xs
xsm
sm
md
lg

จากเชื้อโรคถึงสงคราม...ณ ช่องแคบไต้หวัน!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


ช่องแคบไต้หวัน
ชักคลื่นเหียน-วิงเวียน กับเรื่องท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ซะเหลือเกิน!!!...ที่อะไรจะยังมาแรงแซงโค้ง ไม่คิดจะหัวตก ไม่คิดจะเหี่ยวปลายเอาเลยแม้แต่น้อย เล่นเอา “โลกทั้งโลก” นั่นแหละ ไม่ใช่แต่เฉพาะประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาเท่านั้น แทบจะ “บ้าตาย” ปั่นป่วน วุ่นวาย ระส่ำระสาย จนมีโอกาสเกิด “โรคแทรกซ้อน” ทางการเมือง เศรษฐกิจ และอะไรต่อมิอะไรเอาง่ายๆ...

ด้วยเหตุนี้...วันนี้ เลยขออนุญาต “เปลี่ยนบรรยากาศ” แวะไปแถวๆ “ช่องแคบไต้หวัน” กันดูสักหน่อย เพราะเห็นว่าอาจมีอะไร “ตูมๆ-ตามๆ” ขึ้นมาในเร็วๆ นี้ก็ไม่แน่??? โดยจะ “ตูม” กันในแบบไหน เมื่อไหร่ และเมื่อ “ตูม” แล้ว จะมีอะไร “ตาม” มาอีกหรือไม่ อย่างไร??? อันนี้นี่แหละ...ที่น่าสนใจเอามากๆ เพราะความหนัก-เบา ของสถานการณ์ในช่องแคบไต้หวัน ย่อมเป็นตัวสร้างแรงดึงดูด ให้ประเทศมหาอำนาจสูงสุดอย่างคุณพ่ออเมริกา ย่อมไม่คิดจะอยู่เฉย หรือไม่คิดจะ “เอามือซุกหีบ” อยู่แล้วแน่ๆ รวมทั้งประเทศในภูมิภาคเอเชีย อย่างคุณพี่ญี่ปุ่น ยุ่นปี่ หลังๆ นี้ก็ชักออกอาการ “กระเหี้ยนกระหือรือ” อยู่พอสมควร อย่างที่รองนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น “นายทาโร อาโสะ” (Taro Aso) ท่านออกมาสปีชเอาไว้ในช่วงวันจันทร์ที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา หรือหลังจากที่ประธานาธิบดี “สี จิ้น ผิง” ของจีนไปสปีชในงานฉลอง 100 ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีน ว่าการรวมชาติไต้หวันถือเป็น “ภารกิจทางประวัติศาสตร์” อะไรทำนองนั้น คือได้พูดเอาไว้ถึงขั้นว่า... “ถ้าหากจีนบุกไต้หวัน ญี่ปุ่นจะแปลความว่า...นั่นคือภัยคุกคามต่อความอยู่รอดของญี่ปุ่น”หรือ “ถ้าหากเกิดเหตุอะไรขึ้นมา...ญี่ปุ่นกับอเมริกาจะร่วมปกป้องไต้หวัน” เอาเลยถึงขั้นนั้น...

คือด้วยเหตุหลังๆ นี้...พรรครัฐบาลของไต้หวัน หรือพรรค “DPP” (The Democratic Progressive Party) ที่พร้อมจะปฏิเสธว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และพร้อมที่จะหาทาง “ประกาศเอกราช” ได้ทุกเมื่อ เขาได้หันมาใช้ “ยุทธวิธี” ที่ออกจะลื่นไหลในการยั่วยวนกวนส้นตีนคุณพี่จีน อย่างชนิด “มะกอกร้อยตะกร้าปาไม่ถูก” อยู่พอสมควร หรือเป็นวิธีเดียวกันกับที่คุณพี่จีน เคยนำมาใช้ในการ “งาบ” พื้นที่และดินแดนต่างๆ มาโดยตลอดนั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นแถบซินเจียง ทิเบต เลยไปจนแถวๆอินตะระเดีย หรือแถบๆ ทะเลจีนใต้ ในบรรดาหมู่เกาะปะการัง ฯลฯ ทั้งหลาย นั่นก็คือยุทธวิธีที่ถูกเรียกขานกันในนาม “Salami-Slicing Tactics” หรือคล้ายๆ วิธีที่ค่อยๆ หั่น ค่อยๆ เฉือน ไส้กรอกหรือกุนเชียง ในแต่ละท่อน แต่ละด้าม ออกมาเป็นชิ้นๆ ก่อนที่จะสวาปามกันแบบไม่ต้องเมื่อยปาก เมื่อยกราม มากมายกันสักเท่าไหร่ อะไรทำนองนั้น หรือค่อยๆ คืบ ค่อยๆ คลาน สร้างเงื่อนไข-เหตุปัจจัย ที่ทำให้เกิด “ความได้เปรียบ” ไม่ว่าในทางการเมือง การทหาร เศรษฐกิจ สุขภาพ หรือสังคมจิตวิทยา ฯลฯ ไปโน่นเลย...

โดยเฉพาะเมื่อ “ยุทธวิธี” ในลักษณะเช่นนี้...ค่อนข้างได้รับการตอบสนอง อย่างเป็นเรื่อง เป็นราว เป็นระบบและเป็นกระบวนการยิ่งขึ้นเรื่อยๆ โดยคุณพ่อเมริกา ที่แต่เดิมทีมักจะแสดงออกถึงท่าที นโยบาย ในแบบคลุมๆ เครือๆ หรือแบบที่เรียกว่า “Ambiguity Policy” ต่อสถานะของไต้หวันมาโดยตลอด นับจากเริ่มหันมาฟื้นฟูความสัมพันธ์กับคุณพี่จีนตั้งแต่ยุคอดีตประธานาธิบดี “นิกสัน” เป็นต้นมา แต่ครั้นเมื่อหลังๆ หรือเมื่อ “งูดินธรรมดาๆ” อย่างคุณพี่จีนค่อยๆ แปรสภาพไปเป็น “พญามังกร” แบบเต็มเม็ด เต็มสูบ กลายเป็น “มหาอำนาจคู่แข่ง” หรือกระทั่ง “ภัยคุกคาม” อันดับต้นๆ ของมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกา แบบแจ่มแจ้ง ชัดเจน เข้าไปทุกที อาการคลุมๆ เครือๆของอเมริกา จึงชักเริ่มเปลี่ยนๆ ไปสู่อาการ “ใส่เสื้อแดง-แขวนกระดิ่ง-คิดปล้นกันกลางวันแสกๆ” ยิ่งเข้าไปทุกที และนั่นเองที่ทำให้ยุทธวิธี “Salami-Slicing Tactics” ของพรรค “DPP” แห่งไต้หวัน ยิ่งก่อให้เกิดความปวดแสบ ปวดร้อน ต่อรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่หนักยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...

กลวิธีที่รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่...จะนำมาใช้รับมือกับการยั่วยวนกวนส้นตีน แบบค่อยๆ รุกคืบ ค่อยๆ หั่นไส้กรอกไปทีละชิ้น ของไต้หวันและอเมริกา ก็จึงหนีไม่พ้นที่จะต้องหาทางตีปี๊บ ตีกลองให้ดังๆ เข้าไว้ นั่นแหละเป็นหลัก คือไม่เพียงแต่ต้องออกมาเอะอะโวยวาย ในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี สำหรับความสัมพันธ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ การทหาร ไปจนการสุขภาพ ฯลฯ ระหว่างอเมริกากับไต้หวัน แต่ยังต้องแสดงออกถึงความเอาจริง-เอาจัง และ “เอาเรื่อง” ต่ออะไรก็ตามที่เป็นไปในแนวนี้ ดังนั้น...การ “ซ้อมรบ” คราวแล้ว-คราวเล่า ในอาณาบริเวณช่องแคบไต้หวัน ของกองทัพจีน การเคลื่อนเรือบรรทุกเครื่องบินลำแล้ว-ลำเล่า แล่นฉวัดเฉวียนไป-มา การติดตั้ง “ขีปนาวุธ” ตลอดแนวริมฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ ไปจนถึงการก่อสร้างฐานทัพเฮลิคอปเตอร์ขึ้นมาใหม่ในฝั่งตรงข้าม ชนิดพร้อมลำเลียงพลเข้าบุก เข้าโจมตี เกาะเล็กๆ แห่งนี้เมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ฯลฯ จึงถือเป็นยุทธศาสตร์และยุทธวิธีที่มิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ รวมทั้งการเสกสรรปั้นแต่ง นิรมิตกฎหมายบางฉบับขึ้นมาใหม่เช่น กฎหมายต่อต้านการแบ่งแยกดินแดน “Anti-Secession Law” ที่เอาไปใช้กับ “ฮ่องกง” ทุกวันนี้ อย่างได้ผลเอามากๆ...

แต่ก็นั่นแหละ...บรรดาสิ่งเหล่านี้ หรือบรรดาการส่งเสียงคำรณ คำราม ครั้งแล้ว-ครั้งเล่าของพญามังกรอย่างคุณพี่จีน ก็ดูจะไม่ได้ทำให้ไต้หวัน-อเมริกา ไปจนถึงคุณพี่ญี่ปุ่น ยุ่นปี่ เกิดอาการตกอก-ตกใจ วูบวาบ-หวั่นไหวใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำ กลับหันมาประสานเสียง ร่วมร้องเพลงคอรัสและรัดคอ ประเภท... “อยากจะชิมส้นตีนนัก-อยากจะชิมส้นตีนนัก” อยู่บนหัวสะพาน แบบดังสนั่นยิ่งเข้าไปทุกที อย่างช่วงล่าสุด...หรือเมื่อวันพฤหัสฯ (15 ก.ค.) ที่ผ่านมา เครื่องบินทหารของอเมริกา อย่าง “A US C-146A” ก็พร้อมที่จะร่อนลง ยังสนามบิน “Taipei Songshan Airport” ของไต้หวัน แบบไม่คิดจะสนใจถึงมารยาท ถึงข้อห้าม ในการแสดงออกถึง “ความร่วมมือในปฏิบัติการทางทหาร” ระหว่างอเมริกาและไต้หวัน ตามนโยบาย “จีนเดียว” เอาเลยแม้แต่น้อย...

อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้สื่อทางการของจีน อย่าง “Global Times” เขาต้องออกมาย้ำ มาเตือนถึง 2 ครั้งซ้อนๆ ภายในสัปดาห์เดียวกัน ว่าเผลอๆ...อาจต้อง “สั่งยิง” แบบเดียวกับที่คุณน้ารัสเซีย เคยงัดจรวดออกมายิงเฉียดไป-เฉียดมา ต่อเรือรบอังกฤษ ที่พยายามเข้าไปยั่วยวนกวนส้นตีน “หมีขาว” ถึงทะเลดำโน่นเลย ไม่ก็อาจต้องส่งเครื่องบินโจมตี เครื่องบินทิ้งระเบิด เรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์ ฯลฯ ล่วงละเมิดเข้าไปในเขตหวงห้ามของไต้หวัน ไปจนถึงอาจ “ตูมๆ ตามๆ” ต่อเกาะเล็กๆ แห่งนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ โดยเฉพาะเมื่อโดยทางยุทธศาสตร์การทหารนั้น โอกาสที่คุณพ่ออเมริกาจะเข้ามาช่วยเหลือเฟือฟายไต้หวันได้ทันเวลา ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ นอกซะจากคุณพี่ญี่ปุ่น ยุ่นปี่ จะเอาด้วย หรือคิดจะส่งกองกำลัง “SDF” (Self-Defense Force) ที่เคยมีข้อห้ามไม่ให้ออกปฏิบัตินอกประเทศ ออกมาผสมโรง ลงโลง ในช่องแคบไต้หวันอย่างเป็นระบบและกิจการ ซึ่งนั่นก็เท่ากับการ “แทรกแซงกิจการภายใน” หรือการจุดระเบิด “ไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาในอาณาบริเวณพื้นที่แถบนี้ จนอาจหาทางออก ทางไป หามุมจบกันไม่เจอ เอาเลยก็ไม่แน่!!!

ด้วยเหตุนี้...แม้ว่าจะยังปวดเศียรเวียนเกล้า กับเรื่องท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่หายอยู่จนทุกวันนี้ แต่ยังไงๆ...คงต้องเหลือบๆ ไปให้ความสนใจต่ออาณาบริเวณพื้นที่ดังกล่าวเอาไว้มั่ง เพราะการ “หั่นไส้กรอกทีละชิ้น” ของรัฐบาลไต้หวันและอเมริกา มันชักจะทำให้คุณพี่จีนแทบไม่รู้จะ “กำ” อะไรแบบที่เป็นดุ้นๆ ด้ามๆ ต่อไปอีกแล้ว ถ้าหากยังไม่อยากจะเหลือแต่ “ตอ” ก็อาจเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้อง “ทำอะไรสักอย่าง” โดยจะเป็นอะไร แบบไหน อย่างไร และเมื่อไหร่นั้น อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องคอยจับตากันเอาไว้ให้ดี เพราะเผลอๆ...อาจสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าพอๆ กับเชื้อโควิด ขึ้นมาอีกก็ไม่แน่...




กำลังโหลดความคิดเห็น