ท่ามกลางวิกฤตหนักในการรับสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ในอินเดีย ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมได้นายกรัฐมนตรีนเรนทราโมดี ยังพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งในรัฐเบงกอลตะวันตกแทบหมดรูป ส่งผลกระทบต่อความเป็นผู้นำของนายโมดีอย่างแรง
เป็นครั้งที่สามที่มุขมนตรีสตรีนาม มามะตะ แบนเนอร์จี ได้ประกาศชัยชนะเหนือพรรคบีเจพี ของนายกรัฐมนตรีและเธอยังเป็นมุขมนตรีหญิงรายเดียวในประเทศ
แต่พรรคบีเจพียังคงชนะเก้าอี้ในรัฐเบงกอลตะวันตกด้วยเก้าอี้เกือบ 100 ตัว ถือเป็นฝ่ายค้านในรัฐนั้น เป็นความล้มเหลวอีกครั้งหลังจากผู้นำอินเดียพยายามหาเสียงอย่างหนักเพื่อเอาชนะให้ได้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
นายโมดีได้ส่งสาส์นแสดงความยินดีกับชัยชนะของนางแบนเนอร์จี ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 66 ปี และถือว่าเป็นหัวหน้าพรรคทรินามูล คองเกรส ที่มีชื่อเสียงและเป็นคู่แข่งสำคัญ
พรรคบีเจพี ยังพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งรัฐทมิฬนาฑูซึ่งส่งผลกระทบต่อความนิยมของนายมูดี้อย่างมาก และก็ยังเป็นเป้าหมายของการโจมตีโดยกลุ่มต่างๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งรุมกินโต๊ะนายโมดีเพราะถูกมองว่าเป็นความล้มเหลวในการจัดการวิกฤต
รัฐเบงกอลตะวันตกมีเมืองหลวงคือละครโกลกาตา เป็นรัฐขนาดใหญ่มีประชากรมากมายซึ่งนับเป็นครั้งที่สามที่ความพยายามของพรรครัฐบาลไม่สามารถเอาชนะได้
คนในรัฐเบงกอลตะวันตกออกมาเต้นรำฉลองชัยชนะโดยไม่สวมหน้ากาก
ยิ่งการระบาดของโควิด-19 อย่างรุนแรงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองหลวงนิวเดลีโดยมีความขาดแคลนทุกอย่างตั้งแต่เตียง เจ้าหน้าที่พยาบาล แพทย์ และเวชภัณฑ์สำคัญ รวมทั้งก๊าซออกซิเจนทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศอย่างมากกว่า 3.5 แสนราย และผู้เสียชีวิตเกือบ 4 พันรายทุกวัน
การระบาดรอบสองเกิดขึ้นเพราะการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งของรัฐต่างๆรวมถึงเป็นช่วงเทศกาลล้างบาปด้วยการชำระล้างร่างกายที่แม่น้ำคงคา มีประชาชนหลายสิบล้านคนเข้าร่วมพิธีโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย
ระยะเวลาของเทศกาลอาบน้ำล้างบาปนั้นกินเวลาสองเดือนซึ่งมากเกินพอสำหรับการระบาดไปเกือบทั่วประเทศ ซึ่งผู้ที่ไปร่วมพิธียังทำตัวไม่ตระหนักถึงความร้ายกาจของ โควิด-19 ซึ่งทำให้อินเดียติดเชื้อเกือบ 20 ล้านรายและเสียชีวิตกว่า 2 แสนรายแล้ว
การระบาดหนักในชุมชนแออัดในเมืองใหญ่เช่นนิวเดลี และมุมไบทำให้การควบคุมการระบาดเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะความขาดแคลนทุกด้าน และในพื้นที่ชุมชนสลัมไม่สามารถแยกตัวผู้ป่วยออกจากคนทั่วไปได้เพราะขาดพื้นที่
ก่อนหน้านั้นนายกรัฐมนตรีโมดีได้คุยฟุ้งถึงความสำเร็จของอินเดียในการจัดการระบาดของโควิด-19 ในรอบแรก โดยอ้างว่าอินเดียควรเป็นต้นแบบในการจัดการปัญหาเรื่องนี้ แต่เป็นเพราะการรณรงค์หาเสียงและเทศกาลล้างบาป
เมื่อไม่สามารถระงับพิธีกรรมได้ ก็ทำให้สถานการณ์พลิกผันอย่างแรง
ทุกวันนี้นอกจากนายกรัฐมนตรีโมดีจะคุยไม่ออกแล้ว ยังต้องรับศึกหนักจากการโจมตีทุกด้านและเสี่ยงกับการสูญเสียความนิยมของพรรคบีเจพี ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวาและได้ครองอำนาจมานานหลายปี
แม้แต่การเผาศพแต่ละวันก็มีความขาดแคลนของเตาเผาและฟืนสำหรับเชิงตะกอน ซึ่งมีปัญหาทั้งการจัดหาพื้นที่ว่างและการเร่งเผาศพซึ่งต้องเข้าคิวนานหลายชั่วโมง สร้างความรู้สึกสลดหดหู่ต่อผู้ที่ได้พบเห็น
สภาพการดูแลรักษาในโรงพยาบาลและสถานที่ดูแลอื่นๆ ก็มีทั้งความขาดแคลนทุกด้านมีคนไข้ถูกปล่อยให้เสียชีวิตโดยไม่มีโอกาสได้รับการรักษาเพราะไม่มียาและก๊าซออกซิเจนเพียงพอ
มีคนป่วยมากมายที่ถูกทิ้งไว้บนเตียงอย่างน่าสงสารโดยที่ไม่มีใครมาดูแลและถูกทิ้งให้เสียชีวิตต่อหน้าต่อตาผู้ป่วยรายอื่น และต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะถูกขนย้ายศพออกไป ในบางเมือง รวมทั้งเมืองหลวง ต้องใช้เตียงซึ่งทำด้วยการกระดาษแข็งแทนไม้
สถานะของนายกรัฐมนตรีโมดีจึงขาดความน่าเชื่อถือและประชาชนอินเดียไม่เชื่อมั่นว่าจำนวนผู้ป่วย และเสียชีวิตจะลดลงเป็นนัยสำคัญในเร็ววัน เพราะแม้จะมีความช่วยเหลือจากหลายประเทศก็ยังไม่เพียงพอ
การถูกโจมตีผ่านโซเชียลมีเดียต่างๆ ทำให้นายกรัฐมนตรีโมดีต้องใช้มาตรการควบคุมเพื่อสกัดกั้นการที่ถูกกล่าวหาด้านความไร้ความสามารถและประสิทธิภาพในการจัดการ ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตยในอินเดียอย่างมาก
เป็นที่เกรงกันว่าถ้าการโจมตียังไม่ลดลงและทางการไม่สามารถควบคุมหรือสกัดกั้นได้ อาจเป็นไปได้ที่จะมีการเซ็นเซอร์สื่อต่างๆ เพื่อไม่ให้นายกรัฐมนตรีโมดีต้องสูญเสียสภาพการนำประเทศ
อินเดียยังเร่งผลิตวัคซีนในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่ก็ยังไม่เพียงพอ หลายประเทศซึ่งมีวัคซีนเหลือ หรือที่ไม่ใช้งานเช่นของแอสตร้าเซนเนก้า ก็ยังไม่จัดส่งให้ ดังเช่นสหรัฐฯ อังกฤษ และแคนาดา อ้างว่าต้องมีให้ใช้ในประเทศเพียงพอก่อน
จีนซึ่งถูกอินเดียมองว่าเป็นคู่ปรับและคู่แข่ง กลายเป็นผู้ให้ความช่วยเหลืออย่างมากทั้งด้านเวชภัณฑ์ที่สำคัญ ซึ่งถือว่าน่าจะได้ผลทางการเมืองระดับหนึ่ง