พรรคภารติยะชนตะ (บีเจพี) ของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย พ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งระดับท้องถิ่นของรัฐเบงกอลตะวันตก ซึ่งถือเป็นรัฐใหญ่ที่มีความสำคัญเมื่อวานนี้ (2 พ.ค.) ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ในอินเดียที่รุนแรงเข้าขั้นวิกฤต
โมดี ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าให้ความสำคัญกับการหาเสียงเลือกตั้งเกินไป จนละเลยมาตรการควบคุมโควิด-19 ซึ่งควรเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวโทษคณะกรรมการกลางการเลือกตั้งของอินเดียที่ปล่อยปละละเลยให้นักการเมืองจัดกิจกรรมหาเสียงที่มีผู้เข้าร่วมเป็นพันๆ ซึ่งเข้าข่ายละเมิดกฎการเว้นระยะห่างทางสังคม แถมคนส่วนใหญ่ก็แทบจะไม่สวมหน้ากากอนามัยกันเลย
มามาตา บาเนอร์จี วัย 66 ปี คาดว่าจะได้ครองเก้าอี้มุขมนตรีรัฐเบงกอลตะวันตกเป็นสมัยที่ 3 หลังจากที่พรรคตรีนามูลคองเกรส (Trinamool Congress Party - TMC) ของเธอกวาดที่นั่งในสภาเกิน 200 จากทั้งหมด 294 ที่นั่ง หรือคิดเป็นกว่า 2 ใน 3
เวลานี้ บาเนอร์จี ถือเป็นสตรีคนเดียวที่ดำรงตำแหน่งมุขมนตรีของรัฐในอินเดีย
อย่างไรก็ตาม พรรคบีเจพีของ โมดี ยังคงถือว่าเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักในสภาแห่งรัฐเบงกอลตะวันตก ด้วยจำนวน ส.ส. ที่ได้เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 80 ที่นั่ง จากที่เคยได้เพียง 3 ที่นั่งเมื่อปี 2016
สมาชิกพรรคบีเจพีระดับชาติและระดับท้องถิ่น รวมถึงตัว โมดี ต่างเดินหน้าหาเสียงอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อคว้าชัยในศึกเลือกตั้งท้องถิ่นของทั้ง 5 รัฐ ขณะที่หลายคนก็เฝ้าจับตาดูผลเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดว่าโควิด-19 ระลอกสองจะทำให้ทั้ง โมดี และพรรคบีเจพีเสื่อมความนิยมลงหรือไม่
พรรคบีเจพียังคงกวาดที่นั่ง ส.ส. ส่วนใหญ่ในรัฐอัสสัมเอาไว้ได้ ส่วนที่รัฐทมิฬนาฑูชัยชนะตกเป็นของพรรค DMK ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก
สำหรับผลเลือกตั้งที่รัฐเกรละ คาดว่าพรรคฝ่ายซ้าย CPI (M) จะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลท้องถิ่น ขณะที่กลุ่มพันธมิตรของบีเจพีเก็บที่นั่ง ส.ส. ไม่ได้เลย ส่วนที่ดินแดนสหภาพปูดูเชร์รี กลุ่มพันธมิตรที่นำโดยพรรค All India NR Congress ได้จำนวน ส.ส. ไปแล้ว 14 จากทั้งหมด 30 ที่นั่ง
แม้การลงคะแนนส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. ทว่าหน่วยเลือกตั้งบางแห่งมีการเปิดให้ประชาชนออกเสียงจนถึงช่วงเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นเวลาที่ยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายวันในอินเดียกลับมาพุ่งแตะหลักแสนคนอีกครั้ง
ที่มา: รอยเตอร์