ไทยฉีดวัคซีนโควิดแล้ว 2.44 ล้านโดส ลงทะเบียนผ่าน “หมอพร้อม” 7.3 ล้านคน “บิ๊กตู่” เผย มิ.ย.นี้ ฉีดวัคซีนกลุ่มผู้ประกันตน ม.33 เริ่ม กทม. 9 จังหวัด ศก.ก่อน “อนุทิน” แจงปม "บิ๊กตู่" ยกเลิกวอล์กอินวัคซีน ยันใช้ระบบการจองล่วงหน้าผ่าน "หมอพร้อม"
วานนี้ (19 พ.ค.) รายงานข่าวจาก กระทรวงสาธารณสุข แจ้งถึงความคืบหน้าการลงทะเบียนจอง และการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.64 มีผู้ได้รับวัคซีน จำนวน 104,650 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 64,739 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 39,911 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-18 พ.ค.64 หรือ 80 วัน รวมจำนวน 2,445,645 โดส ในพื้นที่ 77 จังหวัด แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 1,585,773 ราย แบ่งเป็น ซิโนแวค 1,469,877 ราย และแอสตราเซเนกา 115,869 ราย ส่วนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 859,872 ราย แบ่งเป็น ซิโนแวค 849,198 ราย และแอสตราเซเนกา 10,674 ราย
ขณะที่แฟนเพจเฟซบุ๊กหมอพร้อม เปิดเผยความคืบหน้าตัวเลขผู้ลงทะเบียนจองคิวเพื่อฉีดวัคซีนในกลุ่มของผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง รวมจำนวน 16 ล้านคน โดยล่าสุดมีจำนวนการจองคิวฉีดวัคซีนสะสม 7,343,453 ราย แบ่งเป็น กทม. 798,865 ราย และต่างจังหวัด 6,549,588 ราย
ปูพรมฉีด ม.33 ต้นเดือน มิ.ย.
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ประกันตนว่า กลุ่มผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตาม มาตรา 33 เป็นกลุ่มแรงงานที่ความสำคัญกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีอาขีพต้องสัมผัส ต้องเจอคนจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศ การเตรียมการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ประกันตนนี้ จะเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และภาคเอกชน โดยจะพร้อมฉีดตั้งแต่ ต้นเดือน มิ.ย.นี้
“ผมได้กำชับให้ทำการฉีดให้ต่อเนื่อง และรวดเร็วที่สุด เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และภาคบริการ ฟื้นตัวได้โดยเร็ว” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
เริ่ม กทม. 9 จ.เศรษฐกิจก่อน
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ระบุแนวทางการกระจายวัคซีนด้วยว่า 1. สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ร่วมมือกับภาคเอกชน และ สปสช. ในการดำเนินการ โดยกลุ่มผู้ประกันตนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วยในกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง จะให้ทางกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการเนื่องจากกลุ่มดังกล่าวได้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมไปแล้ว
2. สำนักงานประกันสังคมจะประสานกับนายจ้างของแต่ละบริษัทให้ส่งข้อมูลลูกจ้างที่จะฉีดวัคซีน เพื่อทำการจัดสรรเวลาการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตน โดยในระยะแรกจะเน้นการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกันตนใน กทม. และในระยะถัดไปจะเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนใน 9 จังหวัดเศรษฐกิจ จากนั้นจะดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนในจังหวัดที่เหลือต่อไป ที่สำคัญคือ จำนวนวัคซีนต้องเพียงพอกับจำนวนคน หากไม่ได้ทั้งหมดก็จะจัดสรรทยอยให้ตามลำดับความเร่งด่วน
และ 3. การฉีดวัคซีนใน กทม. นั้น จะมีจุดฉีดวัคซีน 45 แห่ง และจุดฉีดวัคซีนใน 9 จังหวัดเศรษฐกิจอีก 22 แห่ง
“ทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามแผนวาระแห่งชาติ เรื่องการฉีดวัคซีน ผู้ประกันตนทุกคนจะต้องได้รับการฉีดวัคซีน ที่จะทั้งป้องกันโรคให้กับตนเอง คนรอบข้าง และผู้เข้ามารับบริการ เพื่อให้กิจการและเศรษฐกิจเดินหน้าต่อได้” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
ต้องลงทะเบียนจองก่อน
ทางด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงรายงานข่าวที่ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการให้ยกเลิกการวอล์คอิน หรือเข้ารับการฉีดวัคซีนได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าว่า อยากให้ทำความเข้าใจว่า สำหรับสถานที่สถานีกลางบางซื่อ ของกระทรวงคมนาคม จะเป็นการเปิดบริการให้บุคลากรด่านหน้า และผู้ให้บริการในระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท ในสังกัดกระทรวงคมนาคมในเขต กทม.และปริมณฑลที่ลงทะเบียนไว้แล้ว ได้รับวัคซีนก่อน ในวันที่ 24-31 พ.ค.64
“ส่วนประชาชนทั่วไปจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 มิ.ย.64 จะต้องยึดระบบการลงทะเบียนและจองคิว ผ่านระบบหมอพร้อมก่อน ยังไม่ใช่ระบบการวอล์กอิน” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ในวันที่ 21 พ.ค. จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมที่สถานีกลางบางซื่อ และตนไม่ขอระบุวันที่จะเริ่มฉีด เป็นเรื่องความพร้อมของทางกระทรวงคมนาคม แต่ก็คงเป็นฤกษ์สะดวก ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับได้วันละกว่าหมื่นคน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็จะขอยืมพื้นที่ต่อ เพื่อตั้งเป็นศูนย์ฉีดวัคซีน อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และคิดว่าเขาก็พร้อมให้ เพื่อสนับสนุนภารกิจฉีดวัคซีนเพื่อประชาชน
“ไม่มา-ฉีดไม่ได้” ค่อยวอล์กอิน
นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกฯอยากให้การฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนปกติ และการลงทะเบียนที่จุดบริการฉีดวัคซีน โดยกระทรวงสาธารณสุข จะทำรายงานข้อมูลระยะแรกว่า การฉีดแต่ละวันมีผู้มารับวัคซีนแค่ไหน และเหลือเท่าใด เพราะเกรงว่าจะเกิดการแออัด อีกทั้งการเบิกวัคซีนมาใช้ ต้องมีการบริหารจัดการให้ดีมากๆ และต้องมีการเตรียมการในกรณีที่ผู้ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนไม่มาตามนัด และในกรณีที่สุขภาพไม่อำนวย ทำให้หมอไม่อนุญาตให้ฉีดวัคซีน ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข ก็จะต้องมีการวางแผนรองรับในการจัดผู้ที่จะมาฉีดวัคซีนในส่วนนี้ให้ได้ เพราะวัคซีนที่เบิกมาแล้วต้องใช้ให้หมด ไม่สามารถนำกลับไปแช่ตู้เย็นแล้วเบิกมาใช้ในวันถัดไปได้อีก
“ดังนั้น ระยะแรกนี้ พื้นที่จุดฉีดต่างๆ จะต้องเตรียมแผนสำรองพาประชาชนละแวกนั้น เข้ามารับวัคซีนในส่วนนี้ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการฉีดวัคซีนทุกโดส หากมีคนที่ลงทะเบียนไว้แล้วไม่มาตามนัด หรือฉีดไม่ได้ ก็สามารถให้คนที่มารอวอล์กอิน ที่เป็นทางเลือกเสริมเข้ารับการฉีดได้ ดังนั้นต้องให้สิทธิคนที่ลงทะเบียนมาก่อนล่วงหน้า” นายอนุทิน ระบุ
“โฆษก ภท.” เดือดปมล้มวอล์กอิน
วันเดียวกัน นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง โฆษกพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "หากยังมัวแต่ยึดติดกับ ไอ้ #หมอพ้ง_หมอพร้อม ประชาชนจะติดโควิดกันหมด เข้าใจมั้ยยยย ลุ้งงงงงงง คนเขาบอกยังไม่รู้ฟัง ดื้อรั้น ถูลู่ถูกัง ทิฐิมานะสูง...สร้างกำแพงให้คนเข้าถึงวัคซีนยากกกกก แล้วแบบนี้เป้า 50 ล้านคน ลุงจะเสร็จเมื่อไร??? รึว่าให้คนเขาสร้างภูมิกันเองด้วยการรับเชื้อโควิดกันทั้งประเทศ เห้ออออ # เพลียด่า" พร้อมระบุว่า วิธีการเปิดให้ประชาชนวอล์กอิน เข้ามารับวัคซีนนั้น ไม่ได้ยุ่งยาก
“สิระ” ฉะไร้วุฒิภาวะ
จากนั้น นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวตอบโต้นายภราดรว่า ขอฝากไปถึงนายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล (บิดานายภราดร) อดีตรองประธารสภาผู้แทนราษฎร ให้ดูแลกริยา มารยาทของนายภราดรด้วย ว่าได้รับการอบรมแบบถูกต้องมาหรือไม่ นายภราดรมีตำแหน่งเป็นถึงโฆษกพรรคร่วมรัฐบาล แต่กับพูดกับผู้ใหญ่เช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าไร้วุฒิภาวะ ต้องถามไปที่พรรคภูมิใจไทยว่า คิดดีแล้วหรือที่เลือกคนแบบนี้มาทำหน้าที่โฆษกพรรค
“สิ่งที่นายภราดรพูดมา นอกจากแสดงให้เห็นว่าเป็นเด็กที่ไร้มารยาทแล้ว อาจจะไร้สมองด้วย ผมรู้ว่าการทำงานร่วมกันย่อมมีการกระทบกระทั่งกัน แต่ถ้านายภราดรทำงานแบบมืออาชีพ ควรนำเสนอความคิดของตัวเองผ่านนายอนุทิน และนำมาปรึกษากับท่านนายกฯไม่ใช่ออกมาใช้ถ้อยคำแบบปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” นายสิระ กล่าว
“พ่อ-ลูก” ย้อนทันควันไร้ราคา
ซึ่ง นายภราดร ก็ตอบโต้กลับว่า ไม่ได้ฟังความเห็นของนายสิระ เหมือนมวยไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น เพราะทุกครั้งที่คนคนนี้แสดงความเห็น น้ำลายบูด แทบไม่เคยเห็นมีครั้งใดที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเลย
“แต่หากจะบอกว่าผมมีพฤติกรรมไม่ต่างเด็กอมมือ ก็อยากจะชี้แจงว่า ผมเด็กเพียงแต่อายุ ไม่เหมือนบางคน ที่แก่เพียงเพราะกินข้าวเท่านั้น” นายภราดร ระบุ
โดยก่อนหน้านั้น นายสมศักดิ์ บิดาของนายภราดร ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “สิระ ผมสอนลูกให้อ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ แต่ต้องไม่อ่อนข้อให้ความไม่ถูกต้อง และที่สำคัญ ต้องไม่กลัว และอย่าก้มหัวให้คนที่กร่างไม่เข้าท่า ลูกเป็น ส.ส.มาหลายสมัย สิระเป็น ส.ส.สมัยแรก ใครที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
วานนี้ (19 พ.ค.) รายงานข่าวจาก กระทรวงสาธารณสุข แจ้งถึงความคืบหน้าการลงทะเบียนจอง และการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทยว่า เมื่อวันที่ 18 พ.ค.64 มีผู้ได้รับวัคซีน จำนวน 104,650 โดส แบ่งเป็น ผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 64,739 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 39,911 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้รับวัคซีนสะสม ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-18 พ.ค.64 หรือ 80 วัน รวมจำนวน 2,445,645 โดส ในพื้นที่ 77 จังหวัด แบ่งเป็นผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 1,585,773 ราย แบ่งเป็น ซิโนแวค 1,469,877 ราย และแอสตราเซเนกา 115,869 ราย ส่วนผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 จำนวน 859,872 ราย แบ่งเป็น ซิโนแวค 849,198 ราย และแอสตราเซเนกา 10,674 ราย
ขณะที่แฟนเพจเฟซบุ๊กหมอพร้อม เปิดเผยความคืบหน้าตัวเลขผู้ลงทะเบียนจองคิวเพื่อฉีดวัคซีนในกลุ่มของผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง รวมจำนวน 16 ล้านคน โดยล่าสุดมีจำนวนการจองคิวฉีดวัคซีนสะสม 7,343,453 ราย แบ่งเป็น กทม. 798,865 ราย และต่างจังหวัด 6,549,588 ราย
ปูพรมฉีด ม.33 ต้นเดือน มิ.ย.
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ประกันตนว่า กลุ่มผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมตาม มาตรา 33 เป็นกลุ่มแรงงานที่ความสำคัญกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีอาขีพต้องสัมผัส ต้องเจอคนจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นกลไกสำคัญของระบบเศรษฐกิจของประเทศ การเตรียมการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มผู้ประกันตนนี้ จะเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลัง และภาคเอกชน โดยจะพร้อมฉีดตั้งแต่ ต้นเดือน มิ.ย.นี้
“ผมได้กำชับให้ทำการฉีดให้ต่อเนื่อง และรวดเร็วที่สุด เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และภาคบริการ ฟื้นตัวได้โดยเร็ว” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
เริ่ม กทม. 9 จ.เศรษฐกิจก่อน
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ระบุแนวทางการกระจายวัคซีนด้วยว่า 1. สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ร่วมมือกับภาคเอกชน และ สปสช. ในการดำเนินการ โดยกลุ่มผู้ประกันตนที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วยในกลุ่ม 7 โรคเรื้อรัง จะให้ทางกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดำเนินการเนื่องจากกลุ่มดังกล่าวได้ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อมไปแล้ว
2. สำนักงานประกันสังคมจะประสานกับนายจ้างของแต่ละบริษัทให้ส่งข้อมูลลูกจ้างที่จะฉีดวัคซีน เพื่อทำการจัดสรรเวลาการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตน โดยในระยะแรกจะเน้นการฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกันตนใน กทม. และในระยะถัดไปจะเร่งฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนใน 9 จังหวัดเศรษฐกิจ จากนั้นจะดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ประกันตนในจังหวัดที่เหลือต่อไป ที่สำคัญคือ จำนวนวัคซีนต้องเพียงพอกับจำนวนคน หากไม่ได้ทั้งหมดก็จะจัดสรรทยอยให้ตามลำดับความเร่งด่วน
และ 3. การฉีดวัคซีนใน กทม. นั้น จะมีจุดฉีดวัคซีน 45 แห่ง และจุดฉีดวัคซีนใน 9 จังหวัดเศรษฐกิจอีก 22 แห่ง
“ทั้งหมดนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานตามแผนวาระแห่งชาติ เรื่องการฉีดวัคซีน ผู้ประกันตนทุกคนจะต้องได้รับการฉีดวัคซีน ที่จะทั้งป้องกันโรคให้กับตนเอง คนรอบข้าง และผู้เข้ามารับบริการ เพื่อให้กิจการและเศรษฐกิจเดินหน้าต่อได้” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ
ต้องลงทะเบียนจองก่อน
ทางด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยถึงรายงานข่าวที่ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ สั่งการให้ยกเลิกการวอล์คอิน หรือเข้ารับการฉีดวัคซีนได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าว่า อยากให้ทำความเข้าใจว่า สำหรับสถานที่สถานีกลางบางซื่อ ของกระทรวงคมนาคม จะเป็นการเปิดบริการให้บุคลากรด่านหน้า และผู้ให้บริการในระบบขนส่งสาธารณะทุกประเภท ในสังกัดกระทรวงคมนาคมในเขต กทม.และปริมณฑลที่ลงทะเบียนไว้แล้ว ได้รับวัคซีนก่อน ในวันที่ 24-31 พ.ค.64
“ส่วนประชาชนทั่วไปจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 1 มิ.ย.64 จะต้องยึดระบบการลงทะเบียนและจองคิว ผ่านระบบหมอพร้อมก่อน ยังไม่ใช่ระบบการวอล์กอิน” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ในวันที่ 21 พ.ค. จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมที่สถานีกลางบางซื่อ และตนไม่ขอระบุวันที่จะเริ่มฉีด เป็นเรื่องความพร้อมของทางกระทรวงคมนาคม แต่ก็คงเป็นฤกษ์สะดวก ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับได้วันละกว่าหมื่นคน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขก็จะขอยืมพื้นที่ต่อ เพื่อตั้งเป็นศูนย์ฉีดวัคซีน อำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และคิดว่าเขาก็พร้อมให้ เพื่อสนับสนุนภารกิจฉีดวัคซีนเพื่อประชาชน
“ไม่มา-ฉีดไม่ได้” ค่อยวอล์กอิน
นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกฯอยากให้การฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนปกติ และการลงทะเบียนที่จุดบริการฉีดวัคซีน โดยกระทรวงสาธารณสุข จะทำรายงานข้อมูลระยะแรกว่า การฉีดแต่ละวันมีผู้มารับวัคซีนแค่ไหน และเหลือเท่าใด เพราะเกรงว่าจะเกิดการแออัด อีกทั้งการเบิกวัคซีนมาใช้ ต้องมีการบริหารจัดการให้ดีมากๆ และต้องมีการเตรียมการในกรณีที่ผู้ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนไม่มาตามนัด และในกรณีที่สุขภาพไม่อำนวย ทำให้หมอไม่อนุญาตให้ฉีดวัคซีน ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข ก็จะต้องมีการวางแผนรองรับในการจัดผู้ที่จะมาฉีดวัคซีนในส่วนนี้ให้ได้ เพราะวัคซีนที่เบิกมาแล้วต้องใช้ให้หมด ไม่สามารถนำกลับไปแช่ตู้เย็นแล้วเบิกมาใช้ในวันถัดไปได้อีก
“ดังนั้น ระยะแรกนี้ พื้นที่จุดฉีดต่างๆ จะต้องเตรียมแผนสำรองพาประชาชนละแวกนั้น เข้ามารับวัคซีนในส่วนนี้ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการฉีดวัคซีนทุกโดส หากมีคนที่ลงทะเบียนไว้แล้วไม่มาตามนัด หรือฉีดไม่ได้ ก็สามารถให้คนที่มารอวอล์กอิน ที่เป็นทางเลือกเสริมเข้ารับการฉีดได้ ดังนั้นต้องให้สิทธิคนที่ลงทะเบียนมาก่อนล่วงหน้า” นายอนุทิน ระบุ
“โฆษก ภท.” เดือดปมล้มวอล์กอิน
วันเดียวกัน นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง โฆษกพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "หากยังมัวแต่ยึดติดกับ ไอ้ #หมอพ้ง_หมอพร้อม ประชาชนจะติดโควิดกันหมด เข้าใจมั้ยยยย ลุ้งงงงงงง คนเขาบอกยังไม่รู้ฟัง ดื้อรั้น ถูลู่ถูกัง ทิฐิมานะสูง...สร้างกำแพงให้คนเข้าถึงวัคซีนยากกกกก แล้วแบบนี้เป้า 50 ล้านคน ลุงจะเสร็จเมื่อไร??? รึว่าให้คนเขาสร้างภูมิกันเองด้วยการรับเชื้อโควิดกันทั้งประเทศ เห้ออออ # เพลียด่า" พร้อมระบุว่า วิธีการเปิดให้ประชาชนวอล์กอิน เข้ามารับวัคซีนนั้น ไม่ได้ยุ่งยาก
“สิระ” ฉะไร้วุฒิภาวะ
จากนั้น นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวตอบโต้นายภราดรว่า ขอฝากไปถึงนายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล (บิดานายภราดร) อดีตรองประธารสภาผู้แทนราษฎร ให้ดูแลกริยา มารยาทของนายภราดรด้วย ว่าได้รับการอบรมแบบถูกต้องมาหรือไม่ นายภราดรมีตำแหน่งเป็นถึงโฆษกพรรคร่วมรัฐบาล แต่กับพูดกับผู้ใหญ่เช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าไร้วุฒิภาวะ ต้องถามไปที่พรรคภูมิใจไทยว่า คิดดีแล้วหรือที่เลือกคนแบบนี้มาทำหน้าที่โฆษกพรรค
“สิ่งที่นายภราดรพูดมา นอกจากแสดงให้เห็นว่าเป็นเด็กที่ไร้มารยาทแล้ว อาจจะไร้สมองด้วย ผมรู้ว่าการทำงานร่วมกันย่อมมีการกระทบกระทั่งกัน แต่ถ้านายภราดรทำงานแบบมืออาชีพ ควรนำเสนอความคิดของตัวเองผ่านนายอนุทิน และนำมาปรึกษากับท่านนายกฯไม่ใช่ออกมาใช้ถ้อยคำแบบปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม” นายสิระ กล่าว
“พ่อ-ลูก” ย้อนทันควันไร้ราคา
ซึ่ง นายภราดร ก็ตอบโต้กลับว่า ไม่ได้ฟังความเห็นของนายสิระ เหมือนมวยไม่มีราคา ม้าไม่มีชั้น เพราะทุกครั้งที่คนคนนี้แสดงความเห็น น้ำลายบูด แทบไม่เคยเห็นมีครั้งใดที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเลย
“แต่หากจะบอกว่าผมมีพฤติกรรมไม่ต่างเด็กอมมือ ก็อยากจะชี้แจงว่า ผมเด็กเพียงแต่อายุ ไม่เหมือนบางคน ที่แก่เพียงเพราะกินข้าวเท่านั้น” นายภราดร ระบุ
โดยก่อนหน้านั้น นายสมศักดิ์ บิดาของนายภราดร ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “สิระ ผมสอนลูกให้อ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ แต่ต้องไม่อ่อนข้อให้ความไม่ถูกต้อง และที่สำคัญ ต้องไม่กลัว และอย่าก้มหัวให้คนที่กร่างไม่เข้าท่า ลูกเป็น ส.ส.มาหลายสมัย สิระเป็น ส.ส.สมัยแรก ใครที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”