xs
xsm
sm
md
lg

มหาเศรษฐีอินเดียดิ้นรนหนี ‘โควิด’ ระบาดหนัก มีทั้งที่หาทางไปอังกฤษ, แคนาดา, ดูไบ รวมทั้งไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้ป่วยรายหนึ่งหายใจได้ดีขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากออกซิเจนซึ่งจัดหาให้โดย คุรุดวารา หรือ วัดซิกข์ แห่งหนึ่งในย่านที่อยู่อาศัยนอกกรุงนิวเดลี เมื่อวันเสาร์ (24 เม.ย.) ทั้งนี้อินเดียเวลานี้กำลังขาดแคลนออกซิเจนทางการแพทย์อย่างร้ายแรง ทางคุรุดวาราแห่งนี้จึงเริ่มต้นให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่กำลังรอเตียงโรงพยาบาล มารับออกซิเจนได้ฟรี โดยจัดสรรช่วงเวลาที่แต่ละคนจะผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาใช้ ทั้งนี้บางคนมาด้วยรถของตัวเอง บางคนก็เดินเทา หรือจ้างรถสามล้อเครื่องมาส่ง
ขณะที่พวกเศรษฐีและมหาเศรษฐีดิ้นรนหาทางหลบหนีออกมาจากโรคโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างชวนสยดสยองในอินเดีย ราคาตั๋วเครื่องบินโดยสารก็ขึ้นกันพรวดพราด เช่นเดียวกับการเพิ่มทะยานของจำนวนเที่ยวบินเหมาลำว่าจ้างเจ็ตส่วนตัวไปส่งยังต่างประเทศ

ตามรายงานข่าวชิ้นหนึ่งในหนังสือพิมพ์ลอนดอนไทมส์ มีไอพ่นส่วนตัวอย่างน้อย 8 ลำนำเอามหาเศรษฐีของอินเดียไปร่อนลงในลอนดอน ก่อนหน้ากำหนดบังคับใช้มาตรการห้ามการเดินทางจากอินเดียในเวลา 04.00 น.ของวันศุกร์ (23 เม.ย.)

ทั้งสหราชอาณาจักร และแคนาดา ต่างเพิ่มชื่อของอินเดียเข้าไปใน “บัญชีรายชื่อสีแดง” ประเทศซึ่งเกิดโรคระบาดหนักหน่วงร้ายแรง

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันศุกร์ (23 เม.ย.) ชาวสหราชอาณาจักรคนไหนก็ตามที่เดินทางมาจากอินเดีย ต้องถูกกักกันโรคเป็นเวลา 10 วันในโรงแรมซึ่งได้รับการรับรองจากรัฐบาล

ส่วนผู้ที่ไม่ใช่พลเมืองสหราชอาณาจักร หรือไม่ใช่พลเมืองไอร์แลนด์ จะถูกห้ามเข้าประเทศอย่างเด็ดขาด หากพวกเขาได้เข้าไปในอินเดียภายในช่วงเวลา 10 วันก่อนหน้า

ตามรายงานข่าวใน เดอะเดลีบีสต์ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของสหราชอาณาจักร ต้องยกเลิกการไปเยือนอินเดียแบบเต็มรัฐพิธีตามคำเชิญของผู้นำแดนภารตะ ซึ่งกำหนดเอาไว้ในสัปดาห์หน้า เพื่อเป็น “มาตรการระวังป้องกันเอาไว้ก่อน”

เที่ยวบินระดับหรูหราเที่ยวสุดท้ายที่เดินทางมาถึง ได้แก่ เครื่องบิน บอมบาร์ดิเอร์ โกลบัล 6000 ของ วิสตาเจ็ต ซึ่งออกจากดูไบในวันพฤหัสบดี (22) ไปรับผู้โดยสารในเมืองมุมไบ ของอินเดีย และร่อนลงจอดที่ลอนดอนเมื่อเวลา 03.15 น. ก่อนที่มาตรการเข้มงวดเริ่มมีผลบังคับใช้แค่ 44 นาที

เวลาเดียวกันนั้น รัฐบาลแคนาดาก็ได้ประกาศแบนเที่ยวบินโดยสารซึ่งมาจากอินเดียและปากีสถานเป็นเวลา 30 วัน สำนักข่าวซีบีซีนิวส์ รายงาน

ระหว่างการแถลงข่าวแบบเสมือนจริง รัฐมนตรีคมนาคม โอมาร์ อัลกาบรา ระบุว่า เนื่องจากผู้เดินทางที่มาจากทั้งสองประเทศซึ่งมาถึงแคนาดา ปรากฏว่ามีจำนวนผู้ที่ติดโรคโควิด-19 เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงต้องสั่งห้ามเที่ยวบินโดยสารที่มาจากสองประเทศนี้ทั้งเที่ยวบินเชิงพาณิชย์และเที่ยวบินส่วนตัว ตั้งแต่เวลา 23.30 น.วันพฤหัสบดี (22)

สำหรับเที่ยวบินบรรทุกสินค้าจะยังได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้ เขาบอก และอธิบายว่า เพื่อให้การขนส่งสินค้าข้าวของที่จำเป็น อย่างเช่น วัคซีน และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ยังคงสามารถกระทำได้

อัลกาบรากล่าวด้วยว่า ผู้โดยสารเครื่องบินที่ออกจากอินเดียหรือปากีสถาน แล้วมาถึงแคนาดาโดยผ่านประเทศที่สาม จะต้องมีใบแสดงผลทดสอบโควิด-19 เป็นลบจากจุดสุดท้ายที่พวกเขาเดินทางมา จึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าแคนาดา

ตามรายงานของ เดอะเดลีบีสต์ พวกผู้โดยสารเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว กำลังหลบหนีออกมาจากความสยดสยองชนิดเหนือจินตนาการในบ้านเกิดของพวกเขา

รายงานข่าวระบุว่า มีคนไข้โควิด-19 อย่างน้อย 14 คนเสียชีวิตในกองเพลิงที่ติดลุกท่วมหอรักษาผู้ป่วยอาการหนัก (ICU) ณ หนึ่งในโรงพยาบาลซึ่งมีคนไข้แน่นขนัดของอินเดีย

โรงพยาบาลแห่งนี้ซึ่งตั้งอยู่นอกเมืองมุมไบราว 70 ไมล์ เกิดไฟไหม้ขึ้นเมื่อราวๆ ตอนตี 3 ของวันศุกร์ (23) เวลานี้เพลิงสงบลงแล้ว ทว่ามีผู้ป่วยต้องเสียชีวิตไปอย่างน้อย 14 คน หลายๆ คนมีสายท่อระโยงระยางติดตัวและลำบากแก่การเคลื่อนย้าย

“คนไข้ราว 90 คนถูกรับตัวเข้ารักษาในโรงพยาบาลตอนที่เกิดอัคคีภัย” ดิลิป ชาห์ ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลวีเจย์ วัลลภ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ กล่าวในคำแถลงที่ออกมาเมื่อวันศุกร์ (23)

ขณะที่ อวินัช ปาติล หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ด้านนอกของโรงพยาบาลว่า ในตอนนั้นไม่มีหมออยู่เลยสักคน

“ผมได้รับโทรศัพท์เมื่อราวตี 3 จากเพื่อนคนหนึ่งซึ่งแม่ยายของเขารักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลนี้” เขาเล่า

“เมื่อผมมาถึงโรงพยาบาล ผมเห็นรถดับเพลิงหลายคันจอดอยู่ด้านนอก หอไอซียูที่อยู่ชั้นสองกำลังเต็มไปด้วยควันไฟ มีเพียงพยาบาล 2 คนอยู่ที่นั่น โดยผมไม่เห็นหมอเลยสักคน พนักงานดับเพลิงต้องใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงจึงดับไฟได้สำเร็จ เราสามารถมองเห็นศพราว 8-10 ศพอยู่ที่นั่น”

ก่อนหน้านั้นในสัปดาห์ที่แล้ว ก็เกิดเหตุออกซิเจนรั่วไหลที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐมหาราษฏระ ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลซึ่งเกิดไฟไหม้ในวันศุกร์ (23) ทำให้มีคนไข้โควิด-19 ที่กำลังใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่เสียชีวิตไป 24 คน เนื่องจากระบบจ่ายออกซิเจนติดขัด รายงานข่าวระบุ

สถานการณ์ในแดนภารตะกำลังสาหัสร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง โดยที่จำนวนผู้ป่วยใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงอยู่ในระดับเกิน 3 แสนราย 4 วันต่อเนื่องกันแล้ว แถมยังเป็นการทำลายสถิติโลกทั้ง 4 วันอีกด้วย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตก็เกินวันละ 2,000 คน ทั้งนี้ตามตัวเลขของกระทรวงสาธารณสุขในวันอาทิตย์ (25) รอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีเคสใหม่ 349,691 ราย และมีผู้เสียชีวิต 2,767 คน

การที่มีผู้ป่วยพุ่งลิ่วขึ้นมาเช่นนี้ ยังทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนทั้งออกซิเจน, เตียงคนไข้ในโรงพยาบาล รวมทั้งเครื่องช่วยหายใจ มีรายงานว่าครอบครัวที่รู้สึกหมดหวังเป็นจำนวนมากถูกบังคับให้ไปพึ่งพาพวกกักตุนปั่นราคาในตลาดมืด ซึ่งมีความสามารถซื้อหาเตียงว่างในโรงพยาบาลจากพวกผู้บริหารทุจริตคอร์รัปชั่น

ไม่เฉพาะแค่สหราชอาณาจักรและแคนาดา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ซึ่งเป็นฮับคมนาคมทางอากาศที่คึกคักที่สุดในภูมิภาคแถบนี้ ก็ได้ประกาศตั้งแต่วันพฤหัสบดี (22) ระงับเที่ยวบินทั้งหมดระหว่างยูเออีกับอินเดียทั้งขาไปและขากลับเป็นเวลา 10 วัน ตั้งแต่วันอาทิตย์ (25) เป็นต้นไป

จากการเปรียบเทียบราคาทางเว็บไซต์ต่างๆ แสดงให้เห็นว่า เที่ยวบินพาณิชย์ขาเดียวจากมุมไบไปยังดูไบในวันศุกร์ (23) และวันเสาร์ (24) ราคาขึ้นไปถึงที่ละ 80,000 รูปี (1,000 ดอลลาร์สหรัฐ) ประมาณ 10 เท่าตัวของอัตราตามปกติ

ส่วนตั๋วไป-กลับระหว่างนิวเดลี-ดูไบ ก็ไต่ขึ้นไปเป็นกว่า 50,000 รูปี ราว 5 เท่าตัวของระดับปกติ

สำหรับที่นั่งบนเจ็ตส่วนตัว ก็กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นมากมายในระดับที่ต้องเรียกว่า “บ้าคลั่ง” โฆษกผู้หนึ่งของ แอร์ ชาร์เตอร์ เซอร์วิส อินเดีย ซึ่งเป็นบริษัทจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพี

“เรามี 12 เที่ยวบินไปดูไบวันพรุ่งนี้ ตอนนี้ทุกเที่ยวบินเต็มหมดเกลี้ยงแล้ว” โฆษกผู้นี้บอก

ส่วนโฆษกของ เอนธรัล เอวิเอชั่น ผู้ให้บริการอีกรายหนึ่ง พูดทำนองเดียวกันว่า “ผมได้รับการสอบถามเกือบๆ 80 รายเรื่องบินไปดูไบ เฉพาะวันนี้วันเดียว”

“เราได้รับคำขอให้จัดเครื่องบินเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีกเพื่อสนองความต้องการ ... ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 38,000 ดอลลาร์สำหรับการว่าจ้างเครื่องบินเจตขนาด 13 ที่นั่งจากมุมไบไปดูไบ และ 31,000 ดอลลาร์ถ้าเป็นเครื่อง 6 ที่นั่ง” เขาบอกกับเอเอฟพี

“คนที่ต้องการจะไปกำลังหาทางรวมกลุ่มกันและหาทางแชร์ค่าใช้จ่ายเจ็ตของเราเพื่อจะได้ที่นั่งสักที่หนึ่ง ... เราได้รับการสอบถามบางรายเรื่องไปประเทศไทยด้วย แต่ส่วนใหญ่ที่สุดแล้วเป็นความต้องการไปดูไบ”

ยูเออีเป็นที่พำนักของชาวอินเดียราวๆ 3.3 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรที่นั่น พวกเขาส่วนใหญ่อยู่ในดูไบ ซึ่งเป็น 1 ใน 7 รัฐเจ้าอาหรับ (เอมิเรต) ที่รวมตัวกันเป็นประเทศในลักษณะของสหพันธ์รัฐเจ้าอาหรับแห่งนี้

(เก็บความจากเรื่อง India’s super-rich flee ‘unimaginable horror’ โดย Dave Makichuk ในเอเชียไทมส์ WWW.asiatimes.com)

เจ้าหน้าที่จากเอ็นจีโอซึ่งสวมเครื่องแต่งกายให้ดูคล้ายไวรัสโคโรนา ออกมายังตลาดแห่งหนึ่งเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนเกิดความตระหนักเรื่องโรคโควิด-19 การสวนหน้ากากป้องกัน เมื่อวันอาทิตย์ (25 เม.ย.) ที่เมืองสิลิกูริ รัฐเบงกอลตะวันตก ของอินเดีย

ตำรวจจับคนที่ไม่สวมหน้ากากป้องกัน ระหว่างการออกรณรงค์ให้ประชาชนเกิดความตระหนักเรื่องโรคโควิด-19 ที่เมืองสิลิกูริ รัฐเบงกอลตะวันตก ของอินเดีย เมื่อวันอาทิตย์ (25 เม.ย.)
กำลังโหลดความคิดเห็น