วันที่ผู้นำคณะรัฐประหารของเมียนมา พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย เป็นเจ้าภาพจัดงานวันกองทัพเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ไทยเป็น 1 ใน 8 ประเทศที่ได้ส่งตัวแทนเข้าไปร่วมงานด้วย เป็นตัวแทนของกองทัพเช่นกัน เพียงแต่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ระดับสูง
จะสูงหรือจะด้อยตำแหน่ง ก็เป็นตัวแทนของกองทัพไทย ซึ่งได้ออกคำชี้แจงว่าเป็นการแสดงออกด้านความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพ ต้องแยกส่วนกันระหว่างความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาล...นั่นนี่โน่น ไปตามเรื่อง
ฟังแล้วมีเหตุผลเพียงพอหรือไม่ นั่นก็แล้วแต่มุมมองส่วนบุคคล
ทั้ง 8 ประเทศมีรัสเซีย จีน อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ เวียดนาม ลาว และไทย วันจัดงานเป็นวันเดียวกับที่ทหารพม่าเข่นฆ่าประชาชนพม่าอย่างเลือดเย็น เสียชีวิตอย่างน้อย 144 ราย บาดเจ็บมีเท่าไหร่ ยังไม่ทราบ
ส่วนใหญ่โดนกระสุนปืนไรเฟิลใช้ในสงครามแล้วรอดยาก และทหารพม่าประกาศด้วยความภาคภูมิใจว่าจะยิงที่หัว และข้างหลัง ไม่มีวันยิงขาหรือส่วนที่ไม่สำคัญให้เสียลูกปืน ล่าสุด ยอดรวมคนเสียชีวิตมีมากกว่า 430 ราย
กองทัพไทยไปร่วมงานด้วยความภาคภูมิใจกับความสำเร็จของกองทัพพม่าในการสังหารประชาชนเพียงเพื่อให้อยู่ในอำนาจเพราะต้องการรักษาผลประโยชน์ด้านพาณิชย์มีมูลค่าตอบแทน และผลกำไรมหาศาลแต่ละปีหรืออย่างไร
การไปเข้าร่วมนั้น แน่นอน เป็นตัวแทนประเทศไทย แต่ว่าได้รับการเห็นดีเห็นงามของกระทรวงการต่างประเทศแล้วหรือยัง หรือว่าเป็นรัฐบาลเดียวกันและเจ้ากระทรวงการต่างประเทศยุคนี้ถูกมองว่าไร้น้ำยา ขาดกิจกรรม ไม่หือไม่อืออะไร
ประเทศไทยขาดการนำของอาเซียนในนโยบายและการแสดงจุดยืนในเรื่องวิกฤตในพม่ามาตั้งแต่เริ่ม ท่องแต่คาถาว่า “ยึดหลักนโยบายไม่ยุ่งเกี่ยวกิจการภายในประเทศเพื่อนบ้าน” ใครจะฆ่ากันตายมากเท่าไหร่ก็ไม่สนใจ ว่างั้นเถอะ
การที่กองทัพส่งผู้แทนเข้าร่วมนั้น จะให้เข้าใจว่าได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีกลาโหม หรือหัวหน้ารัฐบาลแล้ว เช่นนั้นหรือ เพราะเรื่องนี้สำคัญ เป็นการแสดงออกให้เห็นจุดยืนของรัฐบาลไทยโดยตรงต่อรัฐเผด็จการทหารพม่า
ขอโทษ! กองทัพเป็นผู้กำหนดนโยบายต่างประเทศอย่างเป็นเอกเทศ ไม่ผูกพันกับรัฐบาลไทยเช่นนั้นหรือ ไม่ใส่ใจกระแสประชาคมโลกเช่นนั้นหรือ
ได้มีการประเมินอย่างถี่ถ้วน รอบคอบแล้วหรือยังในการส่งตัวแทนไปร่วมงาน หรืออ้างว่าเราไม่จำเป็นต้องปรึกษาใครหรือเพื่อนบ้านอาเซียน เราเป็นประเทศมีอธิปไตย มีนโยบายต่างประเทศอย่างเป็นอิสระ
ประเทศอื่นๆ ได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรทั้งผู้นำทหาร และกิจการที่ควบคุมโดยกองทัพพม่า และจะยังมีมาตรการอื่นๆ ตามมา เราไม่สนใจงั้นหรือ
ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพมีความสำคัญเหนือกว่าความสัมพันธ์ระดับประเทศ หรือระหว่างประชาชนไทยกับชาวพม่า เช่นนั้นหรือ
ทำไมอาเซียนอีก 6 ประเทศไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วม? ทำไมไม่คุยกัน ปรึกษากันก่อนในกลุ่มประเทศอาเซียนว่าควรมีจุดยืนร่วมกันอย่างไรในงานวันกองทัพพม่า เมื่อขณะนี้รัฐบาลทหารพม่ากำลังเป็นหมาหัวเน่าในสายตาประชาคมโลก
มีเสียงประณามจากองค์การสหประชาชาติ องค์กรอื่นๆ รวมทั้งประเทศอื่นๆ มีมติในคณะมนตรีความมั่นคง ประณามพฤติกรรมทหารพม่า เพียงแต่รัสเซียและจีนใช้อำนาจวีโต้ ทำให้การประณามเป็นเพียงถ้อยคำทำให้คันๆ แก่ผิวผู้นำทหารพม่า
การอ้างความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพนั้น เป็นเพราะได้มีประสบการณ์ทำรัฐประหารมาแล้ว ไทยมีประสบการณ์ทำรัฐประหารมากกว่ากองทัพพม่าเช่นนั้นหรือ การเป็นนักรัฐประหารย่อมเข้าใจ รู้ซึ้งถึงหัวอกนักรัฐประหารด้วยกัน ใช่มั้ย
หรืออ้างแบบเดิมว่าไทยและพม่าเป็นเพื่อนบ้านกัน มีพรมแดนติดกันกว่า 2 พันกิโลเมตร จะยกประเทศหนีไปไหนก็ไม่ได้ ดังนั้นต้องหาทางอยู่ร่วมกันให้ได้
แต่เรื่องการเข่นฆ่าประชาชนอย่างโหดร้ายทารุณเป็นพฤติกรรมที่ประชาคมโลกไม่ยอมรับ การเข้าร่วมงานจึงเหมือนเป็นนัยสำคัญว่า “ไทยโอเค” ด้วยนะ
เหมือนเรามีเพื่อนบ้านโดนข้อหาปล้น ข่มขืนฆ่าเจ้าทรัพย์ ประกันตัวออกมา จัดงานขึ้นบ้านใหม่ แล้วเราไปนั่งร่วมโต๊ะอาหาร ดื่มกินฉลองหน้าตาเฉย ใช่มั้ย
หรือจะมีคำอธิบายอย่างอื่น มีเหตุผลที่ฟังได้ดีกว่านี้ ก็ว่ามา
การสังหารโหดประชาชนในวันกองทัพพม่า ถือว่าเป็นจำนวนสูงสุดต่อวัน ได้รับเสียงประณามจากรัฐมนตรีกลาโหมจาก 12 ประเทศ ล้วนเป็นประเทศตะวันตก ยกเว้นญี่ปุ่น เรียกร้องให้กองทัพพม่าหยุดยั้งการเข่นฆ่าประชาชน
“กองทัพมีหน้าที่รักษาชีวิตปกป้องประชาชน ไม่ใช่เอาอาวุธมาไล่เข่นฆ่าประชาชน” คำประณามของรัฐมนตรีกลาโหม 12 ประเทศ ซึ่งเน้นคำว่าการเป็น “ทหารอาชีพ” มีหน้าที่ช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่กระทำพฤติกรรมอัปยศเช่นนั้น
สมาชิกอาเซียนเคยร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยามเผชิญวิกฤตต่างๆ แต่ครั้งนี้มีแต่เพียงอินโดนีเซียที่พยายามมีบทบาทในการหาทางออก ขณะที่สิงคโปร์แสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยชัดเจนในการกระทำต่อประชาชนอย่างโหดเหี้ยม
แต่กระทรวงการต่างประเทศของไทยกลับทำตัวเหมือนนอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น ไม่เล่นทั้งบทพระเอก พระรอง ดีไม่ดีจะถูกยัดเยียดบทตัวช่วยผู้ร้ายไปด้วย