xs
xsm
sm
md
lg

‘ธนาธร’รับทราบข้อหาม.112 ไลฟ์สดวัคซีนพระราชทาน ‘เต้น’ลั่นอยู่เคียงข้างคนรุ่นใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน 360 - ม็อบทะลุฟ้า บุกทำเนียบ จัดกิจกรรมถ่ายภาพ "ครม.ฉบับประชาชน" เลียนแบบ ครม.บิ๊กตู่ 2/4 เรียกร้อง 3 ข้อ "ปล่อยเพื่อเรา-ยกเลิก ม.112-นายกฯลาออก" ราชทัณฑ์ เร่งออกระเบียบกลางลดใช้ดุลพินิจผู้คุม "สมศักดิ์" กำชับดูแลนักโทษใกล้ชิด "ธนาธร" รับทราบข้อหา ม.112 ไลฟ์ "วัคซีนพระราชทาน" ส่วน "ณัฐวุฒิ" เปิดใจครั้งแรกหลังได้รับอิสรภาพ ย้ำ จุดยืนเดิมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ลั่น พร้อมอยู่เคียงข้าง "ม็อบคนรุ่นใหม่"

วานนี้ (30 มี.ค.) เพจเฟซบุ๊ก UNME of Anarchy ได้นัดหมายการชุมนุมที่บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล เวลา 14.00 น. โดยระบุว่า ไปถ่ายรูปกับ คณะรัฐมนตรี (ครม.) “ตะโกน ประยุทธ์ ออกไป” ท่ามกลางบรรยากาศที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้นัดถ่ายรูปหมู่ ครม. เพื่อต้อนรับ 4 รัฐมนตรีใหม่ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณไปเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตู้คอนเทนเนอร์ มาตั้งสกัดบนสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อเตรียมสกัดม็อบทะลุฟ้า และรักษาความปลอดภัยในทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้สแตนด์บายและตรึงกำลังอยู่ตามจุดทางเข้าออกต่างๆ

เวลา 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุม "ม็อบเดินทะลุฟ้า" ได้รวมกันกับบริเวณแยกพาณิชยการ สะพานชมัยมรุเชษฐ หน้าทำเนียบ จัดกิจกรรมเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อเรา ยกเลิก ม.112 และไลนายกรัฐมนตรี

โดยแกนนำผู้ชุมนุม นำภาพของแกนนำที่ถูกคุมขังในเรือนจำ มาถือไว้ในมือ พร้อมประกาศ จัดกิจกรรม “ถ่ายภาพ ครม.ฉบับประชาชน” เพื่อเลียนแบบการถ่ายรูป ครม.บิ๊กตู่ 2/4 เหมือนเมื่อเช้าที่ผ่านมา ทั้งนี้ มีการนำเก้าอี้มาให้กลุ่มผู้ชุมนุมนั่งเรียงแถว เพื่อถ่ายรูปด้วย โดยเรียกตัวเองว่า คณะราษมนตรี

เวลาประมาณ 15.50 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้อ่านแถลงการณ์ข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ก่อนจะยุติการชุมนุมเวลาประมาณ 16.00 น.

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึง ม็อบหมู่บ้านทะลุฟ้า ว่า "ก็ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนทางกฎหมาย ผมไปห้ามใครไม่ได้อยู่แล้ว"

ราชทัณฑ์ เร่งออกระเบียบกลางลดใช้ดุลพินิจผู้คุม

นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ แถลงกรณีที่แสดงความเห็นต่อกรณีนายอานนท์ นำภา ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอคุ้มครองความปลอดภัยชีวิตในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า การดำเนินการของเจ้าพนักงานเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครไม่ได้ใช้ความระมัดระวังอันกระทบต่อสิทธิของผู้ร้องกับพวกเท่าที่ควร และเห็นควรให้เจ้าพนักงานเรือนจำที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่โดยใช้ความระมัดระวังเพื่อให้ผู้ร้องกับพวกได้รับการคุ้มครองตามสิทธิที่กฎหมายรับรอง

ขณะนี้กรมราชทัณฑ์ อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการจัดทำ Standard Operating Procedures หรือ SOPs เพื่อเป็นระเบียบกลางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ และให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่งทั่วประเทศ

อีกทั้งยังช่วยปรับปรุงระเบียบข้อบังคับที่อาจจะไม่สอดคล้องกับสภาพสังคม ให้เกิดความเหมาะสมมากขึ้น ทั้งนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในช่วงกลางเดือนเมษายน 2564 นี้

"สมศักดิ์" กำชับราชทัณฑ์ดูแลนักโทษใกล้ชิด

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี ร.ต.ธนกฤติ จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม ประสาน มารดา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร ให้เลิกอดอาหาร เพราะเป็นห่วงสุขภาพว่า ทุกคนเป็นห่วงนายพริษฐ์ เพราะถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา จะเกิดปัญหา โดยสัปดาห์นี้จะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ให้ ผอ.เรือนจำทั้งหมดรับทราบนโยบาย และเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นให้ทันต่อเหตุการณ์

สำหรับเรื่องมาตรฐานของโรงพยาบาลของราชทัณฑ์ ดีเหมือนกันหมด ไม่มีปัญหา เพียงแต่เจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ มีจำกัดเพียง 1 คน ต่อนักโทษ 33 คน ส่วนอาจจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เพราะ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร์ ก็ประกาศจะอดอาหาร เราก็ได้แต่ระมัดระวัง

“เพนกวิน” นน.เหลือ 103 กก.

กรมราชทัณฑ์เผยอาการล่าสุดของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำราษฎร ล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา 07.35 น. เจ้าหน้าที่พยาบาลได้ตรวจติดตามอาการ เจ้าตัวปฏิเสธการเจาะเลือดตรวจน้ำตาลจากปลายนิ้ว มีน้ำหนัก 103 กิโลกรัม สัญญาณชีพโดยทั่วไปปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.5 องศาเซลเซียส อัตราเต้นของหัวใจ 68 ครั้งต่อนาที อัตราการหายใจ 18 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต 112/ 66 มิลลิเมตรปรอท โดยนายพริษฐ์ปฏิเสธการรับประทานอาหาร จึงยังคงให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ และดื่มเกลือแร่ทดแทน

'ธนาธร'ไม่หวั่นโดนฟ้องม.112

ที่ สน.นางเลิ้งนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เข้าพบ พ.ต.ท.อธิชย์ ดอนนันชัย รอง ผกก.(สอบสวน) สน.นางเลิ้ง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามกฎหมายอาญา ม.112 กรณีไลฟ์เฟซบุ๊กบรรยายหัวข้อ "วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย" บนเพจคณะก้าวหน้าและเพจนายธนาธร ซึ่งมีเนื้อหาวิจารณ์การจัดหาวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลที่มีความล่าช้า และตั้งข้อสังเกตถึงการถ่ายโอนเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้ามายังบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์

นายธนาธร กล่าวภายหลังการให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนกว่า 2 ชม. ว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งความไว้ 2 ข้อหาตามกฎหมายอาญา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ส่วนกรณีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้ขออนุญาตศาลให้ถอดเฟซบุ๊กไลฟ์นั้น ศาลชั้นต้นตัดสินให้คงคลิปไว้ได้

ด้านพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่า คดีนี้นายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาแจ้งความไว้จากกรณีที่นายธนาธรวิจารณ์เรื่องวัคซีนโควิด-19 โดยพนักงานสอบสวนได้รวบรวมหลักฐานมาระยะหนึ่งที่เชื่อว่ามีความผิดตามกฎหมายอาญา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ส่วนสาเหตุที่ตนต้องเข้ามาติดตามคดีด้วยตัวเองนั้น เนื่องจากเป็นคำสั่งของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากมีคดีความมั่นคง ระดับกองบัญชาการต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

โฆษกศาลฯเคลียร์ปมพาดพิประชุมใหญ่ศาลฎีกา

นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจง กรณีที่ปรากฏข้อความเผยแพร่ทางสื่อโซเชียลเฟซบุ๊กของ Ampapan petsuwan โพสต์ข้อความบิดเบือนเกี่ยวกับการไม่ให้ประกันตัวแกนนำม็อบคณะราษฎร จนทำให้ประชาชนหมดศรัทธา ซึ่งพาดพิงถึงการประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ว่า การประชุมใหญ่ของศาลฎีกาจะมีวาระพิจารณาอยู่ 2 ประเภท คือ ภารกิจตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งในการประชุมใหญ่ที่มีการกล่าวว่าเป็นการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น จะเป็นครั้งล่าสุด ที่มีการกำหนดวาระการประชุมไว้เพียงวาระการพิจารณาคัดเลือกกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่ง กสทช.ตามพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2564 ซึ่งถือเป็นภารกิจตามที่กฎหมายกำหนดให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาดำเนินการและวาระอื่นเป็นการพิจารณาข้อกฎหมายในคดีที่จะต้องอาศัยการลงมติของที่ประชุมใหญ่

ศาลฎีกาโดยมีผู้พิพากษาที่ปฏิบัติงานในศาลฎีกาเข้าประชุม จำนวน 245 คน ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่อาจเข้าร่วมประชุมได้และเป็นการประชุมลับ ซึ่งไม่มีการพูดคุยหรือหารือกันเกี่ยวกับการปล่อยชั่วคราวแต่อย่างใด อีกทั้งในวันดังกล่าวได้มีการลงคะแนนลับของผู้พิพากษาในศาลฎีกาเพื่อเลือกกรรมการสรรหาๆ โดยไม่มีการลงมติในเรื่องอื่นใดอีกทั้งสิ้น

ดังนั้นเรื่องราวตามที่มีการเผยแพรในสื่อโซเชียลจึงไม่เป็นความจริง เป็นการบิดเบือน และให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ อันก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และทำให้ศาลเป็นคู่กรณีกับฝ่ายต่างๆ

"ณัฐวุฒิ"ย้ำจุดยืนเดิมต่อสู้เพื่อปชต.

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แถลงเปิดใจหลังครบกำหนดวันต้องโทษ ที่ได้เข้าร่วมโครงการพักโทษและถอดกำไล EM ได้รับอิสรภาพ โดยมีนายแพทย์เหวง โตจิราการ , นายก่อแก้ว พิกุลทอง , นางธิดา ถาวรเศรษฐ และนายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ ร่วมแถลง รวมถึงมวลชนเดินทางมาให้กำลังใจ

โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนตัวขณะนี้ ยังมีคดีความที่ต้องต่อสู้ ซึ่งเป็นผลพวงจากการเคลื่อนไหวในปี 2552 และ 2553 อีกหลายคดี แม้สถานะของตนยังเป็นผู้ต้องคำพิพากษาศาลฎีกา ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี แต่ในฐานะประชาชน ยังยืนยันจุดยืนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง

"ผมไม่รู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางสายนี้ และมีคดีความมากมาย ติดคุกมาแล้ว 3 ครั้ง และ ไม่แน่ใจจะมีอีกกี่ครั้ง ความเจ็บปวดผมรับได้ ภาระที่ต้องแบกรับไม่หวั่นไหว และขอย้ำจุดยืน คือ อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ภายใต้หลักการคนเราเท่าเทียมกัน"

ส่วนกรณีการนัดชุมนุมในวันที่ 4 เมษายนของประธาน นปช. นายจตุพร พรหมพันธุ์ นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยแนวทางการเมืองกับนายจตุพร ในฐานะที่เป็นอดีตแกนนำ นปช. ยังไม่มีแนวคิดเคลื่อนไหวนำมวลชนคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมใหญ่ หรือ ชุมนุมร่วมกับกลุ่มอื่นๆในขณะนี้

นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษา ว่า เมื่อแกนนำตัดสินใจที่จะกล้าออกมา ทุกคนก็ถือว่าอยู่ในสถานะเดียวกันกับตน มีเกียรติและศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน แต่ขอแสดงตัวที่จะยืนเคียงข้างนักศึกษา และประชาชนที่กำลังต่อสู้อยู่

"อนาคตของประเทศจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าอนาคตของชาติยังอยู่ในห้องขัง สิ่งที่เกิดขึ้นที่คนรุ่นใหม่ออกมาต่อสู้ เป็นสิ่งที่คนรุ่นเราต้องรับผิดชอบ ถ้าประเทศดี เด็กเหล่านี้ต้องอยู่ในห้องเรียน ไม่ใช่ห้องขัง ดังนั้นต้องเอาเขาออกจากห้องขัง โดยคนที่เกี่ยวข้องจะต้องมานั่งหารือ ทำความเข้าใจ พูดคุยถึงปัญหาที่แท้จริง ด้วยบรรยากาศของความปราถนาดีต่อกันและกัน"


กำลังโหลดความคิดเห็น