ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “สมศักดิ์เจียม” งานนี้ไม่เหลือฟอร์มศาสดา 3 นิ้ว ศาลตอกหน้าดับมโนไม่มีธงจากสวรรค์ห้ามประกันตัวแกนนำคณะราษฎร หมิ่น 112
กรณี “ผู้ใหญ่อีแอบ” สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ผู้ต้องหาคดี ม.112 ซึ่งหลบหนีอยู่ในประเทศฝรั่งเศส และเป็นผู้นำทางความคิดที่ให้การสนับสนุนอยู่ข้างหลัง “ม็อบคณะราษฎร” โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลฯ แล้วมีการแชร์ต่อๆ กันถึงเบื้องหลังสาเหตุที่บรรดาแกนนำม็อบสามนิ้ว ที่กระทำผิด ม.112 ไม่ได้ประกันตัว เพราะมี “เสียงสวรรค์” สั่งลงมาที่ประธานศาลฎีกา จนเกิดปัญหาภายในศาล อ้างว่า ในการประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ที่ประชุมศาลไม่ไว้วางใจประธานศาล ไม่ไว้ใจในกระบวนการยุติธรรมขณะนี้
เรื่องนี้ “สุริยัณห์ หงษ์วิไล” โฆษกศาลยุติธรรม ออกมาอธิบายอย่างชัดเจนว่า การประชุมใหญ่ของศาลฎีกา จะมีวาระพิจารณาอยู่ 2 ประเภท คือ ภารกิจตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย และการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งในการประชุมใหญ่ที่มีการกล่าวว่าเป็นการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนั้น จะเป็นครั้งล่าสุด ที่มีการกำหนดวาระการประชุมไว้เพียง 2 วาระ คือ การพิจารณาคัดเลือกกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่ง กสทช. ตาม พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2564 ซึ่งถือเป็นภารกิจตามที่กฎหมายกำหนดให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาดำเนินการ
อีกวาระ เป็นการพิจารณาข้อกฎหมายในคดีที่จะต้องอาศัยการลงมติของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา โดยมีผู้พิพากษาที่ปฏิบัติงานในศาลฎีกาเข้าประชุม จำนวน 245 คน ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่อาจเข้าร่วมประชุมได้ และเป็นการประชุมลับ
ข้อเท็จจริงก็คือ ศาลไม่มีการพูดคุยหรือหารือกันเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวแต่อย่างใด อีกทั้งในวันดังกล่าวได้มีการลงคะแนนลับของผู้พิพากษาในศาลฎีกาเพื่อเลือกกรรมการสรรหาฯ โดยไม่มีการลงมติในเรื่องอื่นใดอีกทั้งสิ้น
พูดง่ายๆ ว่า ที่ “สมศักดิ์” ศาสดาม็อบ 3 นิ้ว โพสต์มาปั้นน้ำเป็นตัว มั่วเลอะเทอะ ทั้งไม่เป็นความจริง บิดเบือนและให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ พยายามเสี้ยมให้สังคมเข้าใจผิด หวังทำให้ศาลเป็นคู่กรณีกับฝ่ายต่างๆ
งานนี้ หมดกัน มั่วชนิดไม่เหลือฟอร์มศาสดาที่ชาว 3 นิ้วคลั่งไคล้กันเลยทีเดียว
**“เต้น” เปิดใจหลังได้รับอิสรภาพ แม้จะส่งใจไปยืนเคียงข้างม็อบ 3 นิ้ว แต่ยังไม่คิดฟื้นพลังคนเสื้อแดง มาร่วมผสมโรง
ถือว่าได้รับอิสรภาพเต็มตัวแล้ว สำหรับ “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขวัญใจ “คนเสื้อแดง” หลังถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี 8 เดือน ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี ในคดีบุกบ้าน “ป๋าเปรม” เมื่อปี 2550 ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. 63 ได้รับพระราชทานอภัยโทษ 2 ครั้งในเดือน ก.ค. และ ธ.ค. 63 จึงเข้าระเบียบ หลักเกณฑ์ การพักโทษ และได้รับการปล่อยตัว เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 63 แบบต้องติด “กำไล EM” โดยยังอยู่ในความดูแลของสำนักงานคุมประพฤติ ต้องรายงานตัวตามกำหนด จนถึงวันที่ 29 มี.ค. ครบวันต้องโทษ ถอดกำไล EM
แน่นอนว่า สังคมกำลังจับตาใคร่รู้ว่า เมื่อได้รับอิสรภาพแล้วเขาจะยังออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ อย่างไร ในยามที่มีการชุมนุมของ “กลุ่ม 3 นิ้ว” และมีบรรดาคนเสื้อแดงเป็นแนวร่วมอย่างแยกกันไม่ออก ... โดยเฉพาะ “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ คู่หูของ “เต้น” ประกาศจะออกมาเคลื่อนไหวขับไล่ “รัฐบาลลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบไม่แตะสถาบันฯ ในวันที่ 4 เม.ย.นี้
“ณัฐวุฒิ” เปิดแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (30 มี.ค.) ที่สำนักงาน UDD NEWS ห้างสรรพสินค้าเอเวอรี่ มอลล์ มี “เหวง โตจิราการ-ธิดา ถาวรเศรษฐ-ก่อแก้ว พิกุลทอง” แกนนำ นปช. มาร่วมด้วย โดยเขายังคงย้ำจุดยืนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คือ “ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย” ยึดหลักอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ทุกคนเท่าเทียมกัน !!
พร้อมประกาศ ขอยืนเคียงข้าง ขบวนการนักศึกษา ประชาชน ที่กำลังเคลื่อนไหวต่อสู้อยู่ในขณะนี้ เพราะช่วงที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ได้มีโอกาสพูดคุยกับแกนนำ แม้จะเป็นระยะเวลาเพียงสั้นๆ แต่ก็ได้รับรู้ว่า การต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ เป็นพลังบริสุทธิ์ที่ต้องการเห็นประเทศมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้ถูกล้างสมอง หรือชักจูงโดยใคร และขอปฏิเสธข้อกล่าวหาบิดเบือน ให้ร้ายป้ายสีว่าการแสดงท่าทีเช่นนี้ หมายถึง การมุ่งร้าย ทำลายสถาบันฯ
“อนาคตของประเทศจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าอนาคตของชาติยังอยู่ในห้องขัง สิ่งที่เกิดขึ้นที่คนรุ่นใหม่ออกมาต่อสู้ เป็นผลพวงและสิ่งที่คนรุ่นเราต้องรับผิดชอบ ถ้าประเทศดี เด็กเหล่านี้ต้องอยู่ในห้องเรียน ไม่ใช่ห้องขัง ดังนั้น ต้องเอาเขาออกจากห้องขัง”
ชัดเจนว่า “เต้น” หันหน้าไปในทิศทางเดียวกับ “ม็อบ 3 นิ้ว” แต่ก็ยังเหลือทางถอยแบบไว้เชิงว่า ... ถ้าจะให้ไปขึ้นเวทีในขณะนี้นั้นไม่ใช่ เว้นแต่ว่าในอนาคต ถ้าสถานการณ์มันเกิดความจำเป็น มันไม่มีวิธีการอื่นจริงๆ ก็ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต
ส่วนจะกลับมาเป็นคู่หู “ตู่-เต้น” นำมวลชนคนเลื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลลุงตู่ ในวันที่ 4 เม.ย.นี้ หรือไม่นั้น “เต้น” บอกว่ายังไม่ได้คุยกัน แต่ก็เห็นว่าลำพังตัว “ตู่” เองก็มีประสบการณ์ มีศักยภาพอยู่แล้ว และในฐานะที่เป็นอดีตแกนนำ นปช. ยังไม่มีแนวคิดนำมวลชนคนเสื้อแดง ออกมาชุมนุมใหญ่ หรือชุมนุมร่วมกับกลุ่มอื่นๆ ในตอนนี้
“ผมกับคุณจตุพร เราเป็นพี่น้องกัน ในทางส่วนตัวอย่างไรก็แยกกันไม่ได้ แล้วความปรารถนาดีก็ยังมีให้กันอยู่เสมอ แต่ว่าในแง่ของกระบวนการทางการเมือง ในแง่ของการขับเคลื่อนทางการเมือง ในฐานะองค์การนำของ นปช. แบบเดิมนั้น ในข้อเท็จจริงมันไม่ได้ดำรงสภาพอยู่แล้วเกือบ 3 ปี ดังนั้น ข้อความเคลื่อนไหวใดๆ ต่างๆ ที่คุณจตุพร และคณะดำเนินการนั้น ก็เป็นไปอย่างที่ผมได้อธิบายความไปตั้งแต่ตอนต้นว่า ยังไม่ได้ทราบเรื่อง และคงจะเป็นคนที่ติดตามข่าวสาร ติดตามความเคลื่อนไหว และไม่มีเจตนาจะไปกระทบกระทั่งใดๆ กับคณะที่เคลื่อนไหวกันอยู่ เพราะว่าอย่างที่เรียนว่าทุกคนมีประสบการณ์และมีศักยภาพ ก็แล้วแต่ว่าจะหารือกันอย่างไร”
เอาเป็นว่า “เต้น” ยังมีเลือดนักสู้ของคนเสื้อแดงอยู่ข้นคลั่ก แต่ถ้าจะให้ออกมายืนแถวหน้าในตอนนี้ ยังไม่ใช่เวลา ...คำถามจึงมีอยู่ว่าหรือต้องรอสัญญาณจาก “คนแดนไกล” ที่ระยะหลังมานี้ออกมาเคลื่อนไหวถี่ขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ก็คงต้องจับตากันว่าบทบาททางการเมืองนอกสภาของ “เต้น” จะเดินต่อไปอย่างไร จะเขย่ารัฐบาลลุงตู่ให้สะเทือนได้แค่ไหน