xs
xsm
sm
md
lg

จากสงครามเย็นถึง “สงครามที่มีการยิงกันจริงๆ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ กล่าวปราศรัยที่สำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ
ปิดฉากสัปดาห์นี้...สงสัยว่าคงต้องไปว่ากันเรื่อง “หนักๆ” เพราะอะไรต่อมิอะไรที่เคยทำท่าว่าน่าจะ “เบาๆ” ลงมามั่ง สุดท้าย...กลับดูจะไม่เป็นไปตามที่บรรดาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ หรือบรรดานักวิเคราะห์ สังเคราะห์ ท่านเคยคิดๆ คาดๆ เอาไว้ก่อนหน้านั้น หรือแบบที่เคยคิดๆ กันไปว่า...สัมพันธภาพของบรรดาประเทศอภิมหาอำนาจในโลกนี้ มันอาจกำลัง “ปรับเปลี่ยน” ไปสู่ทิศทางที่น่าจะเป็นบวก หรือทิศทางที่สอดคล้องกับความจริง ข้อเท็จจริง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้...

ไม่ว่าจะเป็นอดีตทูตอินตะระเดีย อย่างท่าน “เอ็ม.เค. ภัทรกุมาร” (M.K. Bhadrakumar) แห่ง “เอเชียไทมส์ ออนไลน์” ที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮา มักนำข้อคิด ความเห็น มาถ่ายทอดอยู่บ่อยๆ หรือ “โดมินิก ฟิตซ์ซิมมอนส์” (Dominic Fitzsimmons) แห่งสำนักข่าว “อัลจาซีรา” ที่ถึงกับฝันเห็นการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำจีน-ผู้นำอเมริกา หรือระหว่าง “ไบเดน-สี จิ้นผิง” ภายในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล แบบเดียวกับการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำอเมริกา-ผู้นำรัสเซีย “ไบเดน-ปูติน” ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อไม่นานมานี้ โดยเฉพาะในช่วงที่รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศสหรัฐฯ “นางเวนดี เชอร์แมน” (Wendy Sherman) อุตส่าห์บินไปจับเข่า จับหัวหน่าว ของมุขมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศจีน “นายหวัง อี้” (Wang Yi) ที่เมืองเทียนจิน เมื่อช่วงวันอาทิตย์ (25 ก.ค.) ที่ผ่านมา...

แต่สุดท้าย...แทนที่จะได้เจ๊าะๆ แจ๊ะๆ จ๊ะๆ จ๋าๆ ดูเหมือนว่า...บรรยากาศการพบปะระหว่างตัวแทน 2 ประเทศมหาอำนาจในคราวนี้ จะหนักไปทางเจี๊ยะบ้อโละ หนักไปทางเคร่งเครียด เย็นชา พอๆ กับการพบปะเจรจาระหว่างตัวแทนทั้งสองฝ่ายที่รัฐอะแลสกา เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คือ “ใส่กันแหลก” ไม่ว่าด้วยคำพูด คำจา หรือด้วยท่าที แบบชนิดไม่มีใครยอมใคร แต่ที่หนักไปกว่านั้นก็คือว่า...ภายในช่วงระยะเวลาใกล้เคียงกัน บรรดา “สื่อฯ” และนักการเมืองในสหรัฐฯ ก็ได้พยายามออกมาตีปี๊บ ใส่สีและตีไข่ถึงความน่าเกลียด น่ากลัว ของมหาอำนาจอย่างจีนอย่างเป็นระบบและเป็นกิจการกันอีกครั้ง นั่นก็คือการอ้างถึงเอกสารรายงานของ “สหพันธ์นักวิทยาศาสตร์อเมริกัน” หรือ “FAS” (The Federation of America Scientists) ที่นำเสนอโดย “นายMatt Korda” และ “นายHans Kristensen” และตีพิมพ์เผยแพร่อยู่ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ และวอชิงตัน โพสต์ เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งสรุปเอาไว้ประมาณว่าจาก “ภาพถ่ายทางดาวเทียม” ได้ชี้ให้เห็นว่า “กองทัพปลดแอกประชาชนจีน” ...กำลังก่อสร้าง “ไซโล” สำหรับเก็บสะสม “หัวรบนิวเคลียร์” ระดับ “ICBM” เพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 120-250 แห่ง ในเมือง “Hami” และเมือง “Yumin” หรือทางแถบภาคตะวันออกของมณฑลซินเจียงอันถือเป็นความน่าเกลียด น่ากลัว เป็นภัยคุกคามต่อชาวอเมริกันและชาวโลก ที่น่าขนหัวลุกเอามากๆ!!!

คือถือเป็นความพยายาม “เพิ่มจำนวนหัวรบนิวเคลียร์” ของจีน ขึ้นไปอีกประมาณ 2 เท่าหรือ 3 เท่า จากเท่าที่เคยมีอยู่ โดยถ้าหากนำไปรวมกับจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ของหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของจีน อย่างรัสเซียด้วยแล้ว จะมีจำนวนไม่น้อยไปกว่า 4,000 หัวรบเอาเลยถึงขั้นนั้น แม้ว่าสื่อทางการของจีน อย่าง “Global Times” จะออกมาให้คำอธิบายว่า ภาพถ่ายทางดาวเทียมของ “นายMatt Korda” และ “นายHans Kristensen” นั้น น่าจะเป็นภาพของ “โรงงานผลิตไฟฟ้าพลังลม” ที่จีนกำลังลงมือสร้างสรรค์กันอย่างเอาจริง-เอาจัง เพื่อใช้ทดแทนพลังงานแบบฟอสซิล หรือเพื่อนำพาประเทศจีนไปสู่ความเป็น “อารยธรรมแห่งนิเวศน์” หรือ “Ecological Civilization” ตามการชี้นำของประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ให้จงได้ และการใส่สีตีไข่หรือการ “ป้ายขี้” ให้กับจีนในเรื่องทำนองนี้นั้น ก็น่าจะเป็นเพราะคุณพ่ออเมริกาเอง ที่พยายามหาทางยกระดับและพัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ของตัวเอง เพื่อให้เกิดความได้เปรียบต่อ “มหาอำนาจคู่แข่ง” โดยอาศัยความเกลียด ความกลัวจีน หรืออาศัยการแพร่ระบาดของโรค “Xenophobia” ในหมู่ชาวอเมริกันเป็น “ข้ออ้าง” นั่นเอง...

แต่ก็ไม่ใช่เฉพาะโรคกลัวจีน เกลียดจีน ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความตึงเครียด เคร่งเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก ภายใต้บรรยากาศที่ชาวโลกกำลังใกล้จะ “บ้าตาย” เพราะการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่เพียงเท่านั้น ในช่วงวันอังคาร (27 ก.ค.) ที่ผ่านมา ระหว่างการไปพูดจาปราศรัย ประมาณครึ่งชั่วโมงให้กับสำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ หรือ “ODNI” ของสหรัฐฯ ผู้นำอเมริกันอย่าง “ผู้เฒ่าโจ” ที่เพิ่งฉีดสเตียรอยด์ไปกี่เข็มต่อกี่เข็มก็แล้วแต่ ท่านก็ได้กล่าวคำพูด คำจา ที่น่าขนหัวลุก ขนคอตั้งยิ่งขึ้นไปอีก นั่นก็คือคำพูดประโยคที่ว่า... “ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้สูง ที่เราอาจต้องทำสงครามในท้ายที่สุด และเป็นสงครามที่มีการยิงกันจริงๆ ระหว่างเรากับชาติมหาอำนาจ นั่นก็เป็นเพราะผลแห่งการโจมตีทางไซเบอร์ ที่กำลังสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับอเมริกา...”

นี่...ต้องเรียกว่าฟังแล้วน่ากลัวยิ่งกว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสเดลตา แลมบ์ดา ฯลฯ ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เพราะ “ผลแห่งการโจมตีทางไซเบอร์” ที่ถูก “ผู้เฒ่าโจ” หยิบยกมากล่าวถึง ณ ที่นี้ ดูจะมุ่งไปยังประเทศหมีขาว-รัสเซีย หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของจีน “ไบเดน-ปูติน ซัมมิต” ที่เพิ่งพบกันมาหมาดๆ แต่กลับไม่ได้ก่อให้เกิดการผ่อนคลาย คลี่คลายใดๆ ลงไปเลยแม้แต่น้อย หรือกลับก่อให้เกิดการปรารภ รำพึง ไปจนถึงการขู่คำรามถึง “สงครามที่มีการยิงกันจริงๆ” อันย่อมนำมาซึ่งความฉิบหายกับฉิบหาย ให้กับโลกทั้งใบ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย โดยเฉพาะเมื่อเพนตากอนพยายามอาศัยการเพิ่มหัวรบนิวเคลียร์ของจีนเป็นข้ออ้าง ในการยกระดับและพัฒนาขีปนาวุธของตัวเอง อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้แล้ว...

แม้ว่าโดยความจริง โดยข้อเท็จจริง...เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน “นายAnatoly Antonov” จะได้ออกมาให้สัมภาษณ์สำนักข่าว “สปุตนิก” เมื่อช่วงวันพุธ (28 ก.ค.) ว่า เอาเข้าจริงๆ แล้ว...ตลอดช่วงระยะ 6 ปีที่ผ่านมา ทางฝ่ายรัสเซียเองนั่นแหละ ที่พยายามเสนอข้อเรียกร้องและหัวข้อเจรจาเรื่อง “สงครามไซเบอร์” หรือ “ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์” ไปให้กับฝ่ายอเมริกันพิจารณาโดยตรง แบบชนิดครั้งแล้ว ครั้งเล่า ล่าสุด...ก็ยังพยายามเสนอข้อเสนอไปถึง 6 ข้อด้วยกัน ทั้งนั้น ทั้งนี้...เนื่องจากภายในประเทศรัสเซีย ได้ถูกการโจมตีทางไซเบอร์เล่นงานมาโดยตลอด เช่น ช่วงปีที่แล้ว หรือปี ค.ศ. 2020 ถูกใครก็ไม่รู้??? เปิดฉากสงครามไซเบอร์กับรัสเซียถึงจำนวน 45 ครั้ง หรือแค่ประมาณครึ่งปีนี้ ปี ค.ศ. 2021 รัสเซียก็ยังถูกโจมตีทางไซเบอร์มากถึง 35 ครั้งไปแล้วเป็นอย่างน้อย แต่ไม่ว่ารัสเซียจะพยายามเสนอข้อเสนอ หัวข้อตกลงเจรจากันในลักษณะใดก็ตาม ฝ่ายอเมริกันนั่นเอง...ที่กลับเป็นฝ่าย “อมเชาวริน” (สากกะเบือ) มาโดยตลอด ไม่คิดจะตอบสนองข้อเรียกร้องใดๆ ของรัสเซียเอาเลยแม้แต่น้อย...

สรุปง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าจีน หรือรัสเซีย ช่วงนี้ ต่างกำลังเจอกับการสร้างเรื่อง สร้างราว การใส่สีตีไข่ ถึงความน่าเกลียด น่ากลัว ในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี โดยคุณพ่ออเมริกา อย่างชนิดไม่คิดจะเว้นช่องว่างให้กับ “การประนีประนอม” ใดๆ เอาเลยก็ว่าได้ อะไรที่มันน่าจะ “เบาๆ” ลงไปได้มั่ง มันก็เลย “หนักฉิบหาย” ยิ่งเข้าไปทุกที คือแค่เจอกับ “ศัตรูของมวลมนุษยชาติ” อย่างท่านเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลตา สายพันธุ์แลมบ์ดา ก็เล่นเอาโลกทั้งโลกแทบ “บ้าตาย” อย่างที่ได้ว่าๆ เอาไว้แล้ว นี่...ยังต้องมาเจอกับการกล่าวหา การประณาม การใส่สีตีไข่ ไปจนถึง “การขู่” ว่าอาจเกิด “สงครามที่ต้องยิงกันจริงๆ” ของฝ่ายอเมริกัน ขึ้นมาซะอีกต่างหาก อันนี้...ก็เลยแทบหาทางเบาๆ สบายๆ แบบชนิดเบิร์ดๆ ไม่ได้เอาเลย สำหรับโลกใบนี้...




กำลังโหลดความคิดเห็น