้ก่อเหตุการณ์คราวนี้ ไม่ว่าโดยตรง หรือโดยอ้อมก็ตามที โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ถึงกับระบุว่ามี “หลักฐาน” และ “ข้อพิสูจน์” ในแง่ข่าวกรองอย่างชัดเจน แจ่มแจ้ง และทำให้อิสราเอลหนีไม่พ้นต้องหาทาง “เอาคืน” ต้องหาทางล้างสิงห์ หรือไม่ก็ล้างก้น อย่างมิอาจปฏิเสธได้เด็ดขาด...
โดยแม้ว่าโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน “นายSaeed Khatibzadeh” จะออกมาปฏิเสธว่าอิหร่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ แม้แต่น้อย แต่เผอิญ...ในช่วงระยะเวลาใกล้ๆ กัน สถานีโทรทัศน์เครือข่ายอิหร่าน อย่างทีวี “Al-Alam” ดันออกมาตีปี๊บแสดงความร่าเริง ยินดี ด้วยการเสนอรายงานข่าวว่าการถล่มเรืออิสราเอลคราวนี้ ถือเป็นแก้แค้น-เอาคืน กรณีที่เครื่องบินอิสราเอลเพิ่งบินไปถล่มสนามบิน “Al-Dabba” และ “Al-Qusayr” ของกองกำลังอิหร่านในซีเรีย การปฏิเสธดังกล่าวเลยออกจะ “ลิ้นพันกัน” อยู่พอสมควร และนั่นก็อาจทำให้ทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นายแอนโทนี บลิงเคน” (Antony Blinken) และรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ “นายโดมินิค ราบ” (Dominic Raab) ที่ถือหางทางฝ่ายอิสราเอลมาโดยตลอด เลยออกมาด่าว่าและรุมประณามคุณปู่อิหร่านแบบเจ็บๆ แสบๆ มิใช่น้อย...
อย่างไรก็ตาม...อย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า แม้ปฏิบัติการยิงกันไป-ยิงกันมาระหว่างคุณปู่อิหร่านกับคุณทวดอิสราเอลอาจถือเป็นเรื่อง “ปกติธรรมดา” ไปแล้วก็ตาม แต่ภายใต้การถล่มเรืออิสราเอลคราวนี้ มันอาจแตกต่างไปกว่าครั้งที่ผ่านๆ มาตรงที่...ประการแรก มันอุบัติขึ้นมาในระหว่างที่คุณพ่ออเมริกากับคุณปู่อิหร่าน กำลังพูดคุยเจรจาเรื่อง “ข้อตกลงนิวเคลียร์” แบบชนิดเข้าด้าย-เข้าไคล กันพอสมควร หรือเป็นการเจรจาที่ทำให้ “รัฐบาลใหม่” ของอิสราเอล ต้องพยายาม “ทำการบ้าน” อย่างหนัก เพื่อไม่ให้ผลการเจรจาคราวนี้ กลายเป็น “ผลบวก” ต่ออิหร่าน และ “ผลลบ” ต่ออิสราเอล ที่ให้ความสำคัญต่อ “ภัยคุกคามจากอิหร่าน” เป็นวาระแห่งชาติมาโดยตลอด...
ประการที่สอง...ปฏิบัติการดังกล่าว เกิดขึ้นในห้วงระยะเวลาที่ฝ่ายรัสเซีย เริ่มแสดงท่าทีว่าชักจะ “หมดความอดทน” ต่อการโจมตีกองกำลังอิหร่านในประเทศซีเรีย ของฝ่ายอิสราเอล ที่เคยเข้าไปถล่มฝ่ายตรงข้ามได้อย่างอิสระเสรีพอสมควร อันเนื่องมาจากการเจรจาแบบ “ล้วงลึก” ของอดีตนายกรัฐมนตรี “เบนจามิน เนทันยาฮู” กับผู้นำรัสเซียประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” จะด้วยการแลกเปลี่ยน ยื่นหมู-ยื่นแมว กันในวิธีไหนก็มิอาจคาดคำนวณได้ แต่ครั้นเมื่ออิสราเอลได้มีรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ อย่าง “นายนาฟทาลี เบนเนตต์” ถือเป็นครั้งแรกที่ “ระบบป้องกันภัยทางอากาศ” ของรัสเซียที่ติดตั้งไว้ในประเทศซีเรีย กวาด “จรวด” ที่ฝ่ายอิสราเอลยิงเข้าใส่กองกำลังอิหร่าน หรือเฮซบอลเลาะห์ ในซีเรียซะเกลี้ยง!!! หรือทำให้การล้างแค้น-เอาคืน ต่อฝ่ายอิหร่าน ชักทำได้ไม่ถนัดมากมายสักเท่าไหร่...
แต่ประการที่สาม...ที่ออกจะสำคัญเอามากๆ ก็คือปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลใหม่ของอิสราเอลกำลังถูกบ่อนเซาะ ถูกคิดโค่นล้มทำลาย โดย “นายกรัฐมนตรีคนเก่า” อย่าง “นายเบนจามิน เนทันยาฮู” นั่นเอง!!! ใครอยากรู้ตื้น-ลึก-หนา-บาง อยากรู้รายละเอียดในเรื่องราวเหล่านี้ คงต้องลอง “คลิก” ไปหาอ่านข้อเขียน บทความ ของ “นายThomas Oflak” นักเขียนของ “The Jerusalem Post” สื่ออิสราเอลเอง ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ไว้เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่าด้วยเรื่อง “How Netanyahu plans to bring down Israel’s new government” หรือว่าด้วยเรื่องแผนการของ “นายเนทันยาฮู” ในการคิดโค่นล้มรัฐบาลของ “นายนาฟทาลี เบนเนตต์” ซึ่งถูกสรุปไว้ว่ามีอยู่ประมาณ 3 ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีด้วยกัน และหนึ่งในยุทธวิธีที่ว่านั้น ก็คือการอาศัย “ความตึงเครียด” ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านนั่นเอง เป็น “เครื่องมือ” ???
คือพูดง่ายๆ ว่า...ด้วยเหตุที่นายกฯ คนใหม่ของอิสราเอลนั้น เดิมทีต้องเรียกว่าจัดอยู่ในประเภทพวก “ขวาจัด” เผลอๆ อาจ “ขวา” ซะยิ่งกว่า “นายเนทันยาฮู” ซะด้วยซ้ำ แต่ด้วยเหตุเพราะความต้องการที่จะผงาดขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรี” นั่นเอง เลยหันมา “ตีลังกา” ประมาณ 360 องศา หันไปร่วมมือกับพวกฝ่ายซ้าย และกลางขวา จนทำให้อดีตนายกฯ “เนทันยาฮู” ออกจะแค้นตาแม้นเอามากๆ ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่ถูกจุดระเบิดขึ้นมาในช่วงนี้ จึงไม่เพียงแต่ส่งผลให้รัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้อง “ทำการบ้าน” อย่างหนัก ไม่ว่าต่อการแสดงบทบาทใหม่ๆของอเมริกา ไปจนถึงท่าทีของรัสเซีย แต่ยังอาจก่อให้เกิด “ความแปลกแยก” ภายในคณะรัฐบาลใหม่ ระหว่างพวกขวาสุดๆ ที่อยากตอบโต้ แก้แค้น-เอาคืนอิหร่านให้สาสม เหมือนครั้งที่นายกฯ คนปัจจุบันเคยคิดทำอะไรต่อมิอะไรกับอิหร่าน ขณะยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาล “นายเนทันยาฮู” แต่ถ้าดันคิดจะไปทำอะไรแบบขวาสุดๆ ขึ้นมาจริงๆ อาจหนีไม่พ้นต้องเจอกับความหงุดหงิด งุ่นง่าน ของพวกฝ่ายซ้าย และพวกกลางขวา ที่ออกจะให้ความสำคัญกับความสุขุม รอบคอบ อยู่ตามสมควร...
ดังนั้น...การถล่มเรืออิสราเอลคราวนี้ จึงอาจส่งผลให้ “รัฐบาลใหม่” ของอิสราเอล เผลอๆ...อาจล่มสลายตามไปด้วยก็ไม่แน่ ด้วยเหตุเพราะบรรดา “นักการเมืองอิสราเอล” ก็คงไม่ได้ต่างอะไรไปจาก “นักการเมืองบ้านเรา” มากมายสักเท่าไหร่ คือพร้อมเสมอที่จะโค่นล้ม “ฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง” ภายในประเทศ โดยไม่จำเป็นต้องสนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นตามมา จะล่มสลายกันไปทั้งประเทศ หรือสังคมทั้งสังคม หรือไม่ อย่างไร ก็ตามที!!!