xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

สงครามตัวแทน"ภราดร-สิระ" ภูมิใจไทยเดือดถูกหักหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภราดร ปริศนานันทกุล - สิระ เจนจาคะ
สมการการเมือง

สงครามตัวแทนเริ่มขึ้นแล้ว เปิดศึกโดย"ภราดร ปริศนานันทกุล" ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ออกมาขยี้ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ผ่านเฟซบุ๊กทำนองว่าเป็นตัวถ่วง ทำให้วัคซีนเข้าถึงยาก หลังจากเบรกวัคซีนวอล์กอิน ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมา

ไม่กี่นาทีถัดมา รถถังฝั่งหลักสี่ "สิระ เจนจาคะ" ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ตัวชนประจำพรรคจะออกมาทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์ลุง ฝากไปยัง"เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ "เฮียตือ" สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล บิดา ภราดร ให้อบรม หลังใช้ถ้อยคำแบบปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม

ก่อนที่ "เฮียตือ" จะออกมาปกป้องลูก พร้อมสอนมวย "สิระ" แบบจุกๆ “ผมสอนลูกให้อ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ แต่ต้องไม่อ่อนข้อให้ความไม่ถูกต้อง และที่สำคัญต้องไม่กลัวและอย่าก้มหัวให้คนที่กร่างไม่เข้าท่า ลูกเป็นส.ส.มาหลายสมัย สิระเป็น ส.ส.สมัยแรก ใครที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”

เอาเป็นว่า พรรคร่วมรัฐบาลร้อนเป็นไฟกันขึ้นมาอีกระลอก จากการกระทบกระทั่งของบรรดาลูกหาบลิ่วล้อระหว่างพรรค ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วน

แต่ระดับไซส์เล็กชนกันไม่มันเท่าไหร่ เพราะคิวที่ ภราดรเปิดศึกใส่หัวหน้ารัฐบาลอย่าง"บิ๊กตู่" เรื่องวัคซีนวอล์กอิน ฉากนี้ใครดูย่อมรู้ว่าไม่ได้ออกมาปีนเกลียวนายกรัฐมนตรีโดยพลการ แต่ต้องมีสัญญาณไฟเขียวให้ออกมาขย่มแน่ๆ

เป็นยุทธวิธีเบี้ยแลกขุน ที่พรรคภูมิใจไทยมักใช้ในช่วงที่ผ่านมา เวลาไม่พอใจหรือต้องการต่อรองอะไรบางอย่าง เหตุที่ต้องใช้ยุทธการสั่งเบี้ยลุย เพราะลูกพี่ตัวใหญ่เปิดตัวชนเองไม่ได้ เดี๋ยวจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล

การปล่อยให้เด็กๆ ออกมาซัดกัน ยังพอถูๆ ไถๆ อ้างได้ว่าเป็นความงดงามในระบอบประชาธิปไตยที่เห็นต่างกันได้ แม้อยู่ร่วมรัฐบาล เรื่องแบบนี้ผู้ใหญ่เขาไม่คิดเล็กคิดน้อย


มีการตั้งข้อสังเกตกันมาหลายหนแล้ว ตั้งแต่กรณีที่กระทรวงคมนาคมคัดค้านการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับ บีทีเอส อีก 30 ปี จนทุกวันนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ช่วงนั้นบรรดาส.ส.ตัวจี๊ดแก๊งวัยรุ่นฝั่งภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็น "เสี่ยแบด" ภราดร หรือ "เสี่ยโต้ง" สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ ต่างออกมามาเป็นหนังหน้าไฟ ต่อต้านการขยายสัมปทานสุดลิ่ม ถึงขนาดเล่นใหญ่ ไปยื่นเรื่องให้ศาลปกครองกันทีเดียว

หรือแม้แต่ตอนโหวต วาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับแท้งคาสภา พรรคภูมิใจไทยพยายามโชว์หล่อ แต่ "ไพบูลย์ นิติตะวัน" ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อ้าปากเห็นลิ้นไก่ ฉีกหน้ากากผ่านสื่อ จนพรรคภูมิใจไทยต้องส่งแนวรบวัยรุ่นก๊วนเดิมออกมาตอบโต้

จึงกลายเป็นที่รู้กันว่า หากพรรคภูมิใจไทยไม่พอใจอะไร แล้วบรรดาส.ส.กลุ่มนี้ขยับเขยื้อน ให้รู้ไว้เลยมีสัญญาณจากบุรีรัมย์ สั่งให้ลุย

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ก็รู้แกวว่า เกมนี้มีสัญญาณจากบุรีรัมย์ให้เด็กๆ ออกมาปีนเกลียว "บิ๊กตู่" เลยส่ง "สิระ" ศิษย์เอก "เสี่ยปาน" วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาล ออกมาตอบโต้แบบถึงพริกถึงขิง เพราะรู้ดีว่ามีเจตนาอะไร

อย่างไรก็ดี ความขัดแย้งระหว่างตัวเล็กตัวน้อยของสองพรรค อย่างน้อยมันสะท้อนให้เห็นเหมือนกัน โดยเฉพาะการที่ส.ส.ภูมิใจไทย เขย่า บิ๊กตู่ ว่างานนี้ระดับหัวของพรรคภูมิใจไทย ไม่พอใจอย่างแรง ที่มีการยกเลิกวัคซีนวอล์กอิน

ว่ากันตามเนื้อหา การยกเลิกวอล์กอิน คนที่เสียหน้าที่สุดคือ "เสี่ยหนู" เพราะเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้น เนื่องจากมีเจตนาดีที่ต้องการให้คนได้รับวัคซีนโดยเร็วที่สุด หลังเห็นว่าในช่วงแรกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัย ผู้มีโรคประจำตัว มาฉีดต่ำกว่าเป้า เนื่องจากได้ยินข่าวคราวเรื่องผลข้างเคียง จนไม่กล้าให้หมอเอาเข็มทิ่มแขน

ถึงขนาดที่ประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เห็นชอบรูปแบบนี้ด้วย แม้แต่"บิ๊กตู่"เอง ในช่วงแรกก็เคาะผ่าน เพราะต้องเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ ถึงขนาดประกาศว่า มิถุยายนนี้ มีแน่

เพียงแต่ว่า เพราะคนเริ่มมั่นใจในวัคซีนมากขึ้น เปลี่ยนใจอยากฉีดขึ้นมา ความต้องการมากกว่าปริมาณวัคซีนที่มีอยู่ คนวอล์กอินไป แต่ถูก กทม.ปฏิเสธ อ้างว่าไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง ต่างออกมาโวยวายใส่รัฐบาล กระทั่งรัฐบาลหน้าบางเห็นท่าไม่ดี "บิ๊กตู่" เลยรีบเบรกเอาไว้ก่อน

งานนี้ทำให้คนหัวเราะเยาะเย้ย เสี่ยหนู มากพอสมควร เพราะออกตัวไว้แรง แต่นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชากลับมาหักหน้ากันเสียได้

อาการ "เสี่ยหนู" มันออกชัดว่าไม่พอใจอย่างแรงตั้งแต่ในที่ประชุมครม. ตอน บิ๊กตู่ตัดสินใจให้เบรกวอล์กอินไว้ก่อน ตามจังหวะที่โดยปกติเป็นคนพูดเยอะ แสดงความเห็นเยอะ แต่เรื่องนี้ทั้งที่เป็นหน่วยงานรับงาน "เสี่ยหนูไ กลับตอบสั้นๆ แบบจับสังเกตอารมณ์ได้ “ตามที่ท่านนายกฯสั่งการครับ”

สั้นๆ แต่จับอารมณ์ได้ว่า"หัวร้อน" ขณะที่วันรุ่งขึ้นถูกสื่อถาม ก็แก้เขินว่าตัวเองอาจจะพูดเร็วไปหน่อย ฟังเหมือนจะยอมรับผิด แต่ถอดรหัสประโยคถัดไปดีๆ ที่ว่า“แม้ดูแล้วจะปฏิบัติได้ แต่เพื่อให้เกิดความสบายใจ”ซึ่งมันจับอาการได้ชัดว่า เสี่ยหนู ยังเชื่อว่า วิธีวอล์กอิน มันดีกว่า

อีกเรื่องที่ทำให้พรรคภูมิใจไทยไม่พอใจอย่างมาก ก็เพราะก่อนที่ "บิ๊กตู่" จะเบรกวอล์กอิน คนที่ประกาศไม่สนับสนุนวิธีนี้ คือคู่ปรับเก่าของพรรคในเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวอย่าง"พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง" ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ระบุว่า กทม.ไม่พร้อมให้วอล์กอิน เพราะวัคซีนไม่เพียงพอ

มันเหมือนเสียหน้าไม่พอ ยังเสียหน้าให้กับคนที่มีแผลกันอยู่ มันเลยต้องฟาดงวงฟาดงากันหน่อย


กำลังโหลดความคิดเห็น