ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สามก๊กเวอร์ชั่นรัฐบาลไทย ตามเหตุการณ์ที่ 3 พรรคใหญ่ พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ เปิดฉากขบเหลี่ยมกันกลางศึกไวรัสมรณะโควิด-19 กำลังระบาดรุนแรง
เฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ยี่ห้อ 3 ป. ต้องเจอศึก 2 ก๊กพร้อมๆกัน ไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทย ที่เกิดปัญหาลักลั่นการทำงาน หลัง“เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ตกเป็นตำบลกระสุนตก ที่ระบายอารมณ์ของสังคมจากการแก้ปัญหาโควิดล้มเหลว
ต้องส่งแม่ทัพนายกองออกมาปกป้อง“แม่ทัพ”ไม่ว่าจะเป็น ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย พลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ว่าสุดท้ายไม่ได้เป็นคนทำผิดพลาด หากแต่ที่ผ่านมารมว.สาธารณสุข ถูกริบอำนาจไปอยู่ ศบค.หมด ดังนั้น สังคมจึงด่าผิดตัว
ส่วน“บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ก็ตอบโต้ทันควัน ส่ง“แรมโบ้”สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ทหารชั้นเลวลงมาประดาบ
ขณะที่ก๊กประชาธิปัตย์ ก็ไม่ไว้หน้า โนแคร์ โนสนโควิด-19 ออกมาตีโพยตีพายในช่วงเวลาเดียวกันกับปมการกระจายอำนาจ แบ่งจังหวัดให้รัฐมนตรีแบบผิดฝาผิดตัวแบบมีนัยยะสำคัญ
โดยเฉพาะการที่ 3 ป.ส่ง "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" รมช.เกษตรและสหกรณ์ ขุนศึกตัวเองลงไปคุม 3 พื้นที่ยุทธศาสตร์ทางการรบในสนามเลือกตั้งภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็น สงขลา นครศรีธรรมราช และภูเก็ต ส่วน"นิพนธ์ บุญญามณี" รมช.มหาดไทย เจ้าถิ่นสงขลากลับถูกริบพื้นที่
เรียกว่า ซัดกันนัว แหวกวงโควิด-19 จนถูกคนนินทาหมาดูถูก คนในประเทศจะแย่อยู่แล้ว ยังมีอารมณ์มาแย่งชามข้าวกัน
3 ป.และพรรคพลังประชารัฐ“วุยก๊ก”ฉบับรัฐบาลไทย ในฐานะกุมอำนาจ ทำท่าจะรับศึก 2 ด้าน ทั้ง "จ๊กก๊ก-ง่อก๊ก" ไม่ไหว ต้องปรับยุทธศาสตร์การรบใหม่ เพราะหนักเกินไปในเวลานี้ เพราะมีเรื่องโควิด -19 เป็นโจทย์ใหญ่อยู่
สุดท้ายเรื่องเลื่อนทำศึกกับ“ง่อก๊ก”อย่างพรรคประชาธิปัตย์ ยอมยูเทิร์น กลับไปใช้โผรัฐมนตรีดูแลจังหวัดฉบับเก่าที่ นิพนธ์ และเสนาบดีฝ่ายง่อก๊ก คุมพื้นที่ตัวเองไปพลางก่อน ลดแรงเสียดทาน ไว้มีจังหวะดีเมื่อไหร่ค่อยใส่ ค่อยคิดบัญชีกันตอนหลัง
ต้องประคองให้เดินหน้าไปได้ เพราะหากต้องทำศึก 2 ก๊กพร้อมกัน โอกาสเพลี่ยงพล้ำจะสูง อย่างน้อยเซฟไว้สักหนึ่งก๊กก่อน
ส่วน“จ๊กก๊ก”อย่างภูมิใจไทย แม้จะไม่พอใจที่ “อนุทิน”ถูกลูบคม แต่วันนี้ก็เปิดฉาก ประกาศตัดความสัมพันธ์กันไม่ได้ เพราะโดยหลักคณิตศาสตร์ ต่อให้ภูมิใจไทยทิ้งรัฐบาล แต่ถ้าประชาธิปัตย์ยังอยู่ ยังพอถูๆไถๆ ได้ ไม่สะเทือนเรือสำเภาลำนี้ ดังนั้นไม่ได้อยู่สมรภูมิที่ได้เปรียบ
ตามคิวที่“อนุทิน”ต้องกลืนเลือด ออกมายกยอการรวบอำนาจของ“โจโฉตู่”ที่ริบอำนาจรัฐมนตรี เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ทั้งที่อกกลัดหนองเต็มทน
ต้องบอกว่า ต่างก๊กต่างกางตำราพิชัยยุทธ์ใส่กัน แม้แต่ประชาธิปัตย์เองที่กล้าออกมาโวยวายเรื่องการจัดทัพรัฐมนตรีดูแลจังหวัด ก็เพราะรู้ว่า รัฐบาลไม่กล้าหักด้ามพร้าด้วยเข่า ที่ต้องรับผลเปิดศึก 2 ด้าน
ที่ผ่านมา“ประชาธิปัตย์”ก็สวมบทบาท“ง่อก๊ก”เวอร์ชั่นไทยมาตลอด ตั้งแต่เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ในฐานะที่ตัวเองมีกำลังพลในมือน้อยที่สุด ไม่ใช่เวลาที่จะไปฟาดฟันกับใครด้วยตัวเองคนเดียว
โดยช่วงนั้นมีกระแสข่าวว่า รัฐบาลจะริบเก้าอี้เสนาบดีของค่ายสีฟ้า เพราะดูจากหน้าตัก ส.ส.น้อยกว่าใคร แต่ได้ตำแหน่งไม่สมส่วน เกินตัว
ต้องวิ่งแจ้นไปจับมือกับ“จ๊กก๊ก”อย่างภูมิใจไทย ทั้งที่ไม่ได้แนบแน่นกันจริง เพื่อป้องกันการรุกรานจาก“วุยก๊ก”ที่จ้องจะโละโควตาออกบางส่วน
“จ๊กก๊ก-ง่อก๊ก”ผนึกกันแน่น สุดท้าย“วุยก๊ก”ที่หัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่สามารถถีบใครออกได้ก็ต้องยอม จนเหล่านักรบขุนพลตัวเองหงุดหงิด
แต่ตอนนี้ภูมิใจไทย ต้องตั้งรับการโจมตีถึงสองเรื่อง เรื่องแรก"ถาวร เสนเนียม" จากง่อก๊ก แต่เปึนง่อก๊กที่ "สุเทพ เทือกสุบรรณ"ฝากเลี้ยง ออกจี้ให้นายกรัฐมนตรีจัดการเด็ดขาดเรื่อง คนติดเชื้อจากเลาจน์ทองหล่อ และอีกเรื่องกลุ่มดาวฤกษ์ได้ที ที่ศาลอาญาคดีทุจริตกลางรับคำฟ้อง กรณี รฟม. ล้มประมูลรถไฟฟ้าบีทีเอส
การงัดข้อในรัฐบาล แบ่งแยกเป็น 3 ก๊ก ถือเป็นเวรเป็นกรรมของประเทศที่ต้องมาเจอผู้บริหารที่มัวแต่คิดถึงผลประโยชน์อำนาจตัวเอง ก่อนชีวิตประชาชน จนคนสิ้นหวัง ทุกวันนี้ต้องช่วยตัวเองเพราะไม่เชื่อว่ารัฐจะปกปักคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากโควิด-19 ที่กำลังระบาดอย่างหนักได้
บ้านเมืองสู่กลียุค ผู้บริหารแก่งแย่ง ต่างต้องการเป็นใหญ่ โดยไม่ได้เอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ต่างนึกถึงแต่อำนาจตัวเอง
คนจะตาย ไม่ได้ตายเพราะโควิด-19 อย่างเดียว แต่ตายเพราะผู้บริหารเป็นแบบนี้